23 ม.ค.51 เวลา 09.00 น.นายภูวิช โต๊ะหลี เยาวชนกลุ่มคัดค้านท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อ.จะนะ จ.สงขลา เดินทางมาศาลอุทธรณ์ภาค 9 พร้อมด้วยนายแสงชัย รัตนเสรีวงษ์ จากสภาทนายความ และชาวบ้านกลุ่มคัดค้านประมาณ 50 คนตามที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลาได้มีหมายนัด เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีระหว่างพนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัว จ.สงขลาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูวิส โต๊ะหลี ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดต่อเสรี ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาไม่เห็นพ้องคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นและพิพากษากลับยกฟ้องโจทก์
ทั้งนี้ คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย.46 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ส่วนหน้าดูแลความปลอดภัยให้กับโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย ประจำตำบลตลิ่งชัน(ชุดฉก.) ใช้กองกำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 นาย สลายกลุ่มชาวบ้านและทุบตีนายภูวิส ซึ่งเป็นเยาวชนจนสลบเพื่อแย่งชิงกล้องวีดีโอและจับกุมตัวไปดำเนินคดี เนื่องจากนายภูวิสบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจดังกล่าวใช้กระบองไล่ทุบตีชาวบ้านกลุ่มคัดค้าน บริเวณหน้ามัสยิดลานหอยเสียบ ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อคราวเจ้าหน้าที่บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย(ประเทศไทย)จำกัด (ทีทีเอ็ม) ลงสำรวจลำรางสาธารณประโยชน์เพื่อนำน้ำไปใช้ในโรงแยกก๊าซฯ
คดีนี้ศาลชั้นต้นเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลาได้พิพากษาปรับและจำคุก 2 ปี 6 เดือน แต่ศาลพิเคราะห์รายงานข้อเท็จจริงประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำผิดมาก่อน ความประพฤติด้านอื่นไม่ปรากฏข้อเสียหายมากนัก ประกอบกับจำเลยได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คดีนี้ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมพฤติกรรมจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เนื่องจากพยานฝ่ายโจทก์ระบุถึงบุคคลที่กล่าวอ้างว่าเป็นจำเลยซึ่งเข้าข่มขู่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่ระหว่างสลายการชุมนุมโดยให้การถึงพฤติกรรมและบุคลิกลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเห็นว่าเหตุผลที่ชาวบ้านชุมนุมกันนั้นมีวัตถุประสงค์ในการคัดค้านโครงการการก่อสร้างโรงแยกก๊าซฯ คนที่ร่วมชุมนุมย่อมมีทั้งคนที่ชุมนุมอย่างสงบและก่อความรุนแรง หากคนใดคนหนึ่งหรือหลายคนทำผิดกฎหมายจะรับฟังว่าบุคคลอื่นที่ร่วมชุมนุมอยู่ด้วยกันร่วมกันทำผิดทุกคนหาได้ไม่ นอกจากนี้ยังมีการจับกุมจำเลยตั้งแต่วันเกิดเหตุ แต่ไม่มีพยานโจทก์เบิกความถึงการจับกุมจำเลย จึงเป็นการจับกุมจำเลยโดยไม่มีผู้ใดยืนยันว่าจำเลยมีพฤติกรรมกระทำผิด ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นลงโทษพิพากษาจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวไม่เห็นพ้องด้วย และเห็นว่าอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
ด้านนาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
พิพากษาเยาวชนกลุ่มค้านท่อฯจะนะรอลงอาญา ชาวบ้านลั่นอุทธรณ์ต่อ
การยกฟ้องในคดีก่อนหน้านี้ :
ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องคดีท่อก๊าซจะนะ
ศาลสงขลาพิพากษายกฟ้องกลุ่มคัดค้านฯท่อก๊าซจะนะในข้อหาต่อร่างกายและความผิดต่อเสรีภาพ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)