Skip to main content
sharethis

การเมือง


"รมต.-สนช."รับพระราชทานเครื่องราชฯ


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - รัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ข้าราชการระดับสูง และบุคคลสำคัญในวงสังคม รวม 7,133 คน รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตั้งแต่ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก จนถึงชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2550



 


ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ในเล่ม 124 ตอนที่ 18 ข เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.2550 เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ทั้งชั้นสายสะพายและต่ำกว่าสายสะพาย) ความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธ.ค.2550 รวมทั้งสิ้น 7,133 ราย ประกาศ ณ วันที่ 3 ธ.ค.2550 โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ



 


ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มีทั้งรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ข้าราชการการเมืองฝ่ายต่างๆ บุคคลผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม และคู่สมรสของบุคคลบางตำแหน่ง



สำหรับผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก เช่น นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน น.พ.มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวรากรณ์ สามโกเศศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ



 


นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ท.เจริญศักดิ์ เที่ยงธรรม สนช. พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป สนช. และหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ นายสราวุธ วัชรพล สนช. และหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก สนช. ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นายสัก กอแสงเรือง กรรมการและโฆษก คตส. นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นต้น



 


ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาวชิรมงกุฎ เช่น นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.พ.พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร.ท.สุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมเกียรติ อ่อนวิมล สนช. นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สนช. เป็นต้น



 


ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก เช่น  นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นายไพศาล พืชมงคล สนช. เป็นต้น



 


นอกจากนั้น ยังมีรายชื่อ สนช. ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวิติยาภรณ์ช้างเผือก เช่น นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายณรงค์ โชควัฒนา, ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์, นายประพันธ์ คูณมี, นายประภัทร์ ศรลัมพ์, นายประยงค์ รณรงค์, นายประสาร มาลีนนท์, นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์, นายภราเดช พยัฆวิเชียร, นายภัทระ คำพิทักษ์, นายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์, น.พ.แวมาฮาดี แวดาโอะ, นายสมบัติ เมทะนี, นายสมหมาย ปาริจฉัตต์, นายสำราญ รอดเพชร, นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์, คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม, นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์, นางบัญญัติ ทัศนียะเวช, นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด, นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นต้น



 


ในส่วนของข้าราชการการเมืองที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ได้แก่ นายกฤษดา เรืองอารีย์รัชต์, นายนิเดร์ วาบา และ นายนิเวศศ สิทธิชัย


 


สนามเลือกตั้งบุรีรัมย์ร้อนระอุ ผู้สมัคร พปช.บุกร้อง กกต.โดนคู่แข่งข่มขู่รถหาเสียง


พิมพ์ไทย-  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนอง เทพอักษณรงค์ ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตเลือกตั้งที่ 3 พร้อมด้วยนายพยุงรัตน์ ชาเรืองเดช ทนายความประจำตัว เข้ายื่นหนังสือต่อนายอาคม ทองธิราช คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2550 ที่ผ่านมา ขณะที่นายเจริญ  เรืองรัมย์ อายุ 59 ปี นายพันธ์ศักดิ์ กาละสีรัมย์ อายุ 43 ปี นายเคน บัวพุทธ อายุ 33 ปี และนายกิ่ง จะยันรัมย์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับรถรับจ้างรถแห่ป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชาชนเขตเลือกตั้งที่ 3 ว่า ขณะที่ทั้ง 4 คนขับรถโฆษณาหาเสียงไปตามถนนสายบุรีรัมย์ - นางรอง ช่วงบ้านสะแกโพรง - สองห้อง ได้มีรถกระบะ (ปิกอัพ) 2 คันขับติดตามมาโดยตลอด กระทั่งถึงเวลารับประทานอาหารกลางวัน นายเจริญ เรืองรัมย์ กับพวกจึงได้จอดรถ เพื่อรับประทานอาหารที่ร้านอาหารข้างทาง ระหว่างนั้นได้มีรถกระดังคันดังกล่าวมาจอดท้าย มีคนเดินลงจากรถเห็นเป็นนายศรีเมือง วัฒนาชีพ ปกติรู้จักกันมาก่อนเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน กลุ่มจังหวัดที่ 4 ลำดับที่ 8 พรรคประชาธิปัตย์


         


หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จนายศรีเมืองได้เดินมาหาพร้อมกับพูดว่า "มาแห่หาเสียงให้พวกพรรคพลังประชาชนทำไม เพราะเป็นบาป เพราะพรรคนี้โกงบ้านกินเมืองมาโดยตลอด ซึ่งนายเจริญ ได้ตอบไปว่าเป็นเพียงคนรับจ้างเท่านั้นไม่ทราบเรื่องลึกๆ กว่านี้และเดินขึ้นรถไป โดยนายศรีเมืองยังตระโกนไล่หลังในลักษณะข่มขู่ว่าระวังให้ดีเดี๋ยวจะให้ทหารไปเยี่ยมที่บ้าน


         


นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 กล่าวว่า พฤติกรรมและคำพูดดังกล่าวของนายศรีเมือง ทำให้นายเจริญและพวกเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าขับรถออกไปหาเสียง ซึ่งบางคนไม่กล้านอนบ้านเพราะเกรงว่าทหารจะมาหาถึงบ้านจริงตามคำขู่ ตนในฐานะผู้จ้างคนขับรถจึงเกิดความไม่สบายใจ


         


อย่างไรก็ตาม การยื่นหลักฐานการแจ้งความและการสอบพยานเข้าร้องต่อ กกต.ทั้งหมดนี้เพื่อให้ กกต.พิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่


         


ด้านนายอาคม ทองธิราช คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทาง กกต.ต้องรับเรื่องร้องเรียนไว้ก่อน หลังจากนี้จะส่งชุดสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่งหากมีการกระทำดังกล่าวจริง ก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิด ส่วนจะร้ายแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดจะต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางพิจารณาอีกครั้ง


 


 


กกต.ไม่คิดส่งศาล รธน.ตีความอำนาจหน้าที่พิจารณาเอกสารลับ


เว็บไซต์สยามรัฐ -นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการพิจารณาเอกสารลับ ที่มีการเสนอว่าควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อนว่า เป็นเพียงความคิดเห็น ซึ่งหากอำนาจของ 2 หน่วยงานมีความขัดแย้งกัน สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาได้ ตามมาตรา 214 ที่ระบุว่าหากหน่วยงานใดมีความขัดแย้งกัน เรื่องอำนาจหน้าที่สามารถนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาลรัฐธรรมนูญได้ ส่วนจะมีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องหารือในที่ประชุมกกต.ก่อน



 


"ขณะนี้ที่ประชุม กกต.ยังไม่มีแนวคิดดังกล่าว ขณะที่การชี้แจงเรื่องเอกสารลับของตัวแทนประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) นั้น เป็นคนละส่วนกับอำนาจหน้าที่ เชื่อว่าสัปดาห์หน้า ตัวแทน คมช.จะนำเอกสารจริงมาให้ กกต.ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไร ก็ต้องดูว่าเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ รวมถึงอำนาจหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงานว่า กกต.มีอำนาจในการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหน่วยงานทหารได้หรือไม่"


 


 


วินัยแจงเอกสารลับ 11ธ.ค.


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ -พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข รักษาการประธาน คมช.ให้นำเอกสารฉบับจริงไปชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 11 ธันวาคม พร้อมกันนี้ ไม่รู้สึกหนักใจว่าผลสอบเอกสารลับจะออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของ กกต. แต่รู้สึกติดใจกับผลสอบของคณะสอบสวนเอกสารลับ ชุดที่มีนายสุพล ยุติธาดา เป็นประธานสอบ เพราะยังไม่มีการตรวจสอบว่าเอกสารฉบับดังกล่าวเป็นฉบับจริงหรือไม่ ทั้งจากหารหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.แล้ว พบว่าเอกสารดังกล่าวเล็ดรอดออกมาได้อย่างไร



อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ คมช. ยอมรับว่า ป้องกันได้ยาก เพราะการกระทำดังกล่าวหวังผลทางเมือง แต่เชื่อว่าไม่ใช่เป็นการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่าที่ยังมีบทบาทในกองทัพ


 


 


คตส.เตรียมฟันแม้ว2คดีรวดทนาย "หมัก"ไม่ยอมตายเดี่ยว


เว็บไซต์แนวหน้า - เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นาย พิชิฏ ชื่นบาน ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากนาย สมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหากรณีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร(กทม.) เข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. ที่มีนาย นาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธานโดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที



         


