Skip to main content
sharethis





แถลงการณ์ เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ฉบับที่ 26


 


"ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาประทับแรม ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลศิริราช ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2550 เพื่อทรงรักษาพระอาการพระวรกายด้านขวาอ่อนแรง เนื่องจากภาวะขาดพระโลหิตไปเลี้ยงพระสมองด้านซ้ายชั่วคราว และเพื่อทรงรักษาพระอาการเจ็บบั้นพระองค์ด้านขวา ซึ่งเกิดจากติ่งถุงเนื้อเยื่อของพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) อับเสบ ซึ่งสำนักพระราชวังได้แถลงการณ์ให้ทราบมาโดยตลอดแล้วนั้น


 


บัดนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาได้รายงานว่า การถวายการรักษาด้วยพระโอสถและการที่ทรงบริหารพระวรกาย ทำให้พระวรกายด้านขวาที่อ่อนแรงมีพระกำลังแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับจนพระดำเนินโดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วยพยุงได้ในระยะสั้น ๆ อาการอักเสบของพระอันตะหายเป็นปรกติ สามารถที่จะเสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราชกลับไปประทับที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ได้ในวันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550 ในการนี้ คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานให้ทรงบริหารพระวรกายต่อไปอีกสักระยะหนึ่งจนกว่าพระกล้ามเนื้อจะแข็งแรงเต็มที่


 


อนึ่ง ในระหว่างที่ทรงพระประชวรปรากฏว่ามีพระบรมวงศานุวงศ์ พระประมุข พระราชวงศ์ต่างประเทศ คณะทูตานุทูต และผู้แทนฝ่ายกงสุล ชาวต่างประเทศ ทั้งที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ทั้งที่เดินทางมาท่องเที่ยว นักบวชศาสนาต่าง ๆ ตลอดจนข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้แสดงความห่วงใยในพระอาการประชวร ได้ลงพระนาม และลงนามถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว รวมทั้งได้เฝ้าติดตามข่าวพระอาการประชวรอยู่ ณ โรงพยาบาลศิริราชอย่างใกล้ชิด ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงชื่นชมในความปรารถนาดี ทำให้พระอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระราชกระแสขอบพระทัย และทรงขอบใจมาแจ้งให้ทราบทั่วกัน


 


สำนักพระราชวังจะได้ยุติการออกแถลงการณ์เพียงฉบับนี้


จึงขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน


สำนักพระราชวัง


6 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2550"


 


 


 






การเมือง


 


"มาร์ค" เชื่อใจพันธมิตร "เติ้ง" เมินข่าวดอดบินหารือ "แม้ว"


ผู้จัดการออนไลน์ - วานนี้ (6 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการนัดรับประทาน อาหารร่วมกับพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมในเย็นวันนี้ว่า ในวันนี้ (7 พ.ย.) จะมีการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สัดส่วนแล้ว ก็คงเป็นการพูดคุยกันในฐานะที่ทำงานด้วย กันมาต่อเนื่องยาวนานมาพอสมควร และยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องถามถึงท่าทีของนายบรรหาร ว่าจะอยู่ขั้วการเมืองไหนตามข้อเสนอของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย เพราะตนคิดว่าทำงานด้วยกันมาตลอดและแนวทางต่างๆ ก็ไม่ได้มีความเห็นแตกต่างกัน ดังนั้นก็จะทำงานด้วยกันต่อไป ซึ่งไม่ได้รู้สึกหวั่น ไหวกับข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงกรณีที่นายบรรหารเดินทางไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะนายบรรหารได้ชี้แจงแล้วว่าไปทำอะไร


 


"เห็นท่านชี้แจงแล้วว่าไปทำอะไร และตอนนี้ผมถือว่าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ถ้าเรามานั่งหวั่นไหวอยู่กับข่าวคราวทุกวันๆ ก็ไม่ต้องทำอะไร ที่จริงแล้วเรื่องสำคัญกว่าก็คือเรื่องปัญหาของบ้านเมือง ปัญหาของประชาชน เพราะฉะนั้น ถ้ามากังวลอยู่กับตัวเลขภายใน เรื่องระหว่างพรรค ผมว่าคงไม่ใช่ ผมว่าหน้าที่ของพรรคการเมืองต้องคิดถึงปัญหาของส่วนรวมให้มาก ส่วนกระบวนการเลือกตั้งก็ว่ากันไปตามปกติ ถ้าเราหวั่นไหวเป็นรายวัน สัปดาห์หน้าคงมีข่าวอื่นอีก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


