ลูกพรรคกราบเท้าขวางประชัยลาออก ศาลอาญาออกหมายเรียกแจงหมิ่น

ศาลอาญาออกหมายเรียกประชัยแจงหมิ่นศาล

นายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีศาลอาญา มอบหมายให้ นายธันว์ บุญยตุลานนท์ เลขานุการศาลอาญา ออกหมายเรียก นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาสอบถามกรณีที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในคดีปั่นหุ้นที่พีไอ ที่ศาลอาญาพิพากษาให้จำคุกนายประชัย และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร คนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม

 

เนื่องจากตรวจสอบภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ และข้อความจากหนังสือพิมพ์ที่นายประชัยให้สัมภาษณ์ ทำนองว่า "กลุ่มอำนาจเก่ายังไม่หมดไป อิทธิผลของอำนาจเก่ายังคงครอบงำประเทศไทยอยู่ล้นฟ้า" และข้อความอื่นๆ นั้น อธิบดีศาลอาญาต้องการทราบว่าเป็นการพาดพิงและเกี่ยวข้องกับการพิจารณาตัดสินคดีปั่นหุ้นทีพีไอของศาลหรือไม่ จึงให้เลขานุการศาลอาญาออกหมายเรียกนายประชัยมาสอบถามถึงการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ในวันที่ 7 ธันวาคม เวลา 10.00 น.

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นหรือละเมิดอำนาจศาล นายประชัยอาจถูกดำเนินคดี เช่นเดียวกับนายธนา เบญจาธิกุล อดีตทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน

 

ประชัยโอดอิทธิพล"ทักษิณ"คุกคาม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการพรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่า เวลา 11.30 น. นายประชัย พร้อมด้วยนางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ภรรยา และแกนนำพรรค อาทิ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย รองหัวหน้าพรรค นายณรงค์ พิริยะเอนก โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าว โดยนายประชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับตน จากการถูกตัดสินจำคุกคดีทีพีไอ ซึ่งตนเคารพคำพิพากษาของศาล แต่คิดว่าตนไม่ผิด เพราะเรื่องเกิดจากนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร (จำเลยที่ 4) ไปบอกว่าราคาหุ้นทีพีไอจะอยู่ที่ 89 บาท ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติให้บริษัทขายหุ้น จึงได้เซ็นสัญญาจัดจำหน่ายขายหุ้นให้บริษัท ทิสโก้ และบริษัทไฟแนนซ์เชียลต่างๆ

 

ทั้งนี้ ศาลรับฟังคำพูดของพยาน 2-3 คน ซึ่งเป็นผู้ซื้อหุ้นไม่ถึง 20 หุ้น ที่เป็นคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนยืนยันว่า การขายหุ้นทำโดยถูกกฎหมาย โดยจะยื่นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป เพราะเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาลสูง

 

"ผมโดนเต็มๆ ทั้งจำคุก ทั้งปรับ 6,000 กว่าล้าน ทั้งที่ในการไต่สวนไม่เคยมีการพูดว่าเสียหายเป็นจำนวนเท่าไร และเงินนี้จะต้องไปไหน หากเอาเงินเข้าสู่รัฐก็น้อมรับ แต่ไม่เห็นด้วย ผมจะอุทธรณ์และฎีกาต่อไป ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องการสกัดผมเป็นนายกฯ และรัฐมนตรี ผมยอมรับคำตัดสิน แต่รู้สึกเศร้าสลดมากว่า ผมพยายามขันอาสามาช่วยบ้านเมืองให้ประเทศเจริญ แต่เมื่อเจอปัญหาอย่างนี้ เพื่อไม่ให้พรรคเสียหายผมจึงประกาศลาออกจากสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย ตั้งแต่วินาทีเป็นต้นไป" นายประชัย กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ

 