จากนั้นนาย พิชิฏ เปิดเผยถึงการเข้าพบอนุกรรมการไต่สวนฯว่า เป็นเรื่องที่ทีมทนายความได้ขอตรวจสอบเอกสารจำนวนกว่า 30 รายการที่เกี่ยวข้องกับนายสมัคร ในการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ซึ่งพบว่าการพิจารณาโครงการดังกล่าวจะมีคณะกรรมการบริหารโครงการ ซึ่งมีตัวแทนจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมเป็นกรรมการฯ เช่นสำนักงานการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กรมการต่างประเทศกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจ คณะกรรมการพัฒนาข้าราชการพลเรือน คณะกรรมการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น



         


นายพิชิฎ กล่าวว่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ กทม.และกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินโครงการเพียง 2 หน่วยงาน แต่มีส่วนราชการอื่นร่วมพิจารณาด้วย และคณะกรรมการบริหารโครงการดังกล่าวก็ไม่ได้มีความเห็นคัดค้านโครงการ แต่มีความเห็นในลักษณะเห็นด้วยกับการดำเนินโครงการ มีการให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ก่อนที่จะมีมติจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง



          


"จากการตรวจสอบเอกสารดังกล่าว ทีมทนายตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้ผ่านการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายองค์กร แต่กลับไม่ได้ถูกกล่าวหาเลย ถ้าหากค้านกันสัก 2-3 หน่วยงาน โครงการนี้คงไม่เกิดขึ้น จึงเห็นว่าคดีนี้มีข้อต่อสู้ในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยเฉพาะนายสมัคร น่าจะเป็นผู้สุจริต เพราะไม่ได้ทำโดยลำพัง แต่ทำในรูปคณะกรรมการ"



         


ทนายความของนายสมัครกล่าวและว่า ทีมทนายความจะประชุมเพื่อจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และจะเสนอให้นายสมัคร พิจารณาก่อนที่จะส่งให้อนุกรรมการไต่สวนฯต่อไป



         


ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตนเองและพวกพ้อง เปิดเผยภายหลังการประชุมว่าอนุกรรมการไต่สวนฯ อยู่ระหว่างการร่างข้อกล่าวหาในส่วนของการเอื้อประโยชน์ โดยคาดว่าจะเสร็จภายในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมกันในสองคดี คือ คดีการซุกหุ้นภาค 2 และคดีเอื้อประโยชน์ ซึ่งเมื่อร่างข้อกล่าวหาเสร็จแล้ว จะแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป



         


วันเดียวกันนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งพักราชการพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิเศษ ดีเอสไอ 9 คน ที่ผลสอบข้อเท็จจริงจากกระทรวงยุติธรรมชี้มูลความผิดให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีทุจริตเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงและที่พักในการปฏิบัติราชการ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่พบว่ามีการเบิกเกินที่ควรจ่ายจริง ไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ มานานเป็นปี ซึ่งถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ชื่อเสียง และกระทบความเชื่อถือของดีเอสไอ



         


นายสุนัย กล่าวอีกว่า กรณีการเบิกเงินไปราชการภาคใต้ มีผู้เกี่ยวข้องกว่า 100 คน โดยกระทรวงยุติธรรมใช้เวลาสอบสวนข้อเท็จจริงนานกว่า 1 ปี และได้ชี้มูลความผิดของกลุ่มแรกออกมา 9 รายก่อน ขณะที่อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกกว่า 50 คน ถ้าพบว่าใครถูกชี้มูลความผิดอีกก็จะต้องถูกตั้งสอบวินัยเช่นกัน ทั้งนี้หลังถูกสั่งพักราชการ ทั้ง 9 คนจะไม่ได้รับเงินเดือนและเงินเพิ่มพิเศษ สิทธิสวัสดิการต่าง ๆ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าบริสุทธิ์ หากผลสอบสรุปว่าไม่มีความผิด ก็จะได้รับสิทธิพร้อมเงินเดือนคืนทั้งหมด


 


 