 


สำหรับการจัดผู้สมัคร ส.ส.ระบบสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าผู้สมัครของพรรคทุกเขตเลือกตั้งกลุ่มจังหวัดเป็นบุคคลซึ่งจะทำหน้าที่เป็น ส.ส.ได้ดี และเป็นบุคคลซึ่งมีความผูกพันอยู่กับกลุ่มจังหวัดนั้นๆ ขณะที่บุคลากรของพรรคยังมีอีกส่วนหนึ่งที่จะมาทำงานด้านนโยบายกับตนโดยตรง ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นทีมงานขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจ และด้านต่างๆ ที่จะเปิดเผยหลังจากที่สมัครรับเลือกตั้งแล้ว ทั้งนี้พรรคยังตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.สัดส่วนเพิ่มมากขึ้น


 


นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีว่าที่ผู้สมัครบางส่วนไม่ได้ลงสมัครอาจจะน้อยใจว่า คนผิดหวังสมหวังต้องมีเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่โดยรวมก็เรียบร้อยดี ส่วน นพ.วัลลภ ไทยเหนือ อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคที่จะไปอยู่กับพรรคเพื่อแผ่นดินนั้น นพ.วัลลภได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ตนทราบ แต่ก่อนหน้านี้เคยคุยกับ นพ.วัลลภ แต่หลังจากนั้น นพ.วัลลภไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรางสาธารณสุข จึงไม่ค่อยได้คุยอนาคตทางการเมืองกัน


 


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ปัญหาของประเทศหนักหนาสาหัสพอสมควรและประชาชนคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ประชาชนเผชิญอยู่ ซึ่งตนคิดว่าพรรคจะต้องมีความ พร้อมในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นมากกว่า แต่ตนไม่ได้คิดในแง่ส่วนตัวหรือในแง่ของพรรค การเมืองเท่ากับงานที่ท้าทายทุกพรรคการเมืองอยู่ข้างหน้า ทั้งนี้ไม่รู้สึกกดดันว่าจะต้องทำให้ดีกับอดีต แต่จะทำให้ดีที่สุด เพราะโดยสภาพของพรรคที่มีความเป็นสถาบันอยู่แล้ว และตนอยู่ในการเมืองมา 15-16 ปี ก็พร้อมที่จะทำงานตรงนี้


 


เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผลอะไรกับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไปไกลมาก เพราะยังไม่ทราบว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องฟังเสียงของประชาชนอยู่แล้ว


 


"หมัก" ลั่น! เป็น หน.พปช.ตัวจริง ฝันเป็นนายกฯ คนใหม่


ผู้จัดการออนไลน์ - ด้านนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี หากพรรคพลังประชาชนได้รับเสียงมากเพียงพอ ทั้งที่ไม่อยากทำเช่นนั้น นอกจากนี้ นายสมัคร ระบุด้วยว่า ไม่ต้องการถูกมองว่าตัวเขาไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัวจริง


 


 






เศรษฐกิจ


 


น้ำมันตลาดสิงคโปร์ราคาพุ่งเฉียด 100 เหรียญ ด้าน ปตท.เล็งขยับขึ้นตาม


ผู้จัดการออนไลน์ - นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวเมื่อวานนี้ (6 พ.ย.) ว่า  ราคาน้ำมันเบนซินที่ตลาดสิงคโปร์วันนี้อยู่ที่ระดับ 99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล น้ำมันดีเซลปรับขึ้นไปที่ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้ค่าการตลาดยังติดลบอยู่ 50 สตางค์ต่อลิตร และผู้ค้ายังต้องแบกภาระราคาน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซินลิตรละ 1.50 - 2 บาท หากสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังปรับสูงอีกในช่วง 1 - 2 วัน ปตท.จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศอีกครั้ง


