Skip to main content
sharethis

สัมภาษณ์โดย พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ และภฤศ ปฐมทัศน์


 


 


ภาพโปสเตอร์ "พรรคศิลปิน" เมื่อปี 2548 (ที่มา: วิกิพีเดีย)


 


จากงานศิลปะสื่อผสม (Conceptual art) แนวเสียดสีชุด "พรรคกูเพื่อกู" ในปี 2544 ก่อนที่จะตั้ง "พรรคศิลปิน" ร่วมกับเพื่อนศิลปินหลายท่าน เช่น ช่วง มูลพินิจ, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, อังคาร กัลยาณพงศ์ ในช่วงการเลือกตั้งปี 2548 ประกาศมีนโยบายยึดทรัพย์นักการเมืองเศรษฐี ยกเลิกสัญญาการค้าที่ไม่เป็นธรรม จัดการศึกษาฟรีตั้งแต่เกิดจนโต


 


จากงาน "บทกวีถึงทุกคน" ที่ออกหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ซึ่งได้รับการวิจารณ์เป็นอย่างมากนั้น ล่าสุด วสันต์กับเพื่อนๆ หลายคนร่วมกันเข็น "พรรคศิลปิน" ภายใต้สโลแกน "หัวใจคือไม่ปกครอง" ไปจดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2550 ที่ผ่านมา


 


พรรคศิลปิน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองลำดับที่ 55 ที่ยื่นจดทะเบียนกับ กกต. นั้น ข้อมูลระบุว่ามีนายวสันต์ สิทธิเขตต์ เป็นหัวหน้าพรรค มีนายวิลิต เตชะไพบูลย์ เป็นเลขาธิการพรรค มีผู้ก่อตั้งพรรคอาทิ นางนิตยา บุญประสิทธิ จากวงกรรมาชน ซึ่งเป็นโฆษกพรรค และมีที่ปรึกษาประกอบด้วยศิลปินในแขนงต่างๆ เช่น เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ทวี รัชนีกร ศิลปินแห่งชาติ, สุรชัย จันทิมาธร มงคล อุทก พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ นักดนตรีเพลงเพื่อชีวิต, ไชยันต์ ไชยพร กนกศักดิ์ แก้วเทพ อาจารย์จากมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม วสันต์ กล่าวว่าการมีโครงสร้างหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค เพียงเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง


 


ที่ผ่านมาพรรคศิลปินอยู่ระหว่างการเดินสาย-เปิดสาขาพรรคทุกภูมิภาค ล่าสุดคือการตั้งสาขาพรรคทางใต้ ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ได้มีการสัญจรขึ้นเหนือที่ จ.เชียงใหม่ มีการพบปะศิลปินในภาคเหนือ ก่อนที่วันถัดมา พรรคศิลปินจะมีการแห่รถปราศรัย เปิดตัวพรรคไปตามท้องถนนในเชียงใหม่


 


ระหว่างการเดินสายพบปะเพื่อนศิลปินของเขา ประชาไทมีโอกาสสัมภาษณ์ วสันต์ สิทธิเขตต์ หัวหน้าพรรคศิลปิน สอบถามเขาเกี่ยวกับนโยบายของพรรคและแนวทางทางการเมือง "หัวใจคือไม่ปกครอง" ตลอดจนมุมมองที่เขามีต่อสังคมไทยในห้วงขณะนี้


 


 


000


 


 


หากอ่านนโยบายพรรคศิลปิน คำขวัญของพรรคที่ว่า "หัวใจคือไม่ปกครอง" ที่พรรคศิลปินชูมันคืออะไรบ้าง


คือการให้ทุกคนมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม รู้จักสิทธิหน้าที่พื้นฐานของการเป็นมนุษย์ รับผิดชอบต่อสังคมที่ตนเองอยู่


 


"หัวใจคือไม่ปกครอง" เพราะว่าการปกครองโดยกลุ่มทุน กลุ่มอำนาจ กลุ่มทหาร ที่เป็นอยู่ทั้งหมดในสังคมไทยในรอบหลายสิบปีมานี้ มันคือ "ปัญหา" ที่ทำให้เกิด "ปัญหาสั่งสม" ในสังคมไทยตลอด เพราะฉะนั้นเราจึงนำเสนอความคิดที่เหมือนเป็นการปักธงไกลมากคือสังคมยูโธเปีย คืออยากให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลง อยากล้างบางนักการเมืองชั่วที่มันจะเข้ามาสังวาสอยากมีอำนาจในสังคมไทย นี่คือประเด็นหลัก


