Skip to main content
sharethis







การเมือง


 


ป๋าเปรมชี้กองทัพต้องกันคนไม่ดีไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง


เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 20 พ.ย. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานงานวันกองทัพเรือ ครบรอบ 101 ปี โดยมีบุคคลสำคัญร่วมงาน อาทิ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม



พล.อ.เปรม กล่าวปาฐกถาว่า เวลาตนเดินเข้ามาในกองทัพเรือทีไร มีความรู้สึกว่าเรามาอยู่ในหมู่เพื่อนร่วมตาย รู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลดภาระความกังวลใจไปได้ เมื่อสักครู่ ผบ.ทร.บอกว่าจะมีการมอบรางวัล ซึ่งเป็นการประกอบคุณงามความดีของกำลังพลในกองทัพเรือ ในเรื่องการประกอบความคุณงามความดีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีพระบรมราโชวาทว่า "เราต้องยกย่องส่งเสริมคนดี และยับยั้งไม่ให้คนไม่ดีเข้ามายุ่ง" ซึ่งเวลานี้กองทัพเรือกำลังส่งเสริมคนดีขึ้นมา ซึ่งการยกย่องคนดีทำจริงจัง และทำต่อเนื่องเสมอไป และการยับยั้งคนไม่ดีไม่ให้เข้ามายุ่งก็ต้องทำอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน



"ผมคิดว่าสถาบันกองทัพ ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีศักยภาพมากเกินพอที่จะทำเรื่องที่ดี เรามีเด็กๆ ที่เราเรียกว่ากำลังพล ที่เราได้อบรมสั่งสอนวินัย เรื่อง รักชาติ ปกป้องประเทศ เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษตริย์ สิ่งที่ผมเห็น และอยากชักชวนให้ทำ คือเหล่าทัพต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้ คือส่งเสริมคนดี และปกป้องคนไม่ดีไม่ให้เข้ามายุ่ง ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าพวกเราทำได้ และดีใจมากที่ทุกกองทัพทำสิ่งนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจเป็นอันมาก"  พล.อ.เปรม กล่าวและว่า



ขอชื่นชมกองทัพเรือ ที่แสดงความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง และยกย่องคนดี การทำความดียากเหมือนกัน แต่ไม่ยากมาก แต่การรักษาความดี ให้ยืนยงตลอดไปกับตัวเราเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของพวกเราที่แสดงให้เห็นประจักษ์ว่าเราจะรักษาความดีของกองทัพ ให้ ยืนยงต่อไปได้จนชีวิตหาไม่


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานดังกล่าว พล.อ.เปรม ได้มอบรางวัลเกียรติยศนาวี ให้บุคคลที่ประกอบคุณงามความดี และ ผลงานดีเด่น สมควรได้รับการยกย่องโดยเป็นกำลังพลของกองทัพเรือ ทั้งหมด 5 นาย


 


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า พล.อ.เปรม ได้สนทนากับผู้นำเหล่าทัพที่มาร่วมงาน และ พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม อยู่หลายครั้งด้วย



ผบ.ทอ. ปัดคำพูด"ป๋าเปรม"ไม่ได้สั่งสกัดกั้นพปช.


ขณะที่พล.อ.ชลิต ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม  กล่าวถึงการปกป้องไม่ให้คนไม่ดีกลับมามีอำนาจว่า พล.อ.เปรมก็พูดให้กองทัพยกย่องคนดี ไม่มีอะไรมาก



เมื่อถามย้ำว่า คนที่ไม่ดีหมายถึง พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ พล.อ.อ ชลิต กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่พล.อ.เปรมคงหมายถึงคนทั่วไป ที่เป็นคนไม่ดี ก็ไม่ให้เข้ามายุ่ง ถ้าเป็นกำลังพล เราต้องยับยั้งไม่ให้ตำแหน่งสูง พล อ เปรมไม่ได้หมายถึงพรรคการเมืองใด เป็นเรื่องทั่วไปที่เราจะต้องยกย่องคนดี และป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้ามายุ่ง