 


ข้าวไทยส่งออกทะลุเป้า


เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ - นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยวานนี้ (6 พ.ย.) ว่าภาวะส่งออกข้าวไทยในปีนี้ คาดว่าจะสามารถส่งออกได้สูงถึง 9 ล้านตันเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8.5 ล้านตัน เพราะมีคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศ ที่เข้ามาจำนวนมาก และการส่งออกเดือนต.ค. ปี 2550 ไทยสามารถส่งออกข้าวรายเดือนได้สูงสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2547 โดยส่งออกได้ปริมาณ 1.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาถึง 2.5 แสนตัน ส่งผลให้ 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.) 2550 ไทยส่งออกข้าวได้แล้ว 7.27 ล้านตัน มูลค่า 9.36 หมื่นล้านบาท


 


นางอภิรดี กล่าวต่อว่า แนวโน้มการส่งออกข้าวในปีหน้า มีทิศทางดีเช่นกัน แม้ว่าอินเดียจะกลับมาส่งออกข้าว แต่ได้มีการกำหนดราคาเพดานส่งออก ทำให้ข้าวอินเดียสูงกว่าข้าวไทยถึง 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ดังนั้น น่าจะเป็นโอกาสของไทย อีกทั้งเวียดนามก็ยังไม่มีทีท่าว่าข้าวจะเพียงพอต่อการบริโภค จึงถือว่าเป็นปีทองของการส่งออกข้าวไทย


 


 






คุณภาพชีวิต


 


"อานันท์" ติงธุรกิจรณรงค์แก้โลกร้อนหวังผลการตลาด แนะรัฐลงทุนขนส่งทางน้ำ-รถไฟรางคู่


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/ไอ.เอ็น.เอ็น. - วานนี้ (6 พ.ย.) นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลลูกโลกสีเขียว กล่าวภายหลังมอบรางวัลลูกโลกเขียว ครั้งที่ 9 ประจำปี 2550 ภายใต้หัวข้อ "วิถีพอเพียง แบ่งปัน ผูกพัน คน น้ำ ป่า" ว่า ปัจจุบันแม้ว่าสังคมจะรับรู้เรื่องของสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนที่ทั่วโลกกำลังตื่นตัว แต่สิ่งที่เห็นและบางคนกำลังปฏิบัติอยู่กลับไม่ใช่การช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์ตัวเอง เป็น กลยุทธ์ทางการตลาดที่นำมาใช้ในช่วงที่โลกกำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สามารถเป็นจริงได้


 


ดังนั้นสิ่งที่จะต้องย้ำเตือนและให้ความสำคัญมาก กว่าการจัดกิจกรรมแบบชั่วครั้งชั่วคราว ก็คือการสร้างจิตสำนึกให้เกิดขึ้นในทุกส่วนของสังคม ทั้งรัฐ เอกชน และประชาชน เพราะทุกคน มีส่วนที่จะช่วยสภาพแวดล้อมของประเทศ รวมไปถึงทั้งโลกให้ดีขึ้น


 


"ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรมเพื่อบอกว่าจะช่วยโลกร้อน แต่มันก็คือการทำเพื่อขายสินค้าสร้างภาพให้กับบริษัทหรือองค์กรของตัวเอง ซึ่งถ้ามองถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องตอบคำถามว่า ได้ทำเพื่อสังคมจริงหรือไม่ นั่นคือจะต้องทำเพื่อไม่หวังผลประโยชน์ ไม่มุ่งต่อการสร้างภาพลักษณ์ให้ กับตัวเอง แต่จะต้องทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง" นายอานันท์กล่าว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าการจัดงานโลกสีเขียวเป็นปีที่ 9 คิดว่าส่งผลให้สิงแวดล้อมดีขึ้นอย่างไรบ้างนายอานันท์ กล่าวว่า อยากให้บริษัทใหญ่ๆ มีจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าการขายสินค้า ซึ่งก่อน หน้านี้มีความเป็นห่วงว่าพนักงานจะมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมตามที่ต้องการหรือไม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นชัดขึ้นว่า ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ตนคิดว่า คนต่างจังหวัดมี ความรู้และตระหนักถึงเรื่องนี้มากกว่าคนในกรุงเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับปัญหา มลพิษ ที่เกิดขึ้นในชุมชนของตัวเอง ในขณะที่คนกรุงเทพฯ กลับชินชากับเรื่องนี้ และไม่รู้สึกว่าจะมีผล กระทบอะไรกับตัวเอง โดยเฉพาะอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทุกๆ วัน