 


เราเริ่มต้นจากความเป็นจริง เริ่มต้นจากศักยภาพที่เรามีอยู่ ในฐานะที่เป็นศิลปิน กวี นักเขียน ของกลุ่มเพื่อน ของคนที่เคยร่วมคิดร่วมต่อสู้กันมาในปัญหาหลักๆ ของประเทศชาติและออกเป็นนโยบายตามที่เราร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้กับภาคประชาชนมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ดิน หนี้สิน สื่อ การศึกษา


 


ปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือท่อก๊าซที่จะนะนี้ สหพันธ์ศิลปินเพื่อประชาธิปไตยเดิม ได้ร่วมต่อสู้กับภาคประชาชนในปัญหาหลักๆ มาแล้ว แต่ปัญหาก็ยังคาราคาซัง ผู้นำก็ตายไปหลายคน ทุกวันนี้มีการขู่ฆ่าผู้นำอยู่นะครับ เช่นขู่คุณหน่อย "จินตนา แก้วขาว" ซึ่งหลังจากที่เราเดินสาย เราก็จะกลับไปช่วยรณรงค์ให้เพื่อน ไม่รู้จะช่วยทันหรือเปล่า อาจถูกฆ่าตายไปก่อน เพราะมือปืนมันรับคำสั่งมาแล้ว


 


ทีนี้เราควรทำอย่างไร เพราะว่าเราบอกว่ายืนหยัดเคียงข้างการต่อสู้เพื่อการอนุรักษ์ ดังนั้น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เราไม่เห็นด้วย โรงไฟฟ้าถ่านหินเราไม่เห็นด้วย ที่มาบตาพุด ที่มีการแอบสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นมา 3 แห่ง และเกิดผลกระทบต่อชุมชน เพราะฉะนั้น การต่อต้านของชุมชนที่มาคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ระยอง จึงเข้มแข็งมาก และพอจะไปสร้างที่บางปะกงอีก ก็มีกลุ่มต่อต้านขึ้นมาอีก


 


คราวนี้เราจึงเสนอทางเลือก เพราะบ้านเรามันร้อนทั้งปี ก็น่าจะใช้พลังงานแสงอาทิตย์ คือคิดค้นต่อไป ไม่ใช่คิดแต่ว่ามันเป็นแค่แผงมันใช้ไม่ได้ แป๊บเดียวก็พัง ทำไมจึงไม่คิดการเก็บรักษาไฟฟ้าให้ได้ ทำไมจึงไม่คิดขยายต่อ ก็เพราะเรามัวแต่ตามวิธีคิดของตะวันตก อย่างยุโรปที่แดดเขามีเพียงปีละ 4 เดือน


 


แต่ยุโรปที่ผมไปมาหลายประเทศพลังงานลมเขาก็เอามาใช้ มาเสริมพลังงานนิวเคลียร์ เพราะเขารู้ว่าพลังงานนิวเคลียร์มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมมาก พลังงานถ่านหิน เมื่อปีที่แล้วจีนต้องลด 20% แต่จริงๆ มันไม่ลดเลย มันเป็นพลังงานหลักของเขา พลังงานน้ำมันเองก็แพงขึ้น ตัวเลือกอื่นของสังคมไทยมันเลยคิดจะเอาพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ มันมักง่ายดี เราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง


 


เราอยากให้ฉีก FTA คือทบทวนสัญญาการค้าที่รัฐบาลเก่าๆ ทำมา เพราะตอนนี้ สินค้าต่างๆ จากจีนที่เข้ามาตีตลาดของเรา ตั้งแต่หัวถึงตีน หมวกถึงเท้า อาหารการกิน ผลไม้ หรือว่าพืชประจำครัว หอม กระเทียม ซึ่งกินอยู่ทุกวันก็รับมาจากจีน จนบ้านเมืองเราคนผลิตล้มละลายหมดแล้ว นี่คือการล้มละลายระบบลูกโซ่ การทำลายชุมชนอย่างรุนแรงที่สุดตั้งแต่ 4-5 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ทำ FTA กับจีน หรือว่าเรื่องโคนมก็ตามที่ทำกับออสเตรเลีย ที่นี้ไปทำกับญี่ปุ่นอีก


 