ต่อมาเวลา 11.45 น. สมาชิกพรรคซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน และแบ่งเขต ประมาณ 50 คน รวมทั้งนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน เลขาธิการพรรค เมื่อทราบข่าวการลาออกจากสื่อมวลชน ก็รีบเดินทางมาร่วมประชุมด้วยทันที

 

3 ผู้สมัครอีสาน กราบ "ประชัย" นั่งหัวหน้าต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด เนื่องจากนายประชัย ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคต่อนางอนงค์วรรณ ท่ามกลางความไม่พอใจของสมาชิกพรรคส่วนใหญ่ที่ต้องการให้นายประชัยร่วมสนับสนุน และเป็นที่พึ่งให้แก่ลูกพรรคทุกคน ขณะที่นางอนงค์วรรณปฏิเสธไม่รับหนังสือลาออก ซึ่งแกนนำรวมทั้งผู้สมัคร พยายามพูดให้ฉีกจดหมายลาออกทิ้งและให้กำลังใจนายประชัยสู้ต่อไป พร้อมส่งเสียงปรบมือเป็นระยะๆ ขณะที่นายเสกสรร แสนภูมิ ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขต และผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน รวม 3 คน ก้มลงกราบเท้านายประชัยเพื่อขอความเห็นใจด้วย

 

ระหว่างนั้นพบว่านายประชัย และนางอรพิน มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ซึ่งหลังจากสมาชิกร่วมหารือกับนายประชัยเกือบชั่วโมง จึงอนุญาตให้กองทัพสื่อมวลชนที่รอทำข่าวเข้ามายังห้องประชุมเพื่อสัมภาษณ์ โดยสมาชิกพรรคได้ประกาศต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ที่ประชุมสมาชิกพรรคทุกคนยกมือมีมติให้นายประชัยดำรงตำแหน่งหัวน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยต่อไป พร้อมปรบมือให้กำลังใจนายประชัยเสียงดังลั่น

 

เมียประชัยวอนขอชีวิตสามี

ขณะที่นายประชัย กล่าวเปิดใจว่า "ผมไม่รู้ว่าจะปกป้องพรรคอย่างไร ดังนั้น การที่ผมลาออกจากพรรค เมื่อทุกคนยังสนับสนุนให้กำลังใจผมสู้ต่อไปเพื่อดำเนินกิจการทางการเมือง ผมจะขอเวลาอีก 2-3 วัน ตัดสินใจ และจะแถลงข่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผมรักทุกคน และยังให้กำลังใจ และสนับสนุนพรรคต่อไป"

 

ด้านนางอรพิน กล่าวทั้งน้ำตาว่า ครั้งแรกที่นายประชัยลงเล่นการเมือง ก็ดีใจมากที่นายประชัยจะใช้ความสามารถทดแทนบุญคุณบ้านเมือง หากอีก 2-3 วันนี้ นายประชัยจะตัดสินใจอย่างไร ตนขอร้องประชาชน ช่วยปกป้องชีวิตคุณประชัยด้วย อยากให้การเมืองมีความบริสุทธิ์ ตนอยู่ในแวดวงการเมืองมาตั้งแต่เด็ก อยากให้การเมืองสะอาด อยากให้การเมืองไทยมีอนาคต ตนขอชีวิตนายประชัยไว้ด้วย

 

เมื่อถามว่า นายประชัยถูกขู่จากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองใช่หรือไม่ นางอรพิน กล่าวว่า เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะโดนถึงขั้นไหน

 

มัชฌิมาระส่ำกลัวขาดนายทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายประชัยกล่าวเปิดใจ แกนนำพรรคและผู้สมัคร ต่างโห่ร้องให้กำลังใจนายประชัยว่า "สู้ สู้ นักสู้แสนล้าน อย่าปล่อยลูกน้องตาย" จ.อ.พิพัฒน์ วงฤทธิ์ และนายวิวัฒน์ ยะก๊บ ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ได้นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้นายประชัย ขณะเดียวกันมีผู้สมัคร ส.ส.นำพระหลวงพ่อทวด มามอบให้เพื่อปกป้องคุ้มครอง ทำให้นายประชัยถึงกับกล่าวว่า วันนี้รู้สึกปลาบปลื้มใจ ที่สมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยทุกคนให้กำลังใจ ซึ่งตนไม่เคยน้ำตาคลอหลังจากที่พ่อของตนเสียชีวิต