 


อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลในแต่ละชุดที่ ผ่านมายังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะเป็น ปัญหาใหญ่ในอนาคต มีการพูดถึงแต่กลับไม่ให้ความสำคัญ ทำให้ไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้ปัญหาโลก ร้อนไม่ได้เป็นความเดือดร้อนของประเทศไทยเท่านั้น แต่จะส่งผลถึงกันหมดทั่วภูมิภาค และทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะแค่รัฐบาลเท่านั้นที่จะต้องแก้ปัญหา แต่ประชาชนเองก็จะต้องตระหนักและ คำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน


 


ผู้สื่อข่าวถามว่าอะไรคือจุดอ่อนของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม นายอานันท์ กล่าวว่า จุดอ่อนคือการต้องการสร้างกระแส และหาผลประโยชน์ทางการตลาด ไม่ได้มีการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นรัฐบาลและบริษัทใหญ่ๆ ควรจะเป็นผู้นำในการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักในเรื่องนี้อย่าง จริงจัง โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ อย่าคิดเพียงแต่การขายสินค้า แต่ควรตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อ สังคม


 


นายอานันท์ ยังกล่าวอีกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นขณะนี้ภาครัฐควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดเพื่อให้ประชาชนรู้จักการใช้พลังงานอย่างประหยัดเนื่องจาก 3 - 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายที่ส่งเสริมให้คนมีบ้านมีรถอย่างง่ายดายจนทำให้เกิดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่คำนึงถึงความสมดุลของทรัพยากรที่มีอยู่ดังนั้นจึงอยากเห็นรัฐบาลใหม่มีนโยบายที่มีการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้มากที่สุดและส่งเสริมการลงทุนระบบขนส่งมวลชนทางน้ำและรถไฟรางคู่ขนานให้เข้าถึงประชาชนในชนบทโดยเชื่อว่าถ้ามีการบริหารจัดการการรถไฟที่ดีจะไม่ทำให้ขาดทุนอย่างแน่นอ


 


นอกจากนี้ต้องการเห็นรัฐบาลมีนโยนบายด้านการส่งเสริมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและดำเนินการอย่างจริงจังเพราะที่ผ่านมาไม่แน่ใจว่ารัฐบาลมีนโยบายในด้านนี้อย่างจริงจังหรือไม่


 


ด้านนายอินทร ใจระวัง ตัวแทนเครือข่ายป่าชุมชนลุ่มน้ำแม่ปิง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กล่าวในงานเดียวกันนี้ว่า สัญญาณอันตรายจากยอดดอย ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อนข้างมั่นใจว่ามาจากคน โดยเฉพาะหมอกควันจากไฟป่า ปัญหาการหายไปของพืชพันธุ์หลายชนิดที่ถูกคุกคามจากการท่องเที่ยวบนดอยเชียงดาว โดยเฉพาะเอื้องศรีเชียงดาว ต้นศรีกันทรา ต้นค้อเชียงดาว ต้นเทียนนกแก้วที่มีความเสี่ยงมาก


 


นอกจากนี้ยังมีการขยายพื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะไร่ส้มบนดอยเชียงดาวที่กินพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ และการปลูกยางพารากว่า 2,000 ไร่ ซึ่งมีการศึกษาว่าการปลูกพืชเชิงเดี่ยวจะทำให้เกิดการพัง ทลายของหน้าดินอย่างรุนแรง เฉลี่ย 1 ไร่ พื้นดินพัง 1 กม. ทำให้แม่น้ำปิงตื้นเขิน และเป็นสาเหตุของ น้ำท่วม และกระทบระบบนิเวศน์