ซึ่งคนที่ไปล็อบบี้ให้ทำ FTA ก็คือคนที่มีผลประโยชน์กับการค้า เรียกว่าทุนนายหน้า พวกที่ค้าขายอุปกรณ์รถยนต์ อุปกรณ์เครื่องยนต์ อุปกรณ์ทางเทคโนโลยี แผงคอมพิวเตอร์ แต่ด้านหนึ่งการส่งออกนั้น ผู้ลงทุนเป็นแค่กลุ่มทุนนายหน้าเล็กน้อย กลุ่มผลประโยชน์ใหญ่ก็เป็นของต่างชาติ


 


หรือกลุ่มโลตัส กลุ่มพ่อค้าปลีกรายใหญ่ ที่เข้ามาทำลายการค้าย่อยของชุมชนทุกชุมชน คนได้รับผลประโยชน์ที่เข้มข้นสุดก็คือในสมัยทักษิณ ที่แทบจะเรียงหน้ากันมาเลย เราคิดว่าควรจัดระเบียบการเก็บภาษีอย่างหนักกับการค้าแบบนี้ กับโลตัส คาร์ฟูร์ เพื่อให้เงินเข้าสู่ประเทศ ไม่ใช่ไหลออกหมด ทุนสิงคโปร์ที่เข้ามาหลายแสนล้านสมัยทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมใหญ่ ธนาคาร ต่างๆ นี่เป็นปัญหาว่า FTA ถ้าสร้างความเสียหายกับชุมชนกับแผ่นดิน เราต้องคิดแก้ปัญหาใหม่


 


ปัญหาหลักๆ ที่เราคิดว่าจะต้องแก้ของบ้านเมืองเราคือการปฏิรูปสื่อ ถ้าสื่อไม่ให้การศึกษาชุมชนให้รู้เท่าทันกระบวนการทุนบริโภคข้ามชาติ มันก็คือ "ปัญหาการล้มละลายของความมั่นอกมั่นใจ" ของเราเอง เยาวชนไม่รู้จะไปภาคภูมิใจที่ไหน อยากจะเป็นเกาหลี อยากจะเป็นญี่ปุ่น คือไม่อยากเป็นไทยเลย นี่คือภูมิต้านทานทางวัฒนธรรมของเราอ่อนแอมาก เพราะฉะนั้นเราก็อยู่กันอย่าง "ภาวะไร้สติ" ซึ่งรุนแรงมาก


 


 


พรรคเองพูดบ่อยครั้งว่าไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อมุ่งลงเลือกตั้งอย่างนักเลือกตั้ง แต่ต้องการตั้งพรรคเพื่อรณรงค์กับสังคม พอจะขยายความเรื่องนี้ได้หรือไม่ ว่าตั้งพรรคแล้วไม่ลงเลือกตั้งแล้วจะทำอะไร


ในเบื้องต้นเราอยากให้เป็นพรรคเคลื่อนไหว หมายความว่า สมาชิกเป็นนักเคลื่อนไหว อย่างน้อยประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรค ถ้าเขาเห็นว่าอำนาจรัฐสร้างความเสียหายให้ชุมชนที่เขาอยู่ ประชาชนควรมีสิทธิต่อต้าน หรือเราอาจจะเรียกร้องให้ประชาชนติดอาวุธได้ ในแง่ที่ว่าเรามีเป็นหมื่นคน แต่เรามีผู้นำ แล้วเขาคิดจะฆ่าผู้นำของเรา อย่างกรณีบ่อนอก-บ้านกรูด ประชาชนควรมีสิทธิปกป้องตัวเอง แต่ไม่ได้ไปยิงนายทุนนะ แต่อย่าให้นายทุนมาจ้างมือปืนมายิงเรา เราก็จะยิงมัน เราน่ามีวิธีการป้องกันตัวเองได้บ้าง ไม่งั้นผู้นำของเราก็ถูกฆ่าตายซ้ำแล้วซ้ำเล่านะครับ


 


อย่างกรณีอุ้มหายของทนายสมชาย (นีละไพจิตร) หรือกรณีปัญหาภาคใต้เอง เราอยากให้สังคมมีความยุติธรรม เท่าเทียมกันในแง่ของการเยียวยารักษาผู้บริสุทธิ์ที่ถูกอุ้มฆ่า เขาต้องได้รับการเยี่ยวยาและความยุติธรรม


 