 

ด้านนางอนงค์วรรณ กล่าวว่า ไม่อยากให้ความเห็นกรณีนายประชัยประกาศลาออกและจะขอรอดูผลการตัดสินใจของนายประชัยก่อน จากนั้นพรรคอาจจะแถลงข่าวอีกครั้ง ในวันที่ 7 ธันวาคม

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังการประกาศลาออกของนายประชัย ทำให้สมาชิกกลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา และสมาชิกพรรคกลุ่มอื่น ต่างก็ระส่ำระสาย พยายามเช็กข่าวทั้งในและนอกพรรค รวมทั้งมาแอบติดตามข่าวของสื่อมวลชนในพรรค เพื่อต้องการทราบความชัดเจนของการลาออกว่าจะมีผลอย่างไร เนื่องจากเป็นห่วงกระแสข่าวที่จะกระทบต่อพรรค และห่วงเรื่องเงินสนับสนุนพรรค ที่นายประชัยรับปากจะจ่ายให้แต่ยังจ่ายไม่ครบ

 

สดศรีชี้คงรูปประชัย จะมีความผิดฐานหลอกลวง

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่นายประชัยประกาศลาออก จากตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า การลาออกยังไม่มีผลในทางกฎหมาย นายประชัยต้องยื่นใบลาออกต่อกรรมการบริหารพรรค และให้ทางพรรคเสนอเรื่องมายัง กกต.จึงจะมีผล ซึ่งจะทำให้ ส.ส.แบบสัดส่วนของพรรคมัชฌิมาธิปไตยเหลือ 9 คน และการประกาศถอนตัวของนายประชัยก็ไม่ถือว่ามีความผิดกฎหมาย

 

ทั้งนี้ ในการหาเสียงของพรรคมัชฌิมาธิปไตย หากนายประชัยลาออกและมีผลในทางกฎหมายแล้ว จะต้องปลดป้ายชื่อ และรูปภาพของนายประชัยลงทันที มิเช่นนั้นจะมีความผิดฐานหลอกลวงประชาชน และหากกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นก็จะมีโทษถึงขั้นยุบพรรค นอกจากนี้ นางสดศรี กล่าวถึงการปิดป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ที่ขณะนี้พบว่ามีพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อแผ่นดิน ปิดป้ายเกินกว่าที่ประกาศ กกต. และประกาศของการไฟฟ้าฯ กำหนด คือ ติดที่เสาไฟฟ้าสูงเกิน 3.50 เมตร โดยเฉพาะที่ ถนนเทอดไท กทม. ถือว่าทำผิดประกาศ กกต.ในเรื่องปิดป้ายหาเสียง ที่มีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังสำนักงานเขต เพื่อให้แจ้งต่อพรรคการเมืองแล้ว

 

มติกกต.จี้ "ประชัย" แจงจนท.รับเงิน

นางสดศรี ยังกล่าวถึงการที่หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยเปิดเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ กกต.เรียกรับเงินในการแก้ไขข้อบังคับพรรคว่า ขณะนี้ กกต.ทั้ง 5 คน มีมติทำหนังสือไปถึงนายประชัยเพื่อให้ชี้แจงกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งระบุชื่อเจ้าหน้าที่ กกต.ให้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่คนไหนเป็นคนทำ หากไม่ชี้แจง กกต.ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย

 