 


4 หอการค้าเหนือตอนล่างรวมพลังร้องขอรถไฟรางคู่


เว็บไซต์สยามธุรกิจ - 4 ประธานหอการค้าภาคเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย อุทัยธานี พิจิตร นครสวรรค์ และกำแพงเพชร ประกาศจับมือร่วมกันในการฟื้นและพัฒนาเศรษฐกิจใน 4 จังหวัด ทั้งร่วมกันเรียกร้องขอรถไฟรางคู่ ร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่ม ไม่หวังพึ่งรัฐบาลอย่างเดียว


 


ในการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดที่ 3 ภาคเหนือตอนล่างที่จังหวัดพิจิตรอันประกอบด้วย หอการค้าจ.อุทัยธานี พิจิตร นครสวรรค์ และกำแพงเพชร  ซึ่งมีนายยุทธนา กาญจนวงศ์ชัย เป็นประธานนั้น  นายสุธนต์ เทียนเฮง ประธานหอการค้าจังหวัดพิจิตร กล่าวในที่ประชุมว่า  ทั้ง 4 จังหวัดจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน  แทนที่จะแย่งกัน แข่งขันกัน เตะตัดขากันเหมือนสมัยก่อน ซึ่งทำทุกฝ่ายไม่ได้ประโยชน์  ทั้ง 4 จังหวัด หากสามารถใช้ความสามารถที่มีอยู่ร่วมพลังกัน จะก่อให้เกิดศักยภาพในทางเศรษฐกิจมากกว่า


 


อย่างไรก็ตาม ในการร่วมมือกันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีแผนงานในแต่ละช่วงเวลาของการเดินไป เราต้องรู้ว่า ตอนนี้ เราจะทำอะไร จะผลิตอะไร จะเอาคลองก็เอาคลอง จะเอาถนนก็เอาถนน  เราควรจะกำหนดเป้าหมายของเราขึ้นมาสัก 3-4 อย่าง  ความร่วมมือกันที่ว่าจึงจะประสบผลสำเร็จ มิเช่นนั้น ต่างคนต่างทำก็จะไม่ได้อะไรเลย


 


พร้อมกับยกตัวอย่างถึง โครงการรถไฟรางคู่  ซึ่งตามแผนเดิมของรัฐบาลนั้น  รัฐบาลจะสร้างให้วิ่งมาถึง จ.นครสวรรค์  ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้ง 4 จังหวัด หากทั้ง 4 หอการค้าร่วมกันผลักดัน ผนึกกำลังเรียกร้องต่อรัฐบาล  ก็น่าจะเป็นไปได้  เนื่องจากได้ยินข่าวมาว่า ตอนนี้รัฐบาลจะทำมาถึงลพบุรีเท่านั้น


 


นายวิรัช ตั้งประดิษฐ์  ประธานหอการค้าจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวสนับสนุนว่า อยากให้หอการค้าทั้ง 4 แห่งร่วมกันผลักดันในเรื่องรถไฟรางคู่นี้กับรัฐบาล  เพราะว่าหากมีการสร้างรถไฟรางคู่ตามแผนงามเดิมของรัฐบาล จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายทางด้านการขนส่งสินค้าของทั้ง 4 จังหวัดลงเป็นอย่างมาก


 


รวมทั้งอยากให้หอการค้าไทยเรียกร้องไปถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยว่า หัวรถไฟของการรถไฟฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น เล็กเกินไป  ลองคิดดูก็แล้วกันว่า ขณะนี้ จ.นครสวรรค์มีรถพ่วงอยู่เป็นจำนวนถึงเกือบหมื่นเครื่อง ในปัจจุบัน  ซึ่งสะท้อนภาพให้เห็นชัดถึงความจำเป็นของการขนส่งในการดำเนินธุรกิจที่เป็นอยู่อย่างชัดเจน


 


