Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ชูวัส  ฤกษ์ศิริสุข


 


การเมืองไทยเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว กระนั้นไม่มีใครที่จะสามารถไว้วางใจได้ว่า บ้านเมืองของเราเข้ารูปเข้ารอยอยู่ในระบบระบอบ และนิ่งพอแล้ว มิหนำซ้ำเรากลับพบชัดเจนแล้วว่า ความวุ่นวายทางการเมืองตลอดสองปีที่ผ่านมาได้เปิดประตูสู่วิกฤติเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับที่เงาทะมึนก็ตั้งเค้ารอเราอยู่ข้างหน้า


 


ไม่ว่าจะอย่างไร หากจะก้าวไปข้างหน้า เราจำต้องหวนระลึก ว่าความวุ่นวายทางการเมืองนั้น ต้องนับเริ่มจากการเรียกร้องที่ออกนอกระบบระบอบ คือตั้งแต่การเรียกร้องให้ใช้มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามด้วยการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จวบจนปัจจุบันที่แม้จะมีรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ร่างโดยคณะรัฐประหารแล้วก็ตาม ก็ยังเต็มไปด้วยความบิดเบี้ยว และเลือกปฏิบัติ และไม่ตรงไปตรงมา


 


จริงอยู่ว่า การชุมนุมเพื่อกดดันให้อดีตนายกฯ รับผิดชอบต่อการใช้อำนาจฉ้อฉลจะเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานก่อนหน้านั้น นั่นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม และพลังของการชุมนุมในฐานะเครื่องมือการใช้อำนาจโดยตรงของประชาชนก็ไร้ความหมายและความชอบธรรมไปเสียสิ้นจากการตัดสินใจของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เรียกร้องให้ใช้มาตรา 7 ออกบัตรเชิญให้คณะทหารทำการรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และบัดนี้ยังไม่มีคำขอโทษจากแกนนำเหล่านั้นที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร และพาบ้านเมืองของเราเข้าสู่ความตกต่ำทางเศรษฐกิจ


 


หยิบเรื่องเก่ามาเขียนรำลึก เพื่อเตือนให้เราตระหนักว่า เราจะต้องไม่หลงไปกับการเมืองสร้างกระแส และประชาชนไทยจะต้องกลับมายืนหยัดหลักการประชาธิปไตยที่เคารพทุกคน ทุกชนชั้น ทุกเพศวัย ทุกรสนิยม และทุกประเภทคุณธรรมอย่างเท่าเทียมกัน


 


น่าชมเชย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ห้ามอดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คนที่ถูกตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินทางการเมือง เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกรูปแบบ นี่คือตัวอย่างของการเดินตามหลักการ ไม่ว่าผลประโยชน์นั้นจะตกอยู่กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็ตาม


 


ขณะที่น่าสงสัยในความเห็นของ กกต. ที่แม้จะเป็นความเห็น แต่ก็มีผลเป็นการคุกคามข่มขู่และละเมิดสิทธิทางการเมืองของ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย


 


เช่นเดียวกับ การเดินหน้ารณรงค์หาเสียงของพรรคพลังประชาชน ที่แม้จะดูไม่เหมาะสม ไร้รสนิยมสำหรับคนบางกลุ่ม ไม่ว่าจะการแจกเอกสาร "รัฐธรรมนวย" ที่ส่อเสียดมีนัยวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญ (ลองค้นดูนะครับว่า สื่อฉบัยไหนที่เป็นผู้เริ่มใช้คำนี้) หรือการบริภาษของหัวหน้าพรรคหลายครั้งหลายครา หรือการหาเสียงเผ็ดร้อนของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กระนั้นพึงพิจารณาเนื้อหา เพราะเนื้อหาที่เหล่าสมาชิกพรรคพลังประชาชนแสดงออกมาหลายเรื่องหลายประเด็น ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ตลอดปีที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าพูดกล้าสะท้อน โดยเฉพาะท่าทีและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหาร


 


เพราะขณะที่คนเหล่านี้แสดงความเห็นตามหลักการประชาธิปไตยผ่านน้ำเสียงและท่าทีที่หยาบคาย เราต้องไม่ลืมว่า ตลอดปีที่ผ่านมา เหล่าผู้นำทหารและอำมาตย์ตลอดจนพลพรรคในองค์กรอิสระ สภานิติบัญญัติทั้งหลาย กลับละเมิดหลักการ กระทำการเพื่อผลประโยชน์ของบางกลุ่มบางเหล่าผ่านท่าทีที่สุภาพ และหลายครั้งอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย และเพื่อประชาธิปไตย แม้กระทั่งกำลังผลักดัน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน ที่มีอำนาจเหนือบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ


 


แน่นอน นักการเมืองก็คือนักการเมือง จะพรรคการเมืองใดต่างก็หวังที่จะได้รับการเลือกตั้งและคะแนนนิยมด้วยกันทั้งนั้น การหวังความจริงใจทางการเมืองของนักการเมือง ย่อมเป็นข้อห้าม แต่เราหวังสัญญาประชาคม เพราะสัญญานำมาซึ่งการผูกมัดและมีผลต่อคะแนนนิยม 


 


การเมืองไทยจึงควรเป็นเรื่องของนโยบายและโครงการ มากกว่าเรื่องพูดไพเราะไม่ไพเราะ สุภาพไม่สุภาพ คุณธรรมหรือไม่คุณธรรม เพราะคุณธรรมมีหลายแบบ กระทั่งอาจจะกล่าวได้ว่า คุณธรรมแบบที่เป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ก็นำมาซึ่งนโยบายแบบหนึ่งที่เอื้อประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น


 


ซึ่งบัดนี้ แทบจะยังไม่มีพรรคการเมืองใดเสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมอย่างที่ควรจะเป็นเลย แต่กลับเป็นการเมืองแบบสีสัน สาดโคลน ดิสเครดิต และดูว่าใครแต่งตัวสวยหรือสุภาพไปกว่ากัน


 


นักการเมืองและพรรคการเมือง ต้องไม่ทำให้การเมืองและวัฒนธรรมการเมืองถอยหลัง เพราะมีแต่การสร้างวัฒนธรรมใหม่เพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะยืนยันว่า เหล่าอำมาตย์ที่ทำเป็นแต่รัฐประหาร คือผู้ที่ทำให้ประเทศชาติย่อยยับและล้าหลัง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net