ผู้สื่อข่าวซักว่า ที่กล่าวถึงหมายถึงพรรคพลังประชาชน เป็นพรรคคนไม่ดี และไม่ต้องไปเลือกใช่หรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ใช่ ให้ประชาชนตัดสินใจ



ต่อข้อถามา ถ้าประชาชนเลือกพรรคพลังประชาชนเข้ามา จะสกัดกั้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ หากประชาชนเลือกใครเราต้องยอมรับ



ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม พูดให้กำลังพลเข้าไปช่วยดูแล เพราะมีศักยภาพเรื่องนี้ ถือว่าเป็นการไปสกัดกั้นหรือไม่ พล.อ.อ.ชลิต กล่าวว่า ไม่ใช่ พล.อ.เปรมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่หมายถึงให้กำลังพลเข้าไปช่วยในการเลือกตั้ง โดยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าใครคือคนดี ใครเป็นคนไม่ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเลย เราอย่าไปโยงกัน


 


ที่มา: http://www.komchadluek.net


 


นายกรัฐมนตรี พอใจกับผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน


นายกรัฐมนตรี พอใจกับผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พร้อมยืนยันไทยมีจุดยืนไม่แทรกแซงปัญหาภายในพม่า



          พลเอกสุรยุทธ์  จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนมีความสำเร็จ เพราะมีการลงนามในกฎบัตรอาเซียน ซึ่งจะเป็นเหมือนกรอบกติกากำหนดให้ความร่วมมือและข้อตกลงต่างๆ ในอาเซียนเกิดผลเป็นรูปธรรม และจากนี้ไปจะต้องเร่งร่างแผนการจัดตั้งประชาคมว่าด้วยความมั่นคงและการเมืองของอาเซียน และแผนจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เพื่อนำไปสู่การลงนามและลงสัตยาบรรณในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในปีหน้า



พลเอกสุรยุทธ์  จุลานนท์ ยังกล่าวด้วยว่า จากนี้ไปแต่ละประเทศจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนของตนเอง เพื่อให้ทราบถึงบทบาทซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในทุกเรื่องทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา คมนาคม แรงงาน และการส่งเสริมโอกาสต่างๆ อย่างเท่าเทียมกัน



สำหรับกรณีของพม่า นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยมีจุดยืนเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ที่จะไม่แทรกแซงปัญหาภายในของพม่า เพราะนายกรัฐมนตรีของพม่ายืนยันว่ามีศักยภาพพอที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ส่วนแรงกดดันของประชาคมโลก พม่าจะประสานกับยูเอ็นผ่านทางทูตพิเศษต่อไป พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า กฎบัตรอาเซียน จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม และส่วนหนึ่งมีหัวข้อเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อกฎบัตรอาเซียนมีผล อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะคลี่คลายปัญหาในพม่า



นอกจากเวทีการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้ว นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงการเจรจาของอาเซียนบวกสาม ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ว่า อาเซียนและทั้ง 3 ประเทศ จะร่วมส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพทางการเงินการคลัง รวมทั้งเทคโนโลยีและพลังงาน



ส่วนการประชุมอาเซียนและจีน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จีนตอบรับข้อเสนอของไทย ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปีหน้าภายใต้หัวข้อความปลอดภัยพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เชื่อว่า จะเกิดประโยชน์กับไทยที่จะได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจเรื่องพลังงานนิวเคลียร์



 ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


 


กกต. รับรอง "ประชัย" เป็น หน.พรรคมัชฌิมาธิปไตย


นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า กกต.ได้ประชุมพื่อรับรองการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคการเมือง โดย กกต.ได้รับรองให้นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ซึ่งได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ ให้เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ทางพรรค ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทาง กกต.ไม่รับรอง เนื่องจากการดำเนินการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่เป็นไปตามกฎหมาย


 


ที่มา: เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก


 


อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยในพรรคเพื่อแผ่นดินลาออกยกชุด


อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ร่วมงานอยู่กับพรรคเพื่อแผ่นดินได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่าง ๆของพรรคแล้วเพื่อส่งเสริมบรรยากาศความสมานฉันท์และการเลือกตั้งทำให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย



นายพินิจ  จารุสมบัติ  พร้อมด้วยนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ  ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคและกรรมการสภานโยบายและยุทธศาสตร์พรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมแถลงว่าอดีตกรรมการที่ถูกตัดสินทางการเมืองซึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในระดับบริหารของพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือลาออกแล้วทั้งหมด รวม 9 คน โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้เกิดบรรยากาศความสมานฉันท์และความเรียบร้อยในการแก้ไขปัญหาของประเทศในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ธันวาคมนี้



นายพินิจ ยังยืนยัน กระแสข่าวพรรคเพื่อแผ่นดินจับมือพรรคชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งว่าไม่เป็นความจริง เพราะพรรคมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่เป็นศัตรูหรือต่อท่ออำนาจของทั้งฝ่ายอำนาจเก่าและอำนาจใหม่


 


ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


 


ชาติไทยออกประกาศ "สนธยา-ปวีณา"พ้นตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคแล้ว


นายวีระศักดิ์  โควสุรัตน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คนเปิดปราศรัยที่สวนลุมพินี ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเพราะทั้งหมดล้วนถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งไปแล้วว่า  การปราศรัยหาเสียงของอดีตกก.บห.พรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ภายใต้หลักสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้  แต่วิธีที่แสดงออกจะต้องไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย  ซึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าบุคคลเหล่านี้มีพลังในการขับเคลื่อนสังคม  ซึ่งหากเคลื่อนไหวอย่างสันติก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดสามารถทำได้  เพราะถือว่าเป็นเรื่องของการทวงสิทธิของเขา



 "อย่างไรก็ตามต้องขอชื่นชมผู้ที่ไม่ดำเนินการใดๆแล้วยอมรับการเพิกถอนสิทธินั้น  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นอย่างพล.ต.สนั่น ขจรประสาสตร์ ท่านก็เคยถูกเพิกถอนสิทธิในการเลือกตั้งมา 5 ปี ซึ่งท่านก็ทำตาม ตรงนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง วันนี้ก็มีให้เห็นอย่างนางปวีณา  หงสกุล และนายสนธยา คุณปลื้ม ที่ได้แสดงความจำนงลาออกจากตำแหน่งในพรรคชาติไทยทั้งหมดแล้ว" นายวีระศักด์กล่าว



เมื่อถามถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายประเมินว่าอาจไม่มีการเลือกตั้งหรือหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วพรรคพลังประชาชนได้เก้าอี้ส.ส.เป็นอันดับหนึ่งอาจจะมีการรัฐประหารอีกครั้ง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแน่นอน  เพราะวันนี้ถือว่าเป็นฉากใหม่ของการพัฒนาประชาธิปไตย และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นก็เป็นการนับถอนหลังของผู้บริหารราชการพิเศษเพื่อทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยวิธีเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็น คมช. สนช. หรือคตส.และเชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะคลี่คลายความตึงเครียดทางการเมืองได้พอสมควร ส่วนพรรคพลังประชาชนจะได้เก้าอี้ส.ส.มากที่สุดหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสินใจ



ด้านนางปวีณา กล่าวถึงว่า ตนขอยุติบทบาททางการเมืองทุกอย่าง ต่อจากนี้ไปก็จะทำงานทางด้านสังคม ส่วนที่อดีตกก.บห.พรรคไทยรักไทยบางคนจะเปิดปราศรัยนั้น ก็สามารถทำได้ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะเรียกร้องสิทธิของตนเอง แต่ส่วนตนขออยู่สงบๆนิ่งๆ


 


 ที่มา: http://www.naewna.com


 


 