ทั้งนี้ ควรแถลงข่าวขอโทษ กกต.ผ่านสื่อมวลชน และทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรว่า กกต.กระทำโดยมิชอบอย่างไร ซึ่งจะต้องมีบทพิสูจน์ให้เห็น ไม่ใช่มาพูดลอยๆ เพราะนายประชัยได้กล่าวหาผ่านทางสื่อมวลชน ทำให้ กกต.ได้รับความเสียหายไปแล้ว จะไม่มีการประสานเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว แต่หากจะมาพบ กกต.ที่สำนักงาน เราก็จะเปิดแถลงข่าวให้ท่านชี้แจง เข้าใจว่าขณะนี้ท่านประสบปัญหามากมาย ต้องให้ระยะเวลาท่านเพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าว

 

"ป๋าเหนาะ" ไม่อยากซ้ำเติม

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงกรณีที่นายประชัยลาออกจากหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า จะได้หมดภาระที่จะไม่ต้องมาจ่ายเงิน แต่มัชฌิมาฯ เจ๊งสนิท ไม่ต้องมาพูด ทั้งนี้ โอกาสที่จะเลือกตั้งก็ยังไม่ถึงกับหมดไปเพราะยังมีคนของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อยู่บ้าง เมื่อลาออกก็ต้องมีคนรักษาการแทน ส่วนนายประชัยนั้นพูดตรงๆ น่าสงสาร

 

"นายประชัยเขาเก่งทุกอย่าง เราไม่ได้ดูถูก แต่ทางการเมืองนายประชัยไม่ใช่ว่าเป็นเด็กอนุบาล ในเรื่องการเมืองนายประชัยรู้ดี แต่เขาไม่รู้คน ไม่รู้พฤติกรรมของคนแต่ละคนที่เป็นนักการเมือง ไม่รู้พฤติกรรมของสิ่งแวดล้อมทางการเมืองว่า การจะก้าวไปแต่ละก้าวนั้น คนที่เป็นผู้ใหญ่ระดับหัวหน้าพรรคจะพูดแต่คำพูดต้องระวัง แม้กระทั่งเรื่องนโยบายจะต้องอยู่ในกรอบของความเป็นจริง แต่นายประชัยอยู่นอกกรอบ" นายเสนาะ กล่าวและว่า ไม่อยากพูดเป็นการซ้ำเติมนายประชัย

 

ศาลสั่งคืนสิทธิสมัคร ส.ส.ให้ "สิทธิชัย"

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งนัดฟังคำสั่งที่ นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วน โซน 4 ลำดับที่ 10 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่มีมติเพิกถอนสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากนายสิทธิชัยสังกัดสมาชิกพรรคมากกว่า 1 พรรค โดยมีรายชื่อเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนด้วย

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นายสิทธิชัยนำสืบในชั้นไต่สวนคำร้อง เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เห็นว่าลายมือชื่อที่ปรากฏในใบสมัครสมาชิกพรรคพลังประชาชน ที่ตัวแทนพรรคพลังประชาชนยื่นต่อ กกต.นั้น มีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับหลักฐานซึ่งเป็นลายเซ็นของนายสิทธิชัย จากสถาบันการเงิน ต่างๆ ประกอบกับนายสิทธิชัยมีพยานหลักฐานยืนยันว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม มีการกล่าวอ้างว่านายสิทธิชัยสมัครเป็นสมาชิกพรรคนั้นในวันดังกล่าว นายสิทธิชัยอยู่ที่ จ.อุบลราชธานีจริง ศาลจึงมีคำสั่งให้นายสิทธิชัยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบสัดส่วน โซน 4 ลำดับที่ 10 ได้

 

เตรียมฟ้องกลับพปช.ปลอมลายมือ

นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมด้วยนายสิทธิชัย และนายสันติ สาทิพย์พงษ์ รองเลขาธิการพรรค และที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อแผ่นดิน ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่ศาลฎีกาคืนสิทธิในการลงสมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนของนายสิทธิชัย

 