การถล่มกรือเซะเอย การจับหัวโจกตากใบไปกระทืบตาย โดยที่ทหารไม่มีความผิดเลย ฉะนั้นพอการลงโทษไม่มี ผมว่าก็ยากที่ภาคใต้จะสงบ ภาคใต้เราก็มีนโยบายว่าให้เป็นเขตปกครองพิเศษได้ไหมอย่างกรุงเทพ พัทยา หรือมีศาลแบบที่เขาเป็น ให้เขารู้สึกว่ามีความยุติธรรมเกิดขึ้น


 


เราอยากให้คนได้เห็นแนวคิดใหม่ ไม่ใช่ว่ามีแต่ขบวนนักเลือกตั้ง มีแต่คนแปลกหน้ามาติดโปสเตอร์ก่อนฤดูเลือกตั้ง 2-3 เดือน ประชาธิปไตยไม่มีแน่ประเทศไทย


 


ถ้าอยากให้ประชาธิปไตยเกิดขึ้นจริง ก็ต้องทำลายระบบโครงสร้างให้หมด ทำลายได้อย่างไร เราต้องจัดตั้งองค์กรภาคประชาชนให้เข้มแข็ง อย่างไรนั้น ก็ค่อยๆ ซึมไป อย่างที่องค์กรไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีโอลงไปทำงาน หรือองค์กรประชาชนที่เข้มแข็งแล้ว อย่างกรณีของบางปะกง ระยอง จะนะ บ้านกรูด บ่อนอก หรือแก่งเสือเต้น การต้านเหมืองโปแตส หรือปากมูน เรื่องหนี้สินชาวนา เรื่องปัญหาที่ดิน


 


แล้วบริบททางการเมือง ที่เราต้องเข้ามาเดินขบวน ต้องเข้ามาในเมือง และถูกหลอกกลับบ้านทุกครั้ง เพราะนักการเมืองไม่คิดแคร์ความทุกข์อยากของประชาชน นี่จึงเป็นต้นตอปัญหาที่ติดตามมามากมาย เป็นห่วงโซ่วงจรปัญหาของประเทศ


 


สิ่งที่พรรคศิลปินนำเสนอคือ เราควรมาจับต้องปัญหาที่แก่นของมันจริงๆ เช่น ปัญหาที่ดินถูกจำนอง การไล่ต้อนให้ประชาชนไปอยู่ในระบบหนี้สิน โดยไปหลอกลวงประชาชนให้ไปเลี้ยงปลา เลี้ยงหมู เลี้ยงกุ้ง แล้วอ้างนโยบายทำ GDP ส่งออกอาหารไปให้ประเทศโลกที่ 1 แล้วขณะเดียวกันเราเป็นหนี้ซีพี หนี้กลุ่มทุนใหญ่ ซึ่งทำคนล้มละลายไปมากมาย แผ่นดินเราเองก็ปล่อยให้ต่างชาติ อย่างกลุ่มสแกนดิเนเวียเขามาผลิตกระดาษ ให้จีนมาเช่า 100 ปีเพื่อมาผลิตกระดาษในภาคอีสาน ซึ่งจะทำลายวงจร ทำลายแผ่นดินเราย่อยยับ ความมั่งคั่งอยู่กับเขา แล้วคนไทยเป็นแค่ลูกจ้างดูแลต้นไม้ เป็นคนตัดต้นไม้ ผมว่ามันไม่ถูกต้อง เราต้องยกเลิกไปด้วย นี่ทำให้ชุมชนล่มสลาย ประชาชนไม่มีทางออกเลย


 


 


"หัวใจคือไม่ปกครอง" ของพรรคศิลปิน เป็นการกลับมาพูดเรื่องประชาชนต้องเรียนรู้จะนำตัวเอง


ใช่ครับ คือเราประชาชนไม่มีผู้นำหรือผู้ตาม จะมาหวังพึ่งผู้แทนที่จะมารับประกันว่าจะให้นู่นให้นี่มันหมดแล้ว มันไม่มีทางหรอก เพราะว่าเขายังเอาให้ตัวเองไม่พอเลย เขายังตระกรุมตระกราม ยังโกยไม่พอ ไม่พอเพียงเลย


 


สิ่งที่เกิดขึ้นคือคือเราจะพอเพียงได้อย่างไร ในเมื่อที่ดินมันไม่มี เราต้องมาเริ่มกันใหม่ ปฏิวัติการเกษตรน่ะ คือสารเคมีที่ผูกขาดโดยกลุ่มคนขายปุ๋ย ขายยา อาหารสัตว์ เราจะทำอย่างไร


 