สับพรรคการเมืองนโยบายเศรษฐกิจไม่ชัด ยังมองข้ามกองทุนบำเหน็จบำนาญฯ


เดลินิวส์ - ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยในงานสัมมนา"นโยบายพรรคในการบริหารตลาดทุน" จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยว่า นโยบายการพัฒนาตลาดทุนระยะยาวคือ มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่า 7 แสนล้านบาทใน 4-5 ปีข้างหน้า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงแก้ไขนโยบายเกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้ง พ.ร.บ.ต่างด้าว ให้มีเนื้อหาที่ชัดเจนมากที่สุด และยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ขณะเดียวกัน กฎหมายแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องมีองค์กรกลางจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลให้มีความโปร่งใส และจัดตั้งบริษัทรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่เป็นซูเปอร์โฮลดิ้ง ดูแลการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พร้อมกับลดภาษีนิติบุคคลทั่วประเทศลง 25%


         


ด้านนายเสถียร สุรัตนกวีกุล ทีมนโยบายเศรษฐกิจ กรรมการในฝ่ายวิชาการและนโยบาย พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า นโยบายที่จะเร่งพัฒนาเป็นอันดับแรกคือการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินและนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้ให้เกิดประโยชน์ พร้อมจัดตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อลดปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท ระยะกลางเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ไทย และระยะยาวเพิ่มการศึกษาให้นักเรียนและผลิตนักวิทยาศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ ส่วนเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ พรรคจะไม่นำรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคมาแปรรูป


         


นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ต้องการพัฒนาตลาดทุนไทยให้มีความแข็งแกร่งมากที่สุด  โดยจะดำเนินการกับรัฐวิสาหกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก เพื่อสนับสนุนการแข่งขันของบริษัทเอกชนไทย แต่จะไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจที่มีการผูกขาดรายเดียว ด้านนายจิรายุ วสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ต้องหาแนวทางการเพิ่มสินค้าใหม่ให้มากขึ้น และหาแนวทางลดภาษีระยะยาวให้บริษัทจดทะเบียน และจะจัดตั้งกองทุนร่วมทุนวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ถือเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม


         


นอกจากนี้ ตัวแทนจากพรรคประชาราชเสนอการเน้นเรื่องการพัฒนาด้านการเกษตรและการขนส่งให้ดีขึ้น ส่วนตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เน้นนโยบายที่จะพัฒนาตลาดหลักทรัพย์ให้เป็นวาระแห่งชาติ ขณะที่พรรคมัชฌิมาธิปไตยเน้นการส่งเสริมตลาดทุนให้มีเสรีภาพและมีความเสมอภาค


         


ส่วนนายมาริษ ท่าราบ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน (บลจ.) กล่าวภายหลังการสัมมนาว่า แต่ละพรรคการเมืองยังไม่มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมมากนัก และตอบคำถามต่อการพัฒนาตลาดทุนในอนาคตที่ไม่มีความชัดเจนแต่อย่างใด รวมถึงยังไม่มีนโยบายพัฒนากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ ที่มีความสำคัญมากต่อการออมของประเทศ รวมถึงปลูกฝังให้ทุกคนต้องออมเงิน และถือเป็นกองทุนที่ช่วยเอื้อหนุนต่อการพัฒนาตลาดหุ้นไทยในระยะยาว


 


 


เว็บไฮ-ทักษิณ ใจเสาะ ถอดมิวสิค เลือก"หมัก"ได้"แม้ว" ใส่มิวสิคโน้มน้าว เลือก พปช.แทน ยัน จะไปต้านเผด็จการ


เว็บไซต์แนวหน้า -เว็บไซต์ www.hi-thaksin.org ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ เลือกหนึ่งแถมหนึ่ง ความยาว 3.14 นาที โดยมีเนื้อหาว่า " ถึงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร หากเลือก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้สนธิ ลิ้มทองกุล ทุกคะแนนที่ได้จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ สนธิ ลิ้ม ผู้นำขบวนการโค่นล้มอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร



         


เลือกนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ ป.สี่เสา ทุกคะแนนที่ได้จะต่อเติมความแข็งแกร่งของ ป.สี่เสา ให้เป็นอมตะทางการเมือง เป็นอุปสรรคต่อการกลับประเทศของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร



         


เลือกนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ทุกคะแนนที่ได้จะส่งเสริมให้คนทรยศหักหลังพรรคไทยรักไทย รับใช้ คมช.ได้เป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมือง



         


เลือกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จากพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ทุกคะแนนที่ได้จะกลายเป็นพลังต่อรองทวงคืนทีพีไอ และหล่อเลี้ยงชีวิตคนเนรคุณทักษิณ ยืนยาวต่อไป



         