นายสันติ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการที่นายสิทธิชัยแจ้งความต่อ สน.มักกะสัน ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคจะให้นายสิทธิชัยไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน จากนั้นก็ให้พนักงานสอบสวนเขียนสำนวนดังกล่าว เพื่อให้ส่งสำนวนฟ้องไปยังอัยการเพื่อพิจารณาดำเนินคดีต่อไป โดยเป็นการฟ้องต่อนายทะเบียนและหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต่อศาลอาญา

 

ส่วนจะมีการแอบอ้างลายมือชื่อหรือไม่ ต้องว่าไปตามกฎหมายของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 19 ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต.จะต้องทำหน้าที่พิสูจน์ หากพบว่าพรรคพลังประชาชนมีความผิดจริงก็มีความผิดคือ นายทะเบียนพรรคและหัวหน้าพรรคต้องโทษจำคุก 1 ปี

 

ด้านนายสมาน เลิศวงศ์รัตน์ นายทะเบียนพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ความจริงแล้วกรณีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน เป็นเรื่องของ กกต. ศาล และนายสิทธิชัย แต่เมื่อศาลพิจารณาออกมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ทั้งนี้ ถ้ามีการฟ้องร้องแล้วมาเกี่ยวพันกับตนจนต้องตกเป็นจำเลย ก็ต้องไปพิสูจน์กันในศาล ไม่ได้ท้าทายอะไร ยืนยันว่ายังมั่นใจข้อมูลเอกสารที่มีอยู่ หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้คือลายมือ ลายเซ็นต่างๆ

 

ทั้งนี้ นางสดศรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาถือเป็นที่สุดแล้ว ส่วนมีการระบุว่ามีการปลอมแปลงลายเซ็นของนายสิทธิชัยในใบสมัครสมาชิกพรรคพลังประชาชน จนทำให้นายสิทธิชัย มีชื่อเป็นสมาชิกเกินกว่า 1 พรรค เป็นเหตุให้ กกต.ไม่ประกาศให้เป็นผู้สมัครนั้น เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องไปดำเนินคดีอาญาเอง

 

เรียก 3 ผู้สมัครโคราชแจงซื้อเสียง 13 ธ.ค.

นางสดศรียังกล่าวถึงการพิจารณาเรื่องการเตรียมจ่ายเงินค่าขนคนมาฟังปราศรัยหาเสียงที่ อ.พระทองคำ เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครราชสีมา ตามที่ กกต.ให้ทีมสืบสวนสอบสวนจากส่วนกลางลงไปสอบเพิ่มเติม ซึ่ง กกต.มีมติให้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้สมัครพรรคพลังประชาชนมาชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 13 ธันวาคม เพราะขณะนี้ กกต.ถือว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล จึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่มีการยึดมานั้นมีการเตรียมไว้ซื้อเสียงหรือไม่

 

ส่วนเอกสารหลักฐานที่ได้รับมาแล้ว แม้จะไม่มีการยืนยันจากชาวบ้านว่าได้รับเงินดังกล่าวก็ตาม แต่เงินที่พบมีการนำติดไว้กับปฏิทินที่มีชื่อของผู้สมัครและมีบัญชีรายชื่อประชาชนในหมู่บ้าน ซึ่งการเชิญมาไม่ได้ให้มารับฟังข้อกล่าวหา แต่เป็นการให้มาชี้แจง ซึ่ง กกต.ก็จะพิจารณาให้เสร็จก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง 23 ธันวาคม ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐานทั้งหมด

 

"ธีรภัทร์" ยัน มท.ไม่เคยทำโพลล์

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการดำเนินการตามวาระแห่งชาติว่าด้วยการรณรงค์และแก้ไขปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง (ครส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า ผลโพลล์ของกระทรวงมหาดไทยระบุว่าข้าราชการวางตัวไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะตำรวจว่า ไม่แน่ใจว่าเป็นรายงานของกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นรายงานที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน ครส.แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ แต่ก็ได้ยินว่ามีข้าราชการส่วนหนึ่งที่วางตัวไม่เป็นกลาง ซึ่งมีข้าราชการหลายฝ่าย ไม่ใช่ข้าราชการกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าน้อย