ต้องมาเริ่มกันใหม่ว่าเราจะจัดการอย่างไร ให้ประชาชนมาคิดกันใหม่ว่าวิธีการผลิตที่ตอนนี้บ้าจี้หมดแล้ว ถ้าทักษิณอยู่คงไปปลูกสบู่ดำกันทั่ว มันสำปะหลังปลูกกันทำไม แก๊สโซฮอลล์จะจริงแค่ไหน ผมว่ากลุ่มที่ได้ผลประโยชน์คือ เจ้าของฉาง เจ้าของบริษัทมาม่าที่ทำแป้ง ขณะที่คนผลิตกระอักเลือด เรื่องไร่อ้อย ที่โรงหีบน้ำตาลผู้ผลิตได้ผลประโยชน์ แต่คนผลิตก็กระอักเลือด นี่เป็นสิ่งที่เราคิดว่ามันต้องปรับวิธีคิดกันใหม่เลย


 


 


พูดถึงกลุ่มทุนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์แล้ว ทีนี้พอมองรอบ 1 ปีที่ผ่านมาหลังการรัฐประหาร ซึ่งมีการพูดถึงกันมากเรื่อง "ทุนสงคราม" หมายถึงงบประมาณทางการทหารที่เพิ่มขึ้น มีการนำเข้าอาวุธมากขึ้น แต่เรื่องการศึกษา เรื่องอื่นๆ เขาก็ลดงบประมาณลง มองเรื่องนี้อย่างไร


ทหารสร้างความชั่วช้าให้กับแผ่นดินนี้ไว้มาก ตั้งแต่รัฐประหารกันมาเขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลยมันแย่ลงไปอีก ตอนแรกที่ประชาชนคิดคือคือมันหายใจเฮือกใหญ่ได้


 


แต่จริงๆ ผมว่าทหารไม่ต้องมายุ่มย่าม มาเสือกตอน 19 กันยาเลย เพราะจริงๆ แล้วมันน่าจะ... วันที่ 20 กันยายนเราชุมนุมใหญ่กันอยู่แล้ว ถ้าทักษิณมันเกณฑ์ทหารมาทำรัฐประหารก็ฆ่ากันใหญ่ ให้เลือดนองแผ่นดินแล้วแก้ปัญหาเองโดยประชาชน ให้ทหารอยู่ข้างประชาชนแล้วประชาชนช่วยกันจับไอ้ทักษิณมันก็สวยงามกว่า ไม่ใช่เอาคณะทหารมาจัดการแบบนี้


 


พอมาจัดการแบบนี้ แล้วพวกอมาตยาธิปไตย พวกกลุ่มทหารเองมันคิดว่าจะแก้ปัญหาประเทศนี้ได้ มันยุบพรรคเดียว ถ้ายุบสองพรรคแล้วเริ่มกันใหม่ มันคิดว่าไม่เห็นทางออกเลย แต่พอยุบพรรคเดียวมันคือปัญหา ผมก็ได้กลิ่นคาวเลือด คนมันจะฆ่ากันใหญ่แน่


 


แม้พรรคศิลปินจะมองว่าในความมืดมิดนี้เราก็ต้องมีทางใหม่ เพราะนอกจากนักการเมืองที่จะมาสังวาสกันอยู่ มันพอแล้วที่คุณๆ มาทำร้ายประเทศนี้ แล้วทหารก็เป็นหมารับใช้ของกลุ่มทุนเอง เป็นที่ปรึกษา ระบบแบบนี้เป็นระบบโครงสร้างของความชั่วร้ายของระบอบประชาธิปไตย ประชาชนที่ตายไป ก็เพราะพวกที่ปรึกษาแบบนี้แหละ เป็นหมารับใช้เท่านั้นเอง


 


ถ้าทหารรักชาติ ทหารก็ต้องลงมาปกป้องประชาชน เพราะว่าพลทหารทั้งหลายก็คือลูกคนยากคนจนทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ลูกคนยากคนจนถูกบงการโดยนายพลที่ชั่วช้า ก็สร้างปัญหาให้แผ่นดินเหมือนกัน


 


กลุ่มที่ชั่วช้าอย่างระบอบทักษิณเอง ก็ได้สร้างความเลวร้ายให้กับแผ่นดินของเราอย่างรุนแรงที่สุด มันทำให้คนพึ่งพิงและรอคอย เพราะเงินที่มาก็เป็นเงินที่หลอกชาวบ้านหลอกคนจนมาช่วยคนจนด้วยกัน ด้วยการออกหวยไม่ว่าจะใต้ดินหรือบนดินก็ตาม แล้วประชาชนก็หลงผิดคิดว่าเป็นรัฐบาลที่ดี นี่คือวิธีคิดที่ให้คนเป็นทาสนิรันดร


