โดย สิริวรรณ ศรีเพ็ญจันทร์
"ให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งต่อสู้ หลายสิบปีพันตูมิรู้ถอย
เคียงข้างคนจนยากทั้งมากน้อย ประคองคอยสรรสร้างทางประชา"
"เจ้ามดน้อยกลอยใจจากไปแล้ว ทิ้งเทือกแถวนักสู้ผู้กล้าหาญ
ถวิลหาอาลัยใจสะท้าน คงผลงานยิ่งใหญ่ให้คำนึง
วนิดาลงจากพรากผองเพื่อน มิลืมเลือนใจเราเฝ้าคิดถึง
ตลอดทางผกผันอันลึกซึ้ง ว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ร่วมรบ
กับหญิงสาวชาวกรุงผู้มุ่งมั่น ไม่เคยหวั่นศัตรูผู้เจนจบ
ท้าทายถึงทำเนียบเหยียบทำนบ ทลายเขื่อนสยบอำนาจรัฐ
เราผู้อยู่จะสู้ให้เพื่อนต่อ กับแม่พ่อพี่น้องผู้ข้องขัด
ในนามคนจนคนปฏิวัติ จงแจ่มชัดสุดหน้าจงฝ่าฟัน"
|
บางส่วนจากบทกวีของ "น้าหงา คาราวาน" อาจารย์ใหญ่ของวงการเพลงเพื่อชีวิต ที่ได้จดปากกาเขียนกวี เพื่อมอบแด่ วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ หลังจากที่รู้ว่าเธอจากไปไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งบทกวีนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตและอุดมการณ์ของวนิดาไว้ได้อย่างชัดเจน
หากกล่าวถึง วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ หรือ "มด" หลายคนอาจจะไม่รู้จักเธอ แต่ในสังคมของผู้ยากไร้และคนจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากโครงสร้างใหญ่ของสังคม เธอเป็นนักต่อสู้เพื่อพี่น้องคนจนบนผืนแผ่นดินและเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม หญิงสาวผู้นี้รับใช้พี่น้องคนยากจนในชนบท ซึ่งเธอได้รับใช้ผู้ยากไร้ทั้งหลายด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีวิถีชีวิตอันเรียบง่าย เธอร่วมเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นกับพี่น้องชาวบ้านอย่างแยบคาย กล้าท้าทายอำนาจอันอธรรมด้วยสันติวิธีมาหลายต่อหลายครั้ง แม้จะได้ชัยชนะน้อยครั้ง แต่เธอและชาวบ้านต่างก็ประกอบไปด้วยขันติธรรมและสามัคคีธรรม ซึ่งควรค่าแก่การก้มหัวให้ยิ่งนัก เธอได้ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม ตั้งแต่ปี 2547 และจากโลกนี้ไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา หลังจากต่อสู้กับความเจ็บป่วยมานานกว่า 2 ปี
มด ได้แสดงความคิดที่มาจากหัวใจและจากเสียงเรียกร้องของคนจน อีกทั้งวีรชนนิรนามทั้งหลาย ที่เป็นผู้อุทิศทำงานเพื่อคนยากจน เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เธอคิดว่าความยากจนไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ ถ้าเป็นเพียงความยากจนทางด้านวัตถุ หรือว่าไร้ชื่อเสียงเกียรติยศต่างๆ เพราะแท้จริงแล้วความยากจนนั้นเองที่ก่อให้เกิดความเรียบง่าย ความสมถะ และลึกๆ แล้วมีความสุข