ประการสำคัญก็คือ  หากการรถไฟฯยังไม่ปรับปรุงปัญหาความล้าสมัยของหัวรถจักร  จะเกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นบ่อยที่หัวรถจักรที่ลากตู้สินค้าไปแล้วเกิดเสีย ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้  ทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันตามความต้องการ  ก่อนหน้านี้ ภาคเอกชนถึงกับเคยเสนอตัวเข้าไปขอซ่อมและให้งบในการซ่อมหัวรถจักรเอง เพาะรอความล่าช้าไม่ไหว  แต่ตามกฏระเบียบของการรถไฟฯ ก็ไม่สามารถทำได้อีก  จึงอยากนำเสนอปัญหานี้ให้ร่วมกันผลักดันให้รัฐบาลลงมาแก้ไขปัญหา


 


อย่างไรก็ตาม  ยอมรับว่า โครงการรถไฟรางคู่นั้น พูดกันมานาน  แต่ไม่เคยเห็นเป็นจริงเป็นจังเลย "ปีนี้ ผมอายุ 58 แล้ว ชีวิตนี้จะได้เห็นหรือไม่ ยังไม่รู้เลย" นายวิรัช ตั้งประดิษฐ์ กล่าว


 


พร้อมทั้งกล่าวด้วยว่า  ทั้ง 4 หอการค้าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันผลักดัน เรื่อง การท่องเที่ยว เนื่องจากทั้ง 4 จังหวัดต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย  ที่ประชาชนคนไทยยังไม่รู้ และเราควรที่จะผูกกันแพกเกจ เกาะรวมกัน ให้ทัวร์มาเที่ยวทั้ง 4 จังหวัด มาเที่ยวกำแพงเพชร อุทัยธานี ไปกราบไหว้หลวงพ่อเพชรที่พิจิตร แล้วไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่บึงบอระเพ็ด ค้างคืนที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งหากเราร่วมกันทำ จะเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีมากๆ  ประเด็นนี้ เราจะต้องร่วมคุยกันอย่างจริงๆ  เราต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อให้มีการประสานงานไปยังกลุ่มบริษัททัวร์


 


ในที่ประชุม ยังกล่าวถึงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณการส่งเสริมการท่องเที่ยว  จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  อีกทางหนึ่ง  ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นไปได้  เนื่องจากในพื้นที่แถบนี้ไม่มีสำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งอยู่เลย  สำนักงานการท่องเที่ยวของททท.ที่ดูแลพื้นที่เขตนี้  ไปตั้งอยู่ถึง จ.ตาก  ดังนั้น  คาดว่ายากจะเป็นไปได้ ดังนั้น จึงคาดว่า ทั้ง 4 จังหวัด จะต้องพยายามช่วยกันเอง  ไม่รอการหวังพึ่งรัฐบาล  เนื่องจากหากดูการให้ความสนใจของททท.แล้วทั้ง 4 จังหวัด เป็นดั่งเหมือนลูกเมียน้อย


 


วัยรุ่นดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์มักตกอยู่ในอันตราย 2 เท่า


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ผลการศึกษาเตือนว่า วัยรุ่นที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์มักตกอยู่ในอันตราย 2 เท่าของวัยรุ่นที่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ธรรมดา โดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวคฟอเรสต์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา ของสหรัฐ สอบถามนักศึกษา 4,271 คน เกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มสุรา พบว่านักศึกษาที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์มักบาดเจ็บ ต้องรับการบำบัดทางการแพทย์ หรือมีปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ 2 เท่าของนักศึกษาที่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ธรรมดา เพราะเครื่องดื่มชูกำลังไปบดบังความเมาจากฤทธิ์สุรา เครื่องดื่มชูกำลังโดยทั่วไปมักมีกาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่น ๆ ในปริมาณสูงซึ่งขณะนี้วัยรุ่นนิยมนำไปดื่มผสมกับแอลกอฮอล์โดยเฉพาะอย่างยิ่งวอดก้า


 