 


คนไทยนี้ตั้งแต่ 2475 มาถึงตอนนี้ ไม่มีการพัฒนาเป็นการเมืองขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะผ่าน 14 ตุลา การลุกฮือใหญ่ของประชาชน ผ่าน 6 ตุลา ถูกฆ่าตาย ผ่านพฤษภา มาจนถึง 19 กันยา ก่อนหน้า 19 กันยา ตั้งแต่ปี 2548 ต่อปี 2549 หนึ่งปีเต็ม ผมคิดว่าประชาชนได้มีการตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น แต่ประชาชนไม่มีการจัดตั้งจัดรูปองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น


 


องค์กรภาคประชาชนที่จัดตั้งเดิมกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเอ็นจีโอ กลุ่มต่อสู้กับปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากรัฐ ที่ไปรุกรานชุมชนก็เป็นการจัดตั้งที่ไม่ได้พุ่งไปสู่การแย่งชิงอำนาจรัฐ เขาต้องการขอร้องรัฐว่า "รัฐ...ขอร้องเถอะครับ อย่าทำความจัญไรให้มากไปกว่านี้เลย" ขอร้องไป รัฐก็หลอกลวงมาตลอด ให้ทุนเข้ามามีโอกาสกระทืบประชาชน หาประโยชน์จากประชาชนและทำลายแผ่นดินเรามาตลอด


 


พอกระบวนการหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนรัฐประหาร ประชาชนได้ฟังข่าวสารสื่ออย่าง ASTV ได้พยายามจะสร้างความรู้กับประชาชน แต่ว่าประชาชนก็มีหลากหลาย บางคนก้าวหน้าก็มีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็ฟังแล้วก็รู้สึกว่ารับไม่ได้กับกระแสการโกงกินของนักการเมือง แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดตั้งอะไรกันมา เพื่อให้มีความเข้มแข็งมากพอที่จะมาจัดการกับนักการเมืองที่จะมาเตรียมเขมือบประเทศไทยอีก เพราะว่าถ้าเกิดเราเลือกตั้งครั้งนี้ใหม่ เราก็เห็นว่าบรรดานักการเมืองที่แตกสลายเป็นพรรคต่างๆ เขาก็พร้อมที่จะผสมพันธุ์กันตลอดเวลา พอก่อนเลือกตั้งก็ผสมพันธุ์กัน


 


แต่มันจะอยู่อย่างไร ในเมื่อประชาชนไม่เอาแล้ว โนโหวตเป็นไง คิดว่าถ้าถึงที่สุดแล้ว ดีที่สุดคือไม่เลือกใครเลย เพราะเราไม่มีตัวเลือกแล้ว ถ้าอยู่ๆ มีคนแปลกหน้ามาติดโปสเตอร์บอกให้เลือกพรรคการเมืองที่ไม่เคยมีนโยบายอะไรเลย เอาเข้าจริงๆ นักการเมืองทั้งหมดเอานโยบายมาจับเขย่ากันน่ะ หั่นๆ เป็นชิ้นๆ ใส่แก้วเขย่า ออกมาเป็นลูกเต๋าโกงประชาชนกันหมด นี่คือกระบวนที่มันไม่เคยทำแบบที่มันพูดกันไว้เลย


 


 


พอพูดถึงวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ที่เลือกผู้แทนกันอย่างไรก็มีแต่คนไม่ดี ในทางกลับกันฝ่ายอำมาตย์เอง เขาก็เสนอรณรงค์ว่าให้คุณเลือกคนดีขึ้นมาสิ จะได้ไม่ต้องกลับมาในวงจรนี้อีก คุณวสันต์มองวิธีการรณรงค์แบบนี้อย่างไร


ปัญญาอ่อนที่สุดเลย ผมคิดว่ามันไม่มีทางที่จะมีคนดีเลย ผมไม่เห็นคนที่จะเสนอหน้ามาจะเป็นคนดีเลย เพราะจริงๆ แล้ว โครงสร้างที่ว่า 111 คนมันถูกห้ามไม่ให้ทำ แต่มันก็มีตัวแทน มันจะล้างบางยังไง