เลือกรวมใจไทยชาติพัฒนา ได้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทุกคะแนนที่ได้จะถูกนำไปรับใช้ คมช. เพื่อการสืบทอด อำนาจเผด็จการให้ยืนยงคู่ประเทศไทยตลอกกาล



         


เลือกนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ ทักษิณ ชินวัตร ทุกคะแนนที่ได้จะไปนำพาอดีตนายกฯ ทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ร่วมกันฟื้นฟูประเทศไทยและชีวิตคนไทย ให้ดีกว่าเดิม แปลงสินทรัพย์เป็นทุน สินค้าเกษตรราคาดี ชุมชนพัฒนาด้วย SML 30 บาทรักษาทุกโรค"



         


และเมื่อวันที่วันที่ 6 ธ.ค. เว็บไซต์ได้ถอดคลิปดังกล่าวออกไป และได้ใส่เผยแพร่มิวสิควีดีโอ ชื่อ เลขเด็ดเบอร์12 ความยาว3.27 นาที โดยเรียบเรียง เนื้องร้อง ดนตรี และขับร้อง โดย"ปลาหมึกไข่"ซึ่งเนื้อหา ได้ร้องเสียดสีหน่วยงานและพรรคการเมืองที่เป็นชื่อย่อ อาทิ ปอชอปอ คือ พรรคที่โม้ปีชนปี คอมอชอ คิดมากู้ชาติ รวมทั้งคอตอสอในทำนองที่จ้องเล่นงานเฉพาะคนบางกลุ่ม แต่กลับร้องสนับสนุนพรรคพลังประชาชนตอนหนึ่งว่า " วันที่ 23 เลือกเล้ย เลขเด็ด เบอร์12 พรรคพลังประชาชนสู้ตาย  เลขเด็ด ต้านเผด็จการ ชาติสดใสอีกครั้งด้วยพลังประชาชน"



         


นอกจากนี้ในภาพประกอบเพลงยังลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่กลุ่ม นปก.ปราศรัยท้องสนามหลวง ต่อต้านเผด็จการ เรื่อยมาถึงผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรคพลังประชาชน หลายคน อาทิ นายสมัคร นายยงยุทธ นพ.สุรพงษ์



         


ในวันเดียวกัน นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเว็บดังกล่าวสร้างความแตกแยกให้ประเทศหรือไม่ ขณะเดียวกันในเว็บไซต์ไฮทักษิณ คอลัมน์ที่ใช้นามปากกาว่า ประดาบ ยังนำรูปภาพนางสดศรี มาตัดต่อขณะนั่งแถลงข่าวโดยมีฉากหลัง เป็นรูป กากบาทสีดำ คล้ายสัญลักษณ์ ฮิตเลอร์ พร้อมบทความโจมตีอย่างรุนแรงตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งกกต. พร้อมตั้งคำถามในเชิงประเด็นว่า เป็นกลางในใจเผด็จการหรือว่าเป็นกลางในใจประชาชน



         


บทความตอนหนึ่งยังระบุถึงกรณีที่ตรวจสอบเอกสารลับ ที่มีนายสุพล ยุติธาดา มีมติว่าคมช.ไม่เป็นกลางว่า "เธอก็ขัดขวางและคัดค้านผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยการแสดงความเห็นว่าไม่เข้าใจเหตุใดคณะกรรมการฯ จึงมีมติว่าคมช.ไม่เป็นกลาง ทั้งๆ ที่ยังไม่สรุปว่าเอกสารเท็จหรือจริง ถึงแม้ว่าคมช.จะยอมรับแล้วว่าเคยทำเอกสารฉบับนี้จริง แต่ก็ออกตัวว่ามีถ้อยคำบางคำไม่เหมือน



         


เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับผลสอบและมติจากคณะกรรมการตรวจสอบ และนัดประชุมเพื่อพิจารณามติของคณะกรรมการตรวจสอบเอกสารลับ เธอคนนี้ก็แถลงข่าวทันทีว่าได้รับหนังสือจากคมช. ลงนามโดยพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนักงานเลขาธิการคมช. ว่าคมช.ไม่ยอมรับมติของคณะกรรมการที่กรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ และไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับ หากแต่ยังอ้างสิทธิและอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ว่าคมช.อยู่เหนือกฎหมายเลือกตั้ง และกฎหมายทั้งปวง แม้จะทำผิดจริงก็ไม่ต้องรับโทษ ดังนั้นกรรมการการเลือกตั้งจะชี้ผิดและลงโทษคมช. ตามมติที่คณะกรรมการตรวจสอบนำเสนอไม่ได้