 

"จากที่ผมได้สอบถามไปทางคุณวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ท่านก็ไม่รู้เรื่อง และยืนยันว่าไม่ใช่โพลล์แน่นอน หรือแม้แต่การประเมินตัวเลขของพรรคการเมืองที่จะได้รับที่นั่ง ส.ส. ท่านก็บอกว่าไม่เคยเห็น" นายธีรภัทร์ กล่าว

 

ปชป.ปรับกลยุทธ์ ปัด "มาร์ค" ถูกปาหินใส่ที่อีสาน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.50 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการปรับกลยุทธ์หาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ว่า การปรับกลยุทธ์หาเสียงของพรรค เพื่อให้กระชับมากขึ้น เช่น เรื่องวาระประชาชนที่มีรายละเอียดมาก จึงต้องหยิบเอาเฉพาะส่วนสำคัญๆ เป็นประเด็นที่ประชาชนเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ เพราะเราไม่สามารถไปตั้งเวทีปราศรัยได้ทั่วไป เท่าที่ประเมินมามีหลายประเด็นที่ประชาชนอยากฟังรายละเอียดให้ชัดเจน อาทิ เรื่องการศึกษา เรียนฟรีจนจบมัธยมปลาย บางส่วนสับสนระหว่างเรียนฟรีและกองทุนให้กู้ยืมต่างๆ เรื่องการลดค่าครองชีพ และกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ฝ่ายยุทธศาสตร์ต้องประเมิน เพราะถ้าพูดทุกเรื่องอย่างละเอียดหมดคนก็ฟังไม่ทัน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงจะชูประเด็นใดเป็นพิเศษ นายสุเทพกล่าวว่า แผนภารกิจเร่งด่วย 99 วันทำได้จริง โดยจะทำความเข้าใจว่าเราทำได้จริง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรแต่ต้องให้เข้าใจว่าที่ทำได้นั้นทำอย่างไร เมื่อถามว่าจะเน้นชูให้ประชาชนเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ แต่เท่าที่ออกไปพบปะพี่น้องภาคกลาง ภาคเหนือและภาคอีสานมา ความนิยม ความศรัทธาต่อนายอภิสิทธิ์นั้นดีขึ้นมาก และกระจายอยู่ทั่วไป พอไปเทียบกับหัวหน้าพรรคคู่แข่งยังเหนือกว่าอยู่--จบ--

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ แถลงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครพรรคพลังประชาชน ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปปราศรัยที่ภาคอีสาน แล้วถูกประชาชนโห่ร้อง ปาก้อนหินใส่ว่า จากการสอบถามจากหัวหน้าพรรค ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์อย่างนี้อาจจะมีขึ้นได้ ที่มีคนกลุ่มน้อยมีท่าทีแบบนี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติ

 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับนายอภิสิทธิ์ การไปหาเสียงปราศรัยที่ภาคอีสานนายอภิสิทธิ์ก็ยังได้รับการต้อนรับดีมาก และทุกครั้งที่ลงพื้นที่ก็ได้รับการเอาใจใส่จากพี่น้องประชาชนค่อนข้างดี

 

"เรื่องนี้ไม่อยากให้ ร.ต.อ.เฉลิมนำประเด็นเล็กๆ ขึ้นมาขยายผลเป็นประเด็นการเมือง ซึ่งจะทำให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศไม่ทราบข้อเท็จจริง เข้าใจไขว้เขวได้ และจะเป็นการตอกย้ำความแตกแยกระหว่างกลุ่มคนในพรรคต่างๆ ขึ้น" นายเทพไท กล่าว

 

ผู้สมัครแม่ฮ่องสอนพรรคเพื่อแผ่นดินชกหน้า ปธ.อบจ.