สำหรับคำตอบที่ได้จากแบบสอบถามทางเว็บไซต์พบว่า 1 ใน 4 ของนักศึกษาที่เมาในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์ นักศึกษากลุ่มนี้ยังดื่มมากกว่านักศึกษากลุ่มอื่นราวร้อยละ 36 ในการดื่มตามปกติ และเมาทุกสัปดาห์เป็น 2 เท่าของกลุ่มอื่น นักวิจัยเตือนว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมแอลกอฮอล์ไม่รู้ตัวว่าเมา เสียทักษะในการขับขี่ การมองเห็น และการตัดสินใจ เพราะร่างกายกำลังดูดซึมสารกระตุ้น ช่วยให้อาการเมาลดลง แต่ความเมายังคงอยู่ เป็นเหตุให้บาดเจ็บหรือกระทำผิดมากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มชูกำลังก็มีสารกระตุ้นที่ทำให้คนมีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เมื่อดื่มผสมกับแอลกอฮอล์จึงเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น


 


 






ต่างประเทศ


 


ปิโตรไชน่าแซงเอ็กซอนขึ้นที่ 1


โลกวันนี้ - บริษัทปิโตร ไชน่า ธุรกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของจีน ก้าวขึ้นเป็นบริษัทใหญ่ของโลกแทนที่เอ็กซอน โมบิล ไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากปิโตร ไชน่า มีมูลค่าหุ้นตามราคาตลาดสูงสุด หลังจากเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เมื่อวันจันทร์เป็นวันแรก (5 พ.ย.)


 


หุ้นปิโตร ไชน่า ปรับตัวขึ้นสามเท่าหลังจากเทรดเป็นหุ้นเอของตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และมีราคาเปิดตลาดการซื้อขายหุ้นวันแรก 48.60 หยวนต่อหุ้น เทียบกับราคาเปิดจองซื้อขายอยู่ที่ 16.70 หยวน ซึ่งการนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ทางปิโตร ไชน่า คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้มากกว่า 66,800 ล้านหยวน หรือ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการขายหุ้นในตลาด 4,000 ล้านหุ้น


 


การซื้อขายหุ้นในวันแรกทำให้มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดของปิโตร ไชน่า สูงขึ้นถึง 1,100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหุ้นสูงสุดของโลก แทนที่อันดับหนึ่งคือหุ้นของบริษัทเอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันใหญ่ของสหรัฐ ที่มีมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 488,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ


 


หุ้นของปิโตร ไชน่า มีมูลค่าการเปิดเทรดวันแรกสูงสุดในตลาดเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่หุ้นของบริษัทเฉินหัว เอนเนอยี เข้าเทรดในตลาดวันแรกมีการระดมเงินทุนได้ 2,700,000 ล้านหยวน นับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา ทั้งนี้ นักวิเคราะห์การซื้อขายหุ้นเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของปิโตร ไชน่า ซึ่งมีการลงทุนในแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของโลก เป็นแรงจูงใจทำให้นักลงทุนสนใจซื้อหุ้นปิโตร ไชน่า


 


นอกจากนี้การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ที่ระดับ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล คาดว่าจะทำให้บริษัทมีกำไรสูง ซึ่งนักวิเคราะห์จากบริษัทโบรกเกอร์ในจีนคาดว่าปีนี้ปิโตร ไชน่า จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 20% ผลกำไรที่สูงขึ้นมีส่วนกระตุ้นทำให้นักลงทุนสนใจซื้อขายหุ้นบริษัทน้ำมัน ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ปิโตร ไชน่า ได้นำหุ้นจดทะเบียนเทรดในตลาดต่างประเทศคือที่ฮ่องกงและนิวยอร์กเมื่อเดือนเมษายนปี 2000


 


ในบรรดาบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของจีน มีบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 บริษัทคือ ปิโตร ไชน่า, ซิโนเปค และ CNOOC ซึ่งทั้งสามแห่งมีสัดส่วนในการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ 90% ที่ใช้ในประเทศจีน


 


เวียดนามอ่วมเจอพายุถล่มเสียชีวิตกว่า 33 ราย 


มติชนออนไลน์ - เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน รายงานระบุว่า ภาวะน้ำท่วมจากพายุลูกใหม่ที่กำลังเคลื่อนตัวพัดถล่มเวียดนามบริเวณทางตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 33 ราย และสูญหาย 1 ราย แรงพายุทำให้สายโทรศัพท์ในหลายชุมชนถูกตัดขาด ส่งผลให้บ้านเรือนกว่า 300 หลัง พังเสียหาย นอกจากนี้เมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกของประเทศก็ถูกพายุไปด้วยเช่นกัน 