         


พฤติการณ์ของสดศรี สัตยธรรม ประหนึ่งว่าเป็นกลาง แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นใจแก่คมช. ทุกกรณี และพยายามจะช่วยให้คมช.พ้นผิด กรณีเอกสารลับ ทุกวิถีทาง ทั้งๆ ที่ผู้ออกมติและสรุปว่าคมช.ไม่เป็นกลาง และมีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง


 


 


"ประชัย"กลับลำแถลงยืนยันไม่ลาออก


เว็บไซต์คมชัดลึก -นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ แถลงข่าวกรณีที่นายประชัย ตัดสินใจระงับใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยยืนยันที่จะยังปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคต่อไป


 



พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย แถลงว่า วันนี้การเมืองเป็นรื่องยุ่งยากในพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น การเมืองเป็นเรื่องการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ถ้าเราได้อำนาจมาด้วยความเป็นธรรม ประเทศชาติก็จะเจริญ เนื่องจากนักการเมืองคือผู้ที่จัดสรรทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดให้มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ ตามที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เสียสละความสุขส่วนตัวมาทำการเมืองก็เพื่อประชาชนชาวไทย ต้องการให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น แต่การที่นายประชัยมีปัญหาต่างๆ ถือเป็นวิบากกรรมที่นายประชัยเผชิญ ทำให้ท้อใจ แต่เมื่อกลับไปวิเคราะห์สถานการณ์ ความเป็นความตายของประเทศชาติและความสามัคคีของชนในชาติ


 


นายประชัยผู้ที่มีฉายานักสู้แสนล้าน จึงได้หันกลับมาต่อสู้ในศึกเลือกตั้งอีก ทำให้สมาชิกพรรคและประชาชนมีขวัญกำลังใจ มองเห็นอนาคตของประเทศไทยอีกครั้ง อย่างที่ว่า "ชีวิตร่ำรวย ประชาเป็นสุข ได้รับความเป็นธรรม" ตนจึงขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยทั่วประเทศ เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งต่อไป เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น



 


สร้างรัฐสภาใหม่ปากเกร็ด


โพสต์ทูเดย์ — สนช.เคาะสถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่คลังแสงปากเกร็ดแทนสนามกอล์ฟกรม ชลประทานหลังประชาชนถูก แรงต้าน



น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ  (สนช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดหาสถานที่ก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่าจะใช้พื้นที่ของกองทัพบกบริเวณกอง คลังแสง กรมสรรพาวุธ ถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี ขนาดประมาณ 265 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่


 



ทั้งนี้ เดิมจะใช้เป็นที่ก่อสร้างกระทรวงกลาโหมแห่งใหม่ และได้จ่ายค่าแบบก่อสร้างไปแล้ว 41 ล้านบาท แต่กองทัพก็ยินดีมอบที่ให้สำหรับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่แทน อย่างไรก็ตาม สภาจะต้องขอมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) จัดสถานที่บริเวณโรงงานสารส้มขนาด 101 ไร่ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ให้กระทรวงกลาโหมแทน


 



น.ส.พจนีย์ กล่าวอีกว่า วันที่ 11 ธ.ค. คณะกรรมการฯ จะประชุมร่วมกับคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นและคณะอนุกรรมการออกแบบอาคารเฉลิมพระเกียรติสำหรับประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และ ผวจ.นนทบุรี นายกเทศมนตรีเมืองปากเกร็ด ผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และสมาคมสถาปนิกสยาม


 



"เพื่อพิจารณาผลการสำรวจผลกระทบ และแบบอาคารทรงไทยเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงงบประมาณเบื้องต้น เช่น ค่าชดเชย ค่าแบบอาคาร เป็นต้น และจะหารือถึงระบบขนส่งมวลชนที่อาจมีการสร้างเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อที่ครบวงจรไม่ว่าจะเป็นทางน้ำและทางบกรวมถึงรถไฟฟ้าด้วย" รองประธาน สนช. กล่าว