 


แล้วคราวนี้วิธีการที่จะล้างบาง ที่ผมคิดได้ง่ายมากคือ ให้ กกต.ออกกฎหมายว่า ให้ผู้สมัครไม่รู้ว่าอยู่เขตไหนไปเลย จับฉลากกันใหม่ ให้ไม่รู้ว่าอยู่เขตไหน ให้ซื้อเสียงกันไม่ถูกเลย! ระบบโครงสร้างนักการเมือง ระบบหัวคะแนนมันก็พังไปหมด ไม่รู้จะซื้อตรงไหน ชวนอาจจะมาอยู่เชียงใหม่ก็ได้ ยุทธตู้เย็นและพวกลูกน้องอาจจะไปอยู่จังหวัดไหนก็ไม่รู้  มันก็จะไม่ได้เลย ไอ้เหนาะไอ้เหนอะมันก็ไม่รู้อยู่ไหน จริงๆ มันต้องจำกัดสิทธิ์ เพราะคุณเป็นมาแล้วและมันพิสูจน์ชัดแล้วว่า 30 ปีที่คุณมาข่มขืนประเทศไทยน่ะ คุณรวยขึ้นน่ะ แต่ประชาชนชิบหาย ดังนั้นคุณไม่ต้องส่งตัวแทนเข้ามาอีกแล้ว ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้ามาก็แล้วแต่ นายพลเล่นลูกชายเข้ามาแทนอย่างนี้ ผมว่าแบบนี้มันหมดสมัยแล้ว


 


และการที่ทหารบางคนซื้ออาวุธเข้ามาก็ซื้อเข้ามาฆ่าประชาชนหรือเปล่า แนวโน้มข้างหน้านี้คือจะไปรบกับใครล่ะ? เรื่องอาวุธนี้มันเป็นเรื่องที่มีค่าคอมมิสชั่นทั้งหลายที่ทหารโกงกินกันอยู่อย่างนี้


 


จริงๆ มันต้องสร้างค่านิยมใหม่ให้สังคมไทยนะครับว่า ใครรวยก็ต้องเป็นคนเหี้ย ต้องพิสูจน์ทรัพย์กันก่อน ประชาชนคนสามัญเขาอยู่กันยังไงล่ะ เราทำมาหากินเกือบตายเงินเดือนแค่สี่ห้าพัน ประชาชนแปดสิบเปอร์เซ็นต์เงินเดือนไม่ถึงหมื่น ต้องทำงานโอทีถึงจะได้ประมาณหมื่นสองหมื่นสามน่ะ แล้วค่าเช่าบ้านเท่าไหร่ ค่าเลี้ยงลูก ลูกเข้าโรงเรียนต้องเรียนโรงเรียนอะไร ถ้าไม่มีเส้นเขาจะทำไง จบแล้วเขาจะมีงานอะไรบ้าง นี่คือหลักประกันในชีวิตที่ไม่มีแล้วในสังคมไทย


 


แต่ตอนนี้มีคนรวยไม่กี่ตระกูล ที่ร่ำรวยมั่งคั่งมหาศาล เพราะฉะนั้นระบบการจัดเก็บภาษีคนรวยมันก็ต้องจัดกันใหม่ เรียกว่าที่ดินมีมากเกินไปเรียกว่ามีหมื่นไร่แสนไร่ ต้องเลิก หรือระบบการกำนัลของขวัญให้นายพลมีมากมาย ซึ่งมันมีปัญหาต่อเนื่องมาจนถึงสมัยนายกฯ สุรยุทธ์ก็ไม่คลี่คลาย เพราะถ้าคลี่คลายนายพลทุกคนก็ต้องเอาคืนให้หมด ที่ดินน่ะ นี่คือโครงสร้างปัญหา โครงสร้างของอำนาจอย่างนี้มันขัดต่อระบอบประชาธิปไตยแน่นอนครับ


 


 


ถามมุมมองเรื่องวัฒนธรรม คือไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นรัฐบาล มันก็ยังมีเรื่องของการเซ็นเซอร์การห้ามพูดเรื่อง มีคนคอยบอกว่า ไม่เหมาะสมนะ โป๊ไปนะ อะไรแบบนี้ครับ มองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง


มันเป็นกฎหมายที่เก่าแก่มาก ปี 2473 แล้วมั้ง (พระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ.2473) คือมันก็ไม่ทันยุคสารสนเทศใหม่แล้ว อย่างโลกไซเบอร์บ้านเราก็เสรีภาพสุดขั้วแบบไร้สติมาก เพราะฉะนั้นกระบวนการแบบหัวโบราณที่จะมาจัดการในเรื่องการเซ็นเซอร์ มันไม่ตรงประเด็น


 


จริงๆ แล้วถ้าเราบอกว่าวัฒนธรรมเราอ่อนแอ การทำหนังของเราทำไมมันไม่อาจเป็นเหมือนแบบเกาหลี-ญี่ปุ่นได้ ตอนนี้จีนก็กำลังก้าวหน้ามาก เขาคิดว่า ศิลปวัฒนธรรมมันเป็นการที่จะฉายภาพ ความเป็นอยู่ของชุมชน วัฒนธรรมชุมชน ฉะนั้นวัฒนธรรมชุมชนของเรามันไม่ได้เผยแพร่ออกมาอย่างจริงจัง มีแต่ที่พูดผิวเผินหรือมีแต่พูดเรื่องแย่งผัวแย่งเมียกัน


 


หรือจริงๆ แล้ว ละครหลังข่าว มันเอ็กซ์ยิ่งกว่าหนังก้าวหน้าของผู้กำกับหนังไทยอีกนะ คือมีฉากจูบกันในทีวีเท่านั้น แต่ไม่ได้ลบมิติปมปัญหาของครอบครัว เรื่องความแตกร้าวของชุมชน เขาไม่ได้สะท้อนออกมา เพราะฉะนั้นเรื่องการวิจารณ์พระก็ตาม การวิจารณ์วงการศาสนาก็ตาม หรือวิจารณ์วงการทหารตำรวจก็ตาม บ้านเรายังมีข้อห้ามมากมาย


 


เราไม่สามารถสร้างหนังเรื่องเพชรซาอุได้ เราไม่สามารถสร้างหนังเรื่องจอมพลสฤษดิ์ได้ หรือว่าสร้างหนังเรื่อง จอมพล ป. ได้ เพราะว่าลูกหลานเขายังอยู่ เพราะว่านี้คือโครงสร้างของอิทธิพลอำนาจ การที่จะปกปิด สังคมที่มีการปกปิดมันก็จะเน่าเหม็นอยู่แล้ว มันไม่มีทางที่จะผ่าตัดให้มันพ้นไปจากความชั่วร้ายของอำนาจได้เลย


 


ผมว่านี่คือสิ่งที่หนักหนาสาหัส แม้ว่าเครือข่ายศิลปินฯ ทีแรกจะนำเสนอเรื่องกฏหมายกองทุนศิลปินเพื่อสนับสนุนให้งานศิลปวัฒนธรรมได้คลี่คลาย ก็ต้องไปเจอกับกลุ่มเซ็นเซอร์ของกลุ่มหัวโบราณหัวเก่าอีก


 


กลุ่มหัวเก่า ก็จะคิดแต่เรื่องศาสนาประจำชาติ ซึ่งขณะเดียวกันก็ไม่ได้มองตัวเองเลยว่า ถ้าเรามีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วทำไมนักการเมือง ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ มันถึงฉ้อฉลขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ มีคนนับถือ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์  เป็นเมืองพุทธแบบไหนล่ะที่เป็นแบบนี้ ที่อยู่ในความละโมบ ตะกละ ฉ้อฉล บัดซบมากที่สุด มั่วเซ็กส์มากที่สุด  แล้วเยาวชนมีแบบอย่างไหนให้เลียนแบบ ก็ไม่มีอีกแล้ว เยาวชนต้องไปเต้นกระเด้าลม เพื่อจะเป็นดารา หรือเอเอฟ หรือรายการต่างๆ ซึ่งมีมาเพื่อให้เลียนแบบเท่านั้นเอง ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ไม่เคยถูกทำให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้


 


ฉะนั้นมันมีสิ่งที่เราต้องต่อสู้กันมาก แล้วเราก็ยังต้องต่อสู้อีกมาก


 


 


ข้อมูลเพิ่มเติม


วสันต์ สิทธิเขตต์, วิกิพีเดีย, http://th.wikipedia.org/wiki/วสันต์_สิทธิเขตต์


พรรคศิลปิน, วิกิพีเดีย, http://th.wikipedia.org/wiki/พรรคศิลปิน


ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่ ณ วันที่ 10 ต.ค. 2550, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง


เว็บไซต์พรรคศิลปิน http://www.artistparty.org

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net