สุดารัตน์ เปิดเว็บไซต์พลเมืองชั้น 2 บ้านเลขที่ 111


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 1ใน111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และแกนนำพรรคพลังประชาชน ได้ทำหนังสือฝากผ่านมายังกองโฆษกพรรค เพื่อแจกจ่ายถึงผู้สื่อข่าวว่า "จากการที่ กกต. ได้ห้ามการดำเนินการต่างๆทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะคนไทยตามรัฐธรรมนูญ แต่ดิฉันจะไม่ยื่นเรื่องคัดค้านหรือขอร้อง กกต.ในเรื่องนี้ เพราะเข้าใจดีว่า ขณะนี้มีธงที่จะกำจัดหรือฆ่าพวกเราทิ้งในเวทีการเมืองเพื่ออุ้มประชาธิปัตย์ให้เป็นรัฐบาล อุ้มอภิสิทธิ์เป็นนายก ดิฉันก็ได้แต่หวังว่า กกต.จะรู้ถึงผลเสียของประเทศต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนจากต่างประเทศ หากจัดการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม


 


ถึงแม้ขณะนี้ดิฉันจะถือเป็นพลเมืองชั้น 2 แต่ดิฉันก็ยังเป็นคนไทยคนหนึ่ง ซึ่งเคยทำงานรับใช้ประเทศชาติมากว่า 16 ปี ดิฉันยังมีสิทธิห่วงใยบ้านเมือง ดิฉันจะชักชวนเพื่อนๆพี่ๆ111 ที่มีประสบการณ์ทำงานให้กับบ้านเมือง มาเปิดเว็บไซต์ www.บ้านเลขที่111พลเมืองชั้น2.com และ www.secondclass111.com เพื่อเสนอแนวคิดในเรื่องการบ้านการเมืองที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยหวังว่าจะไม่โดนห้ามจากอำนาจเผด็จการอีก และหวังว่าประเทศไทยหลังจากการเลือกตั้ง จะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่มีอำนาจเผด็จการบงการอยู่เบื้องหลัง โดยภายใน 2 สัปดาห์จะเปิดตัวเว็บไซต์นี้เป็นทางการต่อไป


 


ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com


 







เศรษฐกิจ


 


อาเซียน-ญี่ปุ่นสำเร็จถกเอฟทีเอภาคสินค้า


น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ครั้งที่ 13 ที่สิงคโปร์ โดยระบุว่า ในการประชุมรอบเตรียมการของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อวันจันทร์ (19 พ.ย.) ก่อนมีการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 11 ในวันที่ 21 พ.ย. จะมีการรายงานต่อผู้นำ 10 ชาติอาเซียนและนายกรัฐมนตรียาสุโอะ ฟูกูดะ แห่งญี่ปุ่น ประเด็นแรกคือการแสดงความยินดีต่อกรณีที่การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-JAPAN COMPREHENSIVE ECONOMIC PARTNERSHIP: AJCEP) หรือเอฟทีเออาเซียน-ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จแล้วในส่วนของสินค้า แต่ในเรื่องการลงนาม ต้องรอให้ทุกประเทศดำเนินการตามขั้นตอนภายในประเทศ ซึ่งในส่วนของไทย ตามรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีการขอกรอบเจรจา และขอความเห็นชอบผลการเจรจา ก่อนให้สัตยาบัน


 


การทำเอฟทีเอภาคสินค้าดังกล่าว จะมีการแถลงความสำเร็จในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ 21 พ.ย. โดยทั้ง 2 ฝ่ายหวังว่าจะสามารถดำเนินการเพื่อนำไปสู่การลงนามอย่างเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 1 ปี และอาจเกิดก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ


 


ความตกลง ฯ นี้ เป็นผลจากการเจรจานาน 4 ปีนับแต่มีการลงนามของผู้นำทั้งสองฝ่ายในกรอบการเจรจาที่บาหลี เมื่อปี 2546


 