อย่างไรก็ตาม หลังการประชุมวันดังกล่าวจะมีความชัดเจนขึ้นอีกระดับ ขณะนี้เพียงรอกระทรวงกลาโหมแจ้งเรื่องค่าชดเชย เช่น การรื้ออาคาร ผลกระทบต่อ 322 ครอบครัวที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น จากนั้นก็สามารถเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ทันที


 



ทั้งนี้ การอนุมัติให้มีการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่นั้น คงไม่มีปัญหา กับ ส.ส.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่หลังการเลือกตั้ง โดยขณะนี้ฝ่ายสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้เตรียม เอกสารไว้พร้อมเรียบร้อยแล้ว


 



คุณภาพชีวิต


'ญี่ปุ่น'งงแก้ กม.ค่าจ้างไทย


มติชน-นายมิซึฮิโระ โชโนตะ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น - กรุงเทพฯ พร้อมตัวแทนนายจ้าง 10 คน เข้าพบนายอภัย จันทนะจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี ปลัดกระทรวงแรงงาน นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อหารือกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบในหลักการร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะจะยกเลิกคำนิยาม 'อัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐาน' และเพิ่มคำนิยาม 'อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ' โดยให้คณะกรรมการค่าจ้างมีอำนาจกำหนดค่าจ้างพิจารณาตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ประสบการณ์ และอายุการทำงานของแรงงาน แทนการใช้ค่าแรงขั้นต่ำ


 


นายอภัย กล่าวว่า ได้อธิบายว่าการแก้ไขนิยามนี้จะเป็นประโยชน์ต่อลูกจ้างและนายจ้าง เพราะได้พิจารณาภายใต้หลักคิดไตรภาคี ยืนยันว่าทุกฝ่ายมีความเสมอภาคกัน และว่า ร่างจะเข้า สนช.พิจารณาวาระ 2, 3 ในวันที่ 7 ธันวาคม


 


ร่าง พ.ร.บ.สจล.-ม.เชียงใหม่ผ่านกรรมาธิการวิสามัญ


เว็บไซต์ไทยรัฐ -   ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พ.ศ....และร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ว่า ในส่วนของ สจล.ได้นำประเด็นต่างๆ ไปหารือในสถาบันและนำกลับเข้ามาทบทวนใน กมธ. ซึ่งก็ไม่แตกต่างไปจากที่ กมธ.พิจารณา จากนี้จะนำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระ 2 และ 3 ต่อไป ส่วนร่าง พ.ร.บ.มช. ที่ประชุมได้รับฟังความเห็นกรณีมหาวิทยาลัยเสนอขอทบทวนประเด็นต่างๆ อาทิ บทเฉพาะกาลในประเด็นระยะเวลาของการบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ. ทาง มช.ขอเป็น 60 วัน, ประเด็นขอขยายระยะเวลาในการตัดสินใจเปลี่ยนสถานภาพจากข้าราชการไปเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยจากเดิมแค่ 90 วัน ขยายเป็น 120 วัน เพื่อให้มีระยะเวลาตัดสินใจยาวนานขึ้น เป็นต้น ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วและมีมติเห็นชอบ จึงได้แปรญัตติตามที่เสนอ จากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.วาระ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งทราบว่าสนช.จะกำหนดวาระการประชุมวาระ 2 และ 3 ให้เสร็จภายในวันที่ 20 ธ.ค.


 



รมว.ศึกษาธิการกล่าวต่อว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น ที่ประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จุฬาฯ จะพิจารณาในวันที่ 7 ธ.ค. และคาดว่าจะได้ข้อยุติ ส่วนที่คณาจารย์จุฬาฯ ยังออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านนั้น มองว่าเป็นการแสดงความเห็นเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้รอบคอบขึ้น ก็เป็นเรื่องดี ตนไม่หนักใจ เพราะจะได้ทำให้ร่าง พ.ร.บ.ออกมาดีที่สุด ส่วนตัวจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจาก สนช. ให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาก็รับฟังความเห็นของผู้คัดค้านทั้งโดยตรง และผ่านอาจารย์ฝ่ายคัดค้านที่เป็นตัวแทนอยู่ใน กมธ. มาโดยตลอด ส่วนจะมีกระแสคัดค้านร่าง พ.ร.บ. จุฬาฯ และจะเกิดกรณีการปล่อยให้มีการยื้อจนพิจารณาไม่ทันและตกไปในขั้นตอน กมธ.วิสามัญฯ หรือไม่ ตนคิดว่าคงไม่มี กมธ.คนใดอยากทำร่าง พ.ร.บ.ตก คงจะพยายามทำหน้าที่ให้เสร็จตามข้อบังคับ เพราะตนเชื่อว่า กมธ.ทุกคนที่ได้รับแต่งตั้งจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด


 

 


เศรษฐกิจ


คลังชงตั้งงบขาดดุลเพิ่ม เป็น2.5แสนล.-ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก1%


ข่าวหุ้น-นายสมหมาย ภาษี รมช. เสนอรัฐบาลใหม่ตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มเป็น 2.5-3% ของจีดีพีต่อเนื่อง 2 ปี เน้นลงทุนเป็นหลัก 50% กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงบาทแข็ง นำเข้าเครื่องจักร เลิกพึ่งส่งออกอย่างเดียว พร้อมแนะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 1% เป็น 8%นำไปใช้จ่ายและลดการขาดดุล


 


 


ต่างประเทศ


เกษตรกรพม่าหนี้ท่วม หลังถูกบังคับปลูกพืชไม่เหมาะกับดิน


เชื่อมนิวส์-ศูนย์ข่าวสาละวิน- สำนักข่าว Democratic Voice of Burma รายงานเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า เกษตรกรในภาคมัณฑะเลย์และภาคมะกวยเป็นหนี้เพิ่มขึ้นหลังจากทางการบังคับให้ปลูกพืชที่ไม่เหมาะสมกับสภาพของดินทำให้ผลผลิตเสียหาย


 


นายอูเมียวตาน เจ้าหน้าที่ปกครองในเขตมะหล่าย ภาคมัณฑะเลย์ได้ออกคำสั่งให้เกษตรกรปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเหมาะสำหรับปลูกฝ้าย ข้าวโพดและพืชตระกูลถั่ว  โดยหากไม่ทำตามคำสั่งจะถูกจับและถูกลงโทษ ซึ่งชาวบ้านได้ปลูกข้าวตามคำสั่งแต่ไม่ได้ผลเนื่องจากสภาพดินไม่เหมาะสำหรับปลูกข้าว ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านบางคนต้องขายที่นาเพื่อนำเงินใช้หนี้


นายอูชิตยาน ชาวนาจากหมู่บ้านฮาเบบินซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ถูกจำคุกเนื่องจากไม่ทำตามคำสั่ง เล่าว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางการพม่าสั่งให้เคลียร์พื้นที่สวนกล้วยของเขา ให้เสร็จภายใน 5 วัน แต่เขาไม่สามารถที่จะทำตามคำสั่งได้เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีฝนตกอย่างหนัก จึงถูกทางการควบคุมตัวและปล่อยตัวภายหลัง จากนั้นเขาถูกควบคุมตัวอีกเป็นเวลากว่า 7 วัน เนื่องจากไม่ปลูกพืชตามที่ทางการสั่ง


 


เช่นเดียวกับเกษตรกรในเมืองตองทวินจีในภาคมะกวย ที่ถูกทางการพม่าบังคับให้ปลูกอ้อยเพื่อขายให้รัฐบาล โดยหากเกษตรกรไม่ทำตามคำสั่งจะถูกทางการลงโทษ แต่พอถึงหน้าเก็บเกี่ยวผลผลิต ทางการพม่ากลับบอกชาวบ้านในพื้นที่ว่า ทางการไม่สามารถซื้ออ้อยจากเกษตรกรได้ เนื่องจากโรงงานในพื้นที่ขาดแคลนน้ำมัน ทำให้เกษตรกรจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน  นอกจากนี้ทางการยังปฏิเสธคำร้องขอของเกษตรกรที่ต้องการนำผลผลิตอ้อยไปแปรรูปเอง


 


นอกจากนี้ ชาวบ้านยังเป็นหนี้ค่าปุ๋ยที่รัฐบาลให้สินเชื่อไว้ในช่วงเริ่มปลูกอ้อย ซึ่งตกลงขายให้กับชาวบ้านในราคา 6, 000 จั๊ต (162 บาท) โดยสามารถจ่ายเงินหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ภายหลังทางการกลับสั่งให้เกษตรกรจ่ายค่าปุ๋ยในราคา 15,000 จั๊ต (405 บาท) โดยอ้างว่าค่าขนส่งปุ๋ยเพิ่มมากขึ้น  


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net