Skip to main content
sharethis

ความคืบหน้าหลังการเมืองออสเตรเลียมาถึงจุดเปลี่ยนผันครั้งสำคัญ โดยนายเควิน รัดด์ วัย 50 ปี นักการเมืองฝ่ายค้าน จากพรรคแรงงาน ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ หลังชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย มีคะแนนเหนือพรรคเสรีนิยมของนายจอห์น โฮเวิร์ด ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมานาน 11 ปี


 


ล่าสุด เมื่อวันอาทิตย์ 25 พ.ย. สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน นายรัดด์กล่าวแสดงความหวังว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งปลายสัปดาห์นี้ โดยเขาจะเลือกบรรดารัฐมนตรีด้วยตนเอง โดยจะประกาศโผคณะรัฐมนตรีทันทีหลังการประชุมพรรคแรงงานวันพฤหัสฯ "ความมุ่งหวังของพวกเราอยู่ที่การประชุมพรรคในวันพฤหัสฯนี้ จากนั้นจะมีการสาบานตนรับตำแหน่งในทันที" นายรัดด์กล่าวระหว่างแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนครั้งแรกหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ 


 


สำหรับบรรดาผู้ได้รับการคาดหมายว่าจะบรรจุในโผรายชื่อ ครม.ของนายรัดด์ จะถือเป็นการเปิดโฉมหน้าใหม่ของรัฐบาลออสเตรเลีย หลังหมดยุคของนายโฮเวิร์ด ซึ่งมีแนวโน้มว่า จูเลีย กิลลาร์ด รองนายกฯหญิง จะไปทำหน้าที่กิจการความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรม และเวน สวอน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง


 


มีรายงานว่า นายรัดด์ให้คำมั่นสัญญาที่จะดำเนินการรณรงค์สานต่อในเรื่องภาวะโลกร้อน ที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญทำให้เขาชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ทั้งนี้ นายรัดด์ระบุว่า จะเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยโลกร้อนเดือนหน้าบนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย หลังได้รับคำเชิญจากประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยุดโฮโยโน แห่งอินโดนีเซีย โดยนายรัดด์ยังกล่าวต่อนายกอร์ดอน บราวน์ นายกฯอังกฤษด้วยว่า เขาจะให้สัตยาบันอย่างรวดเร็วในสนธิสัญญาพิธีสารเกียวโตว่าด้วยโลกร้อน "ประธานาธิบดียุดโฮโยโน เชิญผมร่วมประชุมบาหลีอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีการตกลงเกี่ยวกับเรื่องโลกร้อน และเราจะดำเนินการเรื่องพิธีสารเกียวโตต่อ" นายรัดด์กล่าว


 


อนึ่ง ประธานาธิบดียุดโฮโยโน แห่งอินโดนีเซีย เป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนายรัดด์ สำหรับปฏิกิริยาจากพันธมิตรตะวันตกสำคัญ ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า เขากำลังเฝ้าคอยทำงานร่วมกับผู้นำออสเตรเลียที่นิยมแนวทางซ้ายกลาง เช่นเดียวกับนางเฮเลน คลาร์ก นายกฯนิวซีแลนด์ กล่าวว่า  จะกระชับความสัมพันธ์กับออสเตรเลียมากขึ้น ขณะที่ปฏิกิริยาของชนกลุ่มน้อยชนเผ่าอะบอริจินส์ มีบางกลุ่มที่ต้อนรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ส่วนนายไมเคิล แมนเซลล์ ผู้นำชนเผ่าอะบอริจินทาสมาเนีย  กล่าวว่า ชาวชนเผ่าอะบอริจินทั่วประเทศรู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อยที่นายโฮเวิร์ดและนายมาล บรูกห์  รมว.กิจการอะบอริจินพ้นตำแหน่งไปเสียได้


 


ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์


 


 


 


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net