นายนพดล สระวาสี รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีการค้าสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และนายคิม จอง ฮุน รัฐมนตรีการค้าเกาหลีใต้ จะมีการลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคบริการในวันที่ 21 พ.ย. นี้ หลังจากมีการลงนามข้อตกลงเอฟทีเอภาคสินค้าไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว โดยในการลงนามครั้งนี้ ไทยจะไม่ร่วมลงนาม แต่ผู้นำไทยจะร่วมเป็นสักขีพยานการลงนาม โดยเหตุที่ไทยยังไม่สามารถลงนามเนื่องจากติดขัดที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำหนดให้รัฐบาลต้องเสนอกรอบการเจรจาต่อสภา ก่อนมีการลงนามรับรอง


 


นายนพดล เปิดเผยว่า เกาหลีใต้ได้เสนอเปิดเสรีภาคบริการกับอาเซียนมากกว่าที่ให้กับข้อผูกพันธ์ในการเจรจาการค้าโลกขององค์การการค้าโลก รอบอุรุกวัย ขณะที่อาเซียนก็ได้เสนอสิ่งที่เสนอภายใต้กรอบดับบลิวทีโอกับเกาหลีใต้


 


ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com


 


ครม.ผ่านกม.สัญญาระหว่างประเทศตีกัน"รัฐสภา"ห้ามแก้ไขกรอบเจรจา


พ.อ.ประชาสัณห์ ชนะสงคราม ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีผลต่อกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้าหรือการลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจัดให้มีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกันบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 190


 


สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จะมีการกำหนดนิยามคำว่า "หนังสือสัญญา" และ "หนังสือสัญญาที่มีผลต่อกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ" พร้อมทั้งกำหนดขั้นตอนและวิธีการ หลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ


 


พร้อมกันนั้น ร่างพ.ร.บ.ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการหนังสือสัญญา ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน มีหน้าที่จัดทำหรือร่างหนังสือสัญญา ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษาวิจัย รับฟังความคิดเห็น และการจัดทำกรอบหนังสือสัญญา การเจรจา ก่อนการเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมครม. ทั้งนี้ หลังครม.ให้ความเห็นชอบร่างหนังสือสัญญาแล้ว จะส่งร่างหนังสือสัญญาให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ


 


พ.อ.ประชาสัณห์ กล่าวว่า ครม.มีข้อสังเกตเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปกำหนดไว้ในกฎหมาย ได้แก่ 1.กรณีการเสนอหนังสือสัญญาใดๆให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบนั้น ควรกำหนดให้รัฐสภามีมติใน 2 ทางเท่านั้น คือ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ เพราะหากให้รัฐสภามีอำนาจแก้ไขหนังสือสัญญาเองได้ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ เนื่องจากหนังสือสัญญามีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ


 


กรณีที่รัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบในร่างหนังสือสัญญาที่รัฐบาลส่งไปให้ รัฐสภาจะส่งร่างหนังสือสัญญานั้นกลับมาให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขและส่งให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง


 


2.ควรกำหนดให้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการมอบอำนาจของรัฐสภา ให้กับบุคคลที่รับมอบอำนาจลงนามหนังสือสัญญา เพราะหากการลงนามหนังสือสัญญาต้ องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาทุกครั้ง จะทำให้เกิดความล่าช้า เช่น กรณีที่นายกฯหรือรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมในต่างประเทศ และจะมีการลงนามหนังสือสัญญาที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีการมอบอำนาจให้ ก็จะต้องส่งหนังสือสัญญานั้นให้รัฐสภาเห็นชอบเสียก่อน


 


ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com


 


 







ต่างประเทศ


 


ศาลพิจารณาคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวกัมพูชาเริ่มไต่สวนพิจารณาคดีเป็นครั้งแรกแล้ว