"ในยุคสังคมปัจจุบัน เราวัดค่ากันที่เงิน แม้กระทั่งราคาของความเป็นคนก็วัดกันที่เงิน แต่ดิฉันอยากถามว่าใครเป็นผู้กำหนดอัตราค่าแลกเปลี่ยนเหล่านี้ คนจนมีส่วนร่วมไหม ถ้าคนจนมีส่วนร่วม ทำไมข้าวเปลือกถึงถูก ข้าวสารถึงแพง ทำไมค่าแรงถึงต่ำ แต่สินค้าสำเร็จรูปถึงได้มีราคาแพง เพราะว่าคนยากจนซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มีโอกาสกำหนดมูลค่าของสิ่งของที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้ เขาถูกเอาเปรียบพอสมควร เพราะฉะนั้น ดิฉันคิดว่าความยากจนเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเวรกรรม แต่เกิดจากความไม่เป็นธรรม"
"ดิฉันคิดว่าสังคมจะอยู่อย่างมีความสุข ด้วยการที่เราพยายามช่วยเหลือคนจนเหล่านี้ ไม่ด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง เราจำเป็นต้องตอบแทนพวกเขา ในขณะที่เราไม่ต้องปลูกข้าว ถ้าเราไม่ช่วยชาวนา ลูกหลานของเราในอนาคตอาจจะไม่มีข้าวกิน ในขณะที่เราไม่ต้องทอผ้า เราก็ต้องช่วยคนงาน เพราะว่าคนงานคือคนที่จะผลิต ทอผ้าให้เรา"
มด ได้เปรียบเทียบตัวเองเป็นเหมือนเช่น "หิ่งห้อย" ที่เรืองแสงในยามที่ทุกสิ่งมืดมิด เฝ้ามองความเป็นไปของสรรพสิ่งอย่างเงียบสงบ เธอมีแรงศรัทธาที่จะนำพาผู้คนที่ทนทุกข์ได้หลุดพ้นจากโซ่ตรวนของกิเลสและเคราะห์กรรม และยากเห็นผู้คนในสังคน พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลานเป็นเช่น หิ่งห้อย ที่เรืองแสงร่วมกันบนหนทางแห่งธรรม คราเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงพราว หิ่งห้อยน้อยก็จากลาไป
เฉกเช่น "นิธิ เอียวศรีวงศ์" ที่ได้เขียนถึง มด ไว้อย่างน่าสนใจว่า "มดเป็นตัวแทนของยุคสมัย ยุคสมัยที่คนหนุ่มสาวกล้ามองไปถึงดวงดาว และทุ่มเทชีวิตของตัวเพื่อฝ่าฟันไปหยิบดวงดาวนั้นมาเป็นสมบัติของปวงชน ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะได้ครอบครองไว้เองในนามของปวงชน ระแวดระวังกับการไกล่เกลี่ยกับสิ่งที่เป็นอุปสรรคหรือปฏิปักษ์ จึงไม่ยอมหลงทางกับความสำเร็จเฉพาะหน้าแทนเป้าหมายในระยะยาว แม้ต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีไปตามความจำเป็นของสถานการณ์ แต่ไม่มีวันทิ้งยุทธศาสตร์หรือเป้าหมายหลักไปแต่อย่างใด และยุทธศาสตร์หรือเป้าหมายหลักของมดคือ "ความเป็นธรรมในสังคม" ซึ่งขาดแคลนในสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง"
มดจากพวกเราไปจะครบรอบ 50 วันในเดือนมกราคมนี้ ซึ่งทางมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ร่วมกับองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงชีวิตและงานที่มีคุณค่าของเธอ โดยมี สมบูรณ์ จึงเปรมปรีดิ์ ผู้จัดการมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ได้อธิบายถึงรายละเอียดการจัดงานครั้งนี้ว่า
"เรามองว่าคนในสังคมและนักกิจกรรมที่ทำงานทางสังคมรุ่นหลัง จะหันมาสนใจและเหลียวมองปัญหาของคนจนในสังคมกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยใช้การทำงานของพี่มดเป็นตัวจุดประกาย เป็นจุดเริ่มต้นของการสนใจคนทุกข์ยากบนผืนแผ่นดิน ร่วมกันสร้างความเป็นธรรมให้เกิดในสังคม และช่วยกันเปลี่ยนสังคมให้มีความเท่าเทียมอย่างแท้จริง ซึ่งพี่มดจะเป็นแบบอย่างที่ควรสานต่อที่ดียิ่ง เราจึงร่วมกันจัดให้มีการพูดคุย ชวนกันคิด ชวนกันสานต่อ ในหัวข้อ "สานตำนานนักสู้เพื่อคนจน บทเรียน ความหวัง ก้าวต่อไปของขบวนการคนจน" โดยมีวิทยากรที่น่าสนใจคือ พระไพศาล วิสาโล อดีตปัญญาชนรุ่นใหม่ของสังคม ที่ละชีวิตฆราวาสตั้งแต่วัยหนุ่ม มุ่งสู่ชีวิตนักบวช เป็นเวลา 21 พรรษา และเป็นพระอนุรักษ์ ที่เชื่อมความคิดกับสังคมมาตลอด"
"เราจะได้เห็นมุมมองของเพื่อนนักสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมของวนิดา เช่น พ่อสมเกียรติ พ้นภัย และนันทโชติ ชัยรัตน์ พี่น้องจากสมัชชาคนจน จินตนา แก้วขาว, กรณ์อุมา พงษ์น้อย จากบ่อนอกและบ้านกรูด รวมทั้งนักวิชาการที่ไม่เคยทอดทิ้งและเคียงข้างคนจนมาตลอดอย่าง อาจารย์บัณฑร อ่อนดำ ซึ่งมี ชาญวิทย์ อร่ามฤทธิ์ พี่ชายทางสังคมของวนิดาและเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับคนยากจนในสังคมมาตลอดชีวิตการทำงาน เป็นผู้ดำเนินรายการ ทั้งนี้หลังจบรายการเสวนา ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม จะมากล่าวปัจฉิมกถาปิดท้ายอีกด้วย"
คุณค่าของเธอจะทำให้กับคนรุ่นหลังได้เหลียวมอง และควรจะร่วมกันสานต่อปณิธานของเธอในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นและเป็นจริงในสังคมได้อย่างไร? ขอเชิญทุกท่านร่วมกันค้นหาคำตอบว่า "ทำไมต้องช่วยคนจน?" ใน งานครบรอบ 50 วัน แห่งการจากไปของ มด วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม 2551 เวลา 13.30-16.30 น. ณ ป๋วย-เสวนาคาร อาคารพุทธมามกะชั้น 2 โรงเรียนวัดปทุม-คงคา ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 084-113-8686/02-4389331-2 หรือที่ www.semsikkha.org
แม้ว่าชีวิตของ มด ที่เกิดมาเพื่อคนอื่นได้จบสิ้นลงแล้ว ภาระหน้าที่ต่อสังคมและผู้คนยากไร้บนผืนแผ่นดินที่เธอแบกรับมาตลอดชีวิตก็ได้จบสิ้นตาม แต่สังคมข้างหน้าจะเป็นอย่างไร คงต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไปที่จะสานต่อ แม้ว่าแผ่นดินนี้ยังต้องการคนอย่าง วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ อยู่มากก็ตาม
สำหรับผู้ที่สนใจจะร่วมกันสานต่อเจตนารมณ์ของ วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ สามารถสนับสนุนกองทุน และบริจาคโดยการโอนเงินเข้าบัญชีของ นางสาวมณี ตันติวิทยาพิทักษ์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาซีคอนสแควร์ บัญชีออมทรัพย์ 095-2-36973-5 ซึ่งพี่น้องและเพื่อนสนิทของวนิดาได้ร่วมกันก่อตั้งขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์เคลื่อนไหวให้มีการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล ผลักดันการแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของสมัชชาคนจน สนับสนุนส่งเสริมให้การศึกษาเรื่องสิทธิของคนจน ปรับปรุงศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ให้เป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์ข้อมูลการต่อสู้ขบวนการของคนจน
|