เหตุรุนแรงในเคนยาปะทุขึ้นหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.50 เมื่อประธานาธิบดี เอ็มบาอิ คิบากิ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสมัยที่ 2 เกือบทันทีที่ทราบว่าประสบชัยชนะ ขณะที่นายไรรา โอดิงกา ผู้นำพรรคเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยออเรนจ์ (โอเอ็มดี) ที่ได้รับการสนับสนุนจากชนเผ่า "ลูโอ" ระบุว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง และบรรดาผู้สนับสนุนนายโอดิงกาต่างไม่พอใจ ลุกฮือก่อเหตุประท้วงปะทะกับผู้สนับสนุนรัฐบาล ขณะที่ตำรวจได้ใช้ปืนกราดยิงผู้ก่อจลาจลและผู้ฉวยโอกาสก่อเหตุปล้นสะดม ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยศพ จุดชนวนกลายเป็นเหตุจลาจลไปทั่วประเทศ
เหตุการณ์รุนแรงต่อเนื่องเสียชีวิตกว่า 300 คน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ม.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศเคนยาว่า เหตุการณ์จลาจลระหว่างผู้สนับสนุนรัฐบาลกับฝ่ายค้านเต็มไปด้วยความรุนแรง ก่อให้เกิดความหวาดวิตกว่าสถานการณ์อาจลุกลามบานปลายไปสู่ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงคืนวันที่ 1 ม.ค. กลุ่มผู้ประท้วงที่โกรธแค้นประธานาธิบดี เอ็มวาอิ คิบากิ ได้บุกเผาโบสถ์ใกล้เมืองเอลโดเรต ซึ่งมีชาวเผ่า "คิกูยู" อาศัยอยู่ รวมทั้งเผาเด็กและสตรีทั้งเป็น หรือการใช้มีดทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ศพ ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตนับจากเกิดเหตุจลาจลปะทุเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300 ศพ
ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุเลือกโจมตีเฉพาะชนเผ่า "คิกูยู" ชนเผ่าใหญ่ที่สุดในเคนยา เนื่องจากให้การสนับสนุนประธานาธิบดีคิบากิ ทำให้หลายฝ่ายหวาดกลัวว่าเหตุจลาจลทางการเมืองครั้งนี้อาจลุกลามเป็นสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศรวันดา เมื่อปี 2537 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 500,000 คน
แกนนำชุมนุมปฏิเสธเจรจา เสียงแข็งให้ "คิบากิ" รับโกงเลือกตั้งและลาออก
ด้านนายคิบากิระบุต้องการประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้าม แต่นายโอดิงกา ปฏิเสธเสียงแข็งและว่าทางเดียวที่เขาจะเจรจาก็ต่อเมื่อนายคิบากิยอมรับว่าโกงเลือกตั้งและลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ทั้งยังกล่าวหารัฐบาลนายคิบากิว่าเป็นผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และประกาศเดินหน้าจัดชุมนุมใหญ่ที่กรุงไนโรบี โดยไม่สนว่าอาจเกิดเหตุรุนแรง นานาประเทศยังคงเป็นห่วงและติดตามสถานการณ์ในเคนยาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ทางอังกฤษซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมเคนยา แม้จะได้รับหลักฐานยืนยันว่านายคิบากิโกงการเลือกตั้ง แต่ได้ขอให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันเพื่อแก้ไขปัญหาความรุนแรงก่อนเป็นอันดับแรก
นานาชาติยื่นมือไกล่เกลี่ยวิกฤติเมืองเคนยา
จากสถานการณ์รุนแรงต่อเนื่องในเคนยา ทำให้หลายฝ่ายดำเนินความพยายามทางการทูต เพื่อแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยคาดว่า นายจอห์น คูฟูร์ ประธานาธิบดีกานา ในฐานะผู้นำองค์การสหภาพแอฟริกัน จะเดินทางมาถึงกรุงไนโรบีของเคนยา ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อร่วมกับเครือจักรภพ ซึ่งนำโดยอดีตประธานาธิบดีอาเหม็ด เทจัน คับบาห์ แห่งเซียราลีโอน เข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางการเมือง
ด้าน ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กับนายเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ออกมากดดันบรรดาผู้นำทางการเมืองของเคนยาให้สร้างความสมานฉันท์ และนำประชาธิปไตยมาสู่ประชาชนชาวเคนยาเป็นอย่างแรก นอกจากนี้ นายมิลิแบนด์ยังกล่าวว่า เขาไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายชนะในการเลือกตั้งที่นำเคนยาไปสู่วิกฤติ พร้อมตำหนิทั้งประธานาธิบดีคิบากิและนายโอดิงกา ที่ทำให้มีการนองเลือดทั่วประเทศ
ประชาชนหลายหมื่นทิ้งบ้านเรือนหนี
ขณะที่ประชาชนหลายหมื่นคนต่างละทิ้งบ้านเรือนหนีตายเอาตัวรอดในเมืองลูโอ ท่ามกลางเหตุรุนแรงภายหลังการเลือกตั้งในเคนยา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 300 ศพ และกำลังคุกคามเข้าไปถึงความขัดแย้งระหว่างชนเผ่าครั้งใหญ่ เนื่องจากเหตุการณ์จับเผาทั้งเป็นที่โบสถ์ใกล้เมืองเอลโดเรต ซึ่งนับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา
นายอับบาส กูลเล็ต ผู้อำนวยการกาชาดเคนยา กล่าวหลังจากเดินทางไปยังภูมิภาคทางตะวันตกของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ว่า สิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงและสุดที่จะบรรยาย เพราะว่านี้คือหายนะภัยแห่งชาติ ประชาชนประมาณ 70,000 คนต่างอพยพหนีภัย บ้านเรือนนับร้อยและเรือกสวนไร่นาถูกเผาเป็นจำนวนมาก
เรียบเรียงจาก : ไทยรัฐและเดลินิวส์
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)