การพิจารณาคดีจะมีขึ้นที่ศาลในกรุงพนมเปญ  โดยนายคัง เค้ก อือ หรือสหายดุช อดีตผู้บัญชาการเรือนจำตูลสแลงเป็นจำเลยคนแรกที่ถูกนำตัวขึ้นศาลในข้อหาลงโทษประหารชีวิตและกระทำทารุณกรรมชาวกัมพูชาจำนวนมาก ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการเรือนจำดังกล่าวในช่วงที่เขมรแดงปกครองกัมพูชา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว    มีนักโทษการเมืองถูกทารุณประมาณ 17,000 คน และมีเพียง 7 คนที่รอดชีวิต   สหายดุชเป็นหนึ่งในจำเลย 5 คน ที่จะต้องถูกพิจารณาคดีในศาลดังกล่าว  ซึ่งได้รับการสนับสนุนให้ก่อตั้งขึ้นโดยสหประชาชาติ  และเมื่อวานนี้มีการจับกุมนายเขียว สัมพัน อดีตนายกรัฐมนตรีเขมรแดงและตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการแล้วและจะมีการนำตัวนายเขียวเข้ารับการพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้หรือวันพฤหัสบดี  นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังมีการจับกุมนายเอียง ซารี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของเขมรแดงและภรรยาด้วย  ซึ่งนายเอียงถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมที่ร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ ส่วนนายนวน เจีย อดีตแกนนำเขมรแดงอีกคนหนึ่งถูกจับเมื่อเดือนกันยายนและถูกตั้งข้อหาเดียวกับนายเอียง ซารี โดยมีการประเมินกันว่า  ในช่วงที่เขมรแดงปกครองกัมพูชาระหว่างปี 2518-2522  มีชาวกัมพูชาที่ต้องเสียชีวิตจากความเหี้ยมโหดของเขมรแดงกว่า 2 ล้านคน



ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์


 


นายกฯญี่ปุ่น - จีน ตกลงปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน


นายยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ตกลงปรับปรุงความสัมพันธ์หลังจากประชุมกัน 2 ต่อ 2 เป็นครั้งแรก นายฉิน กัง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า ในการประชุมนอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนที่สิงคโปร์ นายกรัฐมนตรีของจีน และญี่ปุ่น ตกลงที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ โดยทางฝ่ายจีนจะพยายามดำรงและผลักดันให้ความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นมีความคืบหน้า และรักษาระดับความสมดุลที่ดีของการพัฒนา นายกรัฐมนตรีจีน และญี่ปุ่น ยังได้ตกลงเร่งการเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งเรื่องสิทธิการสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติในน่านน้ำที่ยังเป็นกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ และจะพยายามร่วมกันที่จะยุติโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือด้วย


 


ที่มา: เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก


 







คุณภาพชีวิต - สิ่งแวดล้อม


 


ครม.รับหลักการกฎหมายนิวเคลียร์ใหม่ คลุมสร้าง รง.นิวเคลียร์


คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎหมายนิวเคลียร์ฉบับปรับปรุงใหม่ หวังให้สอดคล้องกับสถานการณ์รังสีนิวเคลียร์ปัจจุบันมากขึ้น เลขาฯ "เชาวน์" เผย 60% ยังคงมาตราต่างๆ ใน พ.ร.บ.ฉบับเดิมไว้ ส่วนของใหม่จะครอบคลุมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วย


 


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ณ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีมติเห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (ฉบับที่...) พ.ศ.... เพื่อปรับปรุงบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2508 ขึ้น จุดประสงค์เพื่อให้มีกฎหมายกำกับดูแลรังสีนิวเคลียร์ในประเทศที่สอดคล้องกับปัจจุบันมากกว่าในอดีต


 


นายเชาวน์ รอดทองคำ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) หน่วยงานซึ่งจัดทำร่างฯ เปิดเผยว่า มติดังกล่าวจะทำให้ พ.ร.บ.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้รับการปรับปรุงบางมาตราให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศมากขึ้น ทั้งด้านเทคโนโลยี การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก


 


ขณะที่ พ.ร.บ.ฉบับเก่ามีอายุถึง 46 ปีแล้ว จึงมีบางส่วนที่ควรแก้ไขปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพ โดยจะมีเนื้อหาที่ครอบคลุมที่กว้างขวางกว่าในอดีต เช่น การควบคุมการผลิต การนำเข้า -ส่งออกวัสดุนิวเคลียร์ การทำอาวุธนิวเคลียร์ การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตลอดจนการควบคุมการใช้รังสีนิวเคลียร์ไม่ให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล สาธารณะ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีการกำหนดถึงการรับผิดชอบความเสียหายไว้ด้วย


 


 "กฎหมายเดิมถือว่าครอบคลุมเรื่องต่างๆ ไว้ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว แต่ไม่สามารถครอบคลุมทุกเรื่องได้ทั้งหมดในเวลานี้ เช่น การแก้ไขเมื่อปี 2508 ที่เพิ่มเรื่องของการใช้รังสีเอ็กซ์เข้ามา เช่นเดียวกับปัจจุบันที่ที่มีความก้าวหน้ามากมายจึงต้องแก้ไขบางส่วนให้เหมาะสม โดยคงของเดิมไว้ประมาณ 60% ซึ่งยังใช้งานได้ดี ดังนั้นจึงไม่ถึงกับต้องยกร่างใหม่" เลขาธิการ ปส.กล่าว


 


ทั้งนี้ เนื้อหาร่างยังได้แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามต่างๆ เช่น ให้ยกเลิกคำว่า "วัสดุพลอยได้" และให้ใช้คำว่า "วัสดุกัมมันตรังสี" แทน การเพิ่มเติมบทนิยาม คำว่า "พลังงานปรมาณู และเพิ่มเติมบทนิยม คำว่า"วัสดุกัมมันตรังสี" คำว่า"วัสดุนิวเคลียร์" คำว่า "เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์" คำว่า"ความเสียหายสาธารณะ" และคำว่า "กากกัมมันตรังสี" เพื่อให้คำนิยามต่างๆ เป็นที่เข้าใจตรงกันระหว่างผู้ใช้กฎหมายและผู้ทำงานด้านรังสีนิวเคลียร์


 


ร่างดังกล่าวยังกำหนดให้คณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พ.ป.ส.) มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายเป็นประธาน มีหน้าที่พิจารณาออกใบอนุญาต การพักใบอนุญาต การสั่งถอนคำสั่งพักใบอนุญาต และการเพิกถอน สำหรับการผลิต การมีไว้ในครอบครอง หรือใช้ซึ่งวัสดุนิวเคลียร์พิเศษ พลังงานปรมาณู วัสดุกัมมันตรังสี วัสดุต้นกำลัง ซึ่งพ้นสภาพที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติในทางเคมี


 


การกำหนดให้การให้ก่อสร้าง การเริ่มดำเนินงาน การมีไว้ครอบครองหรือใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ หรือเลิกดำเนินงานเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ตลอดจนการดำเนินการจัดการกากกัมมันตรังสีต้องได้รับอนุญาตจาก พ.ป.ส. ก่อน


 


ร่าง พ.ร.บ.ยังห้ามไม่ให้มีการนำเข้าหรือส่งออกวัสดุนิวเคลียร์ วัสดุกัมมันตรังสี วัสดุต้นกำลัง หรือเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก พ.ป.ส. รวมถึงห้ามไม่ให้นำเข้ากากกัมมันตรังสีเข้ามาในราชอาณาจักร และห้ามไม่ให้มีการใช้ หรือสมคบกันกระทำให้เกิดการใช้วัสดุกัมมันตรังสี หรือวัสดุนิวเคลียร์ที่เพื่อก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลใด และแม้จะกระทำนอกราชอาณาจักรก็ต้องได้รับโทษในราชอาณาจักร


 


สุดท้าย ร่าง พ.ร.บ.ได้กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ ต้องเอาประกันสำหรับความเสียหายสาธารณะ และกำหนดวงเงินที่เอาประกันให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด พร้อมทั้งมีการกำหนดหลักเกณฑ์ความรับผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สาธารณะ


 


ส่วนขั้นตอนต่อไป หลังจากที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.แล้ว จะส่งร่างพ.ร.บ.ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป โดยให้รับข้อสังเกตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ก่อนส่งกลับมายังที่ประชุมครม.และเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา โดยร่างดังกล่าวได้เริ่มจัดทำเรื่อยมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2548 และได้รับการแก้ไขปรับปรุงหลายครั้ง จนสำเร็จเป็นร่างปัจจุบันเมื่อ 6 ก.ย.2550 ก่อนได้รับความเห็นชอบหลักการในการประชุมครั้งนี้


 


ที่มา : www.manager.co.th


 


หลายประเทศร่วมคัดค้านญี่ปุ่นล่าวาฬ


สหรัฐอเมริกา ประสานเสียงกับนานาชาติวิจารณ์การที่ญี่ปุ่นออกเดินเรือล่าวาฬ ขนาดใหญ่เป็นเวลา 5 เดือน จากท่าเรือทางใต้ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากที่ก่อนหน้านี้อังกฤษ ออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ญี่ปุ่นยุติการล่าในปีนี้ ที่มีการวางเป้าหมายคือวาฬหลังค่อมเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ แม้ญี่ปุ่นจะอ้างเหตุผลด้านงานวิจัย และจำนวนวาฬที่ต้องการล่าก็มีจำนวนน้อยเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบต่อวาฬทั้งหมด แม้ว่าเครื่องมือที่เตรียมพร้อมไว้นั้นสามารถล่าวาฬได้มากถึง 1,000 ตัว โดยญี่ปุ่นวางเป้าหมายล่าวาฬมิงเกให้ได้ 900 ตัวและวาฬฟิน อีก 50 ตัว ร่วมด้วยวาฬหลังค่อมให้ได้ 50 ตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลงนามในบันทึกช่วยจำเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่ถูกล่าจนใกล้จะสูญพันธุ์ ขณะที่วาฬฟิน ก็ถูกขึ้นบัญชีห้ามล่าเพราะใกล้สูญพันธุ์เช่นกัน นายฌอน แม็คคอร์แม็ค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องไม่มีการล่าวาฬหลังค่อม ส่วนนายกรัฐมนตรีเฮเลน คล้าก แห่งนิวซีแลนด์ กล่าวว่า จะเป็นการดียิ่งกว่าถ้าเรือล่าวาฬจะยังคงจอดอยู่ที่ท่าเรือ และว่าญี่ปุ่นนำเรื่องการวิจัยมาอ้างการล่าวาฬถึง 1,000 ตัวเพื่อการพาณิชย์ ทั้งขู่ว่าคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับนิวซีแลนด์ที่จะเสนอตัวเข้าช่วยเหลือ หากเรือเหล่านี้เกิดปัญหาขึ้นกลางทะเล


 


ด้านนายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีการต่างประเทศออสเตรเลีย ก็แสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่นออกล่าวาฬโดยอ้างเรื่องการวิจัย ทั้งที่ไม่เคยมีหลักฐานเรื่องงานวิจัยเลยแม้แต่ฉบับเดียว  ด้านรัฐบาลอังกฤษ ออกแถลงการณ์ว่ากำลังพิจารณามาตรการทางการทูตระดับสูง เพื่อประท้วงการล่าวาฬหลังค่อมที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีความจำเป็น ทั้งยังส่งผลร้ายแรงต่องานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เอง


 


การล่าวาฬยังถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยกลุ่มกรีนพีซที่ออกเดินเรือติดตามเรือของญี่ปุ่นเพื่อหวังจะถ่ายเทปบันทึกภาพก็พบปัญหาเมื่อเรือของญี่ปุ่นได้ปิดเครื่องมือที่จะชี้บอกตำแหน่งทำให้การค้นหาเรือของญี่ปุ่นทำได้ยาก ส่วนกลุ่มซี เชฟเฟิร์ด ที่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงกว่ากรีนพีซประกาศว่าจะสกัดเรือของญี่ปุ่นให้ได้


 


ที่มา: เว็บไซต์ศูนย์ข่าวแปซิฟิก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net