นายไพโรจน์ ไผ่อุรุพนา ประธานสภา อบจ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ระหว่างเดินทางมาร่วมงานเทิดไท้องค์ราชัน ได้พบกับ นายสมบูรณ์ ไพรวัลย์ ผู้สมัคร ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งเป็นคนคุ้นเคยและรู้จักกันดี จึงเดินเข้าไปทักทายว่า "สวัสดีครับลูกพี่" แต่นายสมบูรณ์กลับแสดงท่าทีและพูดจาไม่พอใจ จากนั้นก็มีการพูดกันหลายประโยค ตนยังไม่ทันระวังตัวก็ถูกนายสมบูรณ์ต่อยใบหน้าจนเป็นรอยฟกช้ำ หลังจากเกิดเรื่องได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะเอาเรื่องนายสมบูรณ์จนถึงที่สุด

 

ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า นายไพโรจน์เข้ามาหาเรื่องก่อน บอกว่ามาหาเสียงในงานเทิดไท้องค์ราชันทำไม ตนบอกว่าไม่ได้มาหาเสียง แต่พาหลานมาชกมวย จึงต้องตามมาดูและเชียร์ จากนั้นนายไพโรจน์ก็เข้ามาจับหัว ซึ่งดูว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากตนเป็นผู้ใหญ่กว่า อายุมากกว่าด้วย จึงเดินหนี นายไพโรจน์ไม่พอใจจึงชกต่อยตนก่อน 2 ครั้ง จนแว่นตาแตก ส่วนจะเอาเรื่องตนหรือไม่นั้นไม่สนใจ ถ้านายไพโรจน์ไม่เอาเรื่องก็แล้วกันไป ไม่ติดใจ

 

ร.ต.ท.ปรัญชา ทิศลา พนักงานสอบสวน สภ.แม่สะเรียง กล่าวว่า หากคู่กรณีสามารถตกลงยอมความกันได้ ก็ถือว่าอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน ซึ่งจะลงบันทึกประจำวันและปรับเป็นเงินในวงไม่เกิน 1,000 บาท หากไม่สามารถยอมความกันได้ก็ต้องทำสำนวนส่งให้อัยการดำเนินการต่อไป

 

"ชาติไทย" โวลั่นปักธงเหนือสุด 4 เก้าอี้ แฉคู่แข่งส่งสายลับตามประกบ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นายประภัตร โพธสุธน  นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ พล.ต.อ.ประสาน วงศ์ใหญ่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เดินทางมาช่วยผู้สมัครทั้ง 3 เขต หาเสียงที่ จ.เชียงราย  ทั้งนี้นายบรรหารและคณะได้เข้าสักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช บริเวณ 5 แยกพ่อขุน เขตเทศบาลเมืองเชียงราย และสักการะท้าวมหาพรหมณ์ บริเวณสวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติฯเชียงราย ทั้งนี้นายบรรหารจะขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.เชียงราย 2 จุด คือ ดอยวาวี และ อ.แม่สาย

 

นายมณฑล สุทธาธนะโชติ ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 2 พรรคชาติไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ตนและทีมงานมั่นใจมากว่าจะได้รับเลือกตั้งมากกว่า 4 ที่นั่งขึ้นไป และการที่นายบรรหารได้ลงมาช่วยหาเสียงให้ก็น่าจะทำให้คะแนนเสียงของผู้สมัครและพรรคชาติไทยดีขึ้นอีก เพราะนายบรรหารสมัยเป็นนายกฯ ได้ผลักดันโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงราย และมหาวิทยาลัยแม่ ฟ้าหลวง

 

ส่วนการตรวจค้นหัวคะแนนในพื้นที่นั้น นายมณฑล กล่าวว่า ไม่มีผลกระทบต่อพรรค เพราะเราเดินสายกลางและไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กลุ่มใด ๆ อย่างไรก็ดีทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมืองบางพรรคได้ส่งคนมาถ่ายภาพการลงพื้นที่ จ.เชียงราย ของนายบรรหารและคณะผู้บริหาร

 

ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์เดลินิวส์ แนวหน้า คมชัดลึก และสยามรัฐ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท