Skip to main content
sharethis


สำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551 หลังจากที่รัฐบาลพม่าและรัฐบาลจีนเริ่มก่อสร้างเขื่อนมิตโซนบนแม่น้ำอิระวดี รัฐคะฉิ่น หนึ่งในเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในพม่าเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากต้องไร้ที่อยู่ และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางจากทหารพม่า


 


เขื่อนมิตโซนเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่บนลุ่มน้ำอิระวดีทางตอนเหนือและห่างจากเมืองมิตจีนา เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นเป็นระยะทาง 42 กิโลเมตร


 


แหล่งข่าวรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบวิศวกรชาวจีนและพม่ากำลังทำงานในพื้นที่สร้างเขื่อน รวมถึงคนงานก่อสร้างกว่า 300 คนจากบริษัทเอเชียเวิลด์ของนายทุนมิ้นหน่าย นักธุรกิจที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับรัฐบาลพม่า ซึ่งคนงานที่สร้างที่พักใกล้บริเวณสร้างเขื่อนได้ระเบิดใต้น้ำเพื่อทำลายก้อนหินและเคลียร์พื้นที่


 


สื่อท้องถิ่นเดอะนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ของรัฐบาลพม่ารายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมาว่า โครงการสร้างเขื่อน 7 แห่งบนแม่น้ำอิระวดีนั้นจะสามารถ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 13, 360 เมกกะวัตต์ ขณะที่เขื่อนมิตโซนที่กำลังดำสร้างอยู่ในขณะนี้จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 3,600 เมกกะวัตต์ ซึ่งบริษัทไชน่าเพาเวอร์อินเวสท์เมนท์ คอร์ปอร์เรชั่นของรัฐบาลจีนและรัฐมนตรีด้านพลังงานของพม่าหมายเลข 1 ได้ลงนามความร่วมมือในโครงการสร้างเขื่อนดังกล่าวเมื่อปลายปี 2549


 


อย่างไรก็ตาม  ขณะที่มีการดำเนินการก่อสร้างเขื่อนอยู่นั้น ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง หลังจากทหารพม่ากองพันที่ 121 เข้ามาประจำในพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่สร้างเขื่อน


 


ชาวบ้านในพื้นที่คนหนึ่งกล่าวว่า ทหารพม่าไม่ได้อยู่ในค่ายทหารแต่กลับยึดห้องสมุดของหมู่บ้านตังแป (ห่างจากพื้นที่สร้างเขื่อน 5 กิโลเมตร)เป็นทีพัก และทำทุกอย่างตามอำเภอใจ ทั้งรีดไถเงินจากพ่อค้าหรือหยิบของในร้านไปโดยไม่จ่ายเงิน เป็นต้น นอกจากนี้ทหารพม่ายังเก็บพืชผักที่ชาวบ้านปลูกไว้ หรือแม้กระทั่งหมูและไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ติดมือไปด้วยเสมอเมื่อเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเนื่องจากถูกทางการพม่าข่มขู่ไม่ให้ติดต่อกับชาวต่างชาติและสื่อนอกประเทศ


 


หน่อละ ผู้ประสานงานขององค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมคะฉิ่น (KEO) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า หากมีการสร้างเขื่อน มรดกทางธรรมชาติของชาวคะฉิ่นในพื้นที่มิตโซนจะถูกทำลาย หมู่บ้านกว่่า 40 แห่งจะจมอยู่ใต้น้ำ นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนทหารพม่าในพื้นที่สร้างเขื่อนจะก่อให้เกิดการบังคับย้ายถิ่นฐาน ทรัพยากรป่าไม้จะถูกทำลาย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอีกหลายระลอก


 


หน่อละกล่าวเพิ่มเติมว่า  รัฐบาลพม่าควรที่จะบอกให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมาโดยให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ แต่นับตั้งแต่มีเริ่มโครงการ ชาวบ้านไม่ได้รับการติดต่อประสานงานจากทางการพม่าเลย


 


อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่บางส่วนได้เตรียมการย้ายไปอยู่ในเมืองมิตจีนาก่อนหน้านี้ ขณะที่ประชาชนบางส่วนต้องย้ายอยู่บนภูเขาใกล้กับหมู่บ้านของตัวเอง  


 


เจ้าหน้าที่ของกลุ่มสมัชชาที่ปรึกษาคะฉิ่นกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการส่งจดหมายร้องเรียนถึงรัฐบาลพม่าเพื่อเรียกร้องให้ล้มเลิกโครงการดังกล่าว โดยในจดหมายระบุว่า การสร้างเขื่อนนั้นจะทำลายชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านในพื้นที่  ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า แต่รัฐบาลพม่าไม่ได้สนใจต่อคำเรียกร้องดังกล่าวแต่อย่างใด


 


ปัจจุบัน รัฐบาลพม่าได้ลงนามความร่วมมือในโครงการสร้างเขื่อนหลายโครงการทั่วประเทศร่วมกับจีนและไทย โดยรัฐบาลพม่าคาดหวังว่า โครงการสร้างเขื่อนดังกล่าวจะสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2552


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net