 


ทั้งนี้ ทางการเวียดนามกำลังวิตกว่าจะต้องเผชิญกัยพายุโซนร้อน 'เพผ่า' ที่คาดว่าจะเข้าประเทศในวันศุกร์ (9 พ.ย.) หลังจากเคลื่อนผ่านฟิลิปปินส์มาแล้ว และทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน เมื่อวันที่ (5 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยพายุดังกล่าวได้เคลื่อนมาถึงทะเลจีนใต้แล้ว นับเป็นภัยน้ำท่วมครั้งล่าสุดของเวียดนาม หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วพายุเลกิมาได้ถล่มเวียดนาม และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 88 คน


 


อนึ่ง พายุโซนร้อน 'เพผ่า' (PEIPAH) ประเทศผู้ตั้งชื่อพายุคือ มาเก๊า เป็นชื่อเรียกปลาสวยงามชนิดหนึ่ง ความเร็วใกล้ศูนย์กลาง 111 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน 2550


 


หมีขาวเสนอขายยานโซยุซให้มาเลย์


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายจามาลุดิน จาร์จิส รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมาเลเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียได้เสนอขายยานอวกาศ โซยุซ ทีเอ็มเอ-11 ให้กับมาเลเซีย โดยยานลำนี้เพิ่งส่งชีค มุสซาฟาร์ ชูคอร์ นักบินอวกาศคนแรกของมาเลเซียไปยังสถานีอวกาศนานาชาติเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม


 


นายจาร์จิส กล่าวว่า ข้อเสนอนี้เป็นแนวคิดที่ดี และหากราคาเหมาะสมก็จะซื้อไว้ ยิ่งกว่านั้นมุสซาฟาร์ได้เดินทางสู่อวกาศด้วยยานลำนี้ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ และเขาจะนำเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งการตัดสินใจซื้อจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วย


 


ขณะที่ชีค มุสซาฟาร์ บอกว่า หากมีการตกลงซื้อได้สำเร็จ ชาวมาเลเซียทั้งประเทศจะได้มีโอกาสเห็นยานอวกาศของจริงด้วยตาตัวเอง และเข้าใจมากขึ้นถึงภารกิจในอวกาศของเขา นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆก็จะได้ข้อมูลที่มีค่าจากการศึกษายานอวกาศลำนี้


 


ในวันเดียวกันทั้งชีค มุสซาฟาร์ และนายฟาอิซ คาลีด นักบินอวกาศคนที่ 2 ของมาเลเซีย ออกเดินทางจากมาเลเซียไปยังกรุงมอสโกของรัสเซียเพื่อรับการฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกนักบินอวกาศยูริ กาการินเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะมีพิธีรับรองให้ทั้งสองเป็นนักบินอวกาศโดยสมบูรณ์จากสำนักงานอวกาศของรัสเซีย


 


ปัญหาโลกร้อนทำโลกาภิวัตน์ยุติคุกคามความมั่นคงชาติต่างๆ


ผู้จัดการออนไลน์ - รายงาน "The Age of Consequences" ซึ่งเผยแพร่โดยศูนย์เพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์และนานานาชาติ เมื่อวันจันทร์ ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ระบุว่าปัญหาโลกร้อนจะทำให้กระแสโลกาภิวัตน์ยุติลงภายในปี 2040 เนื่องจากชาติต่างๆจะหันมาพิทักษ์สงวนหวงแหนทรัพยากรที่ขาดแคลน อีกทั้งความขัดแย้งจะเพิ่มสูงรุนแรงขึ้น เมื่อมีผู้ลี้ภัยจำนวนมากอพยพหนีความแห้งแล้งและระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น


 


ลีออน เฟิร์ธ แห่งมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดทำรายงานฉบับนี้ กล่าวว่าความขาดแคลนจะเป็นปัจจัยที่กำหนดเงื่อนไขของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


 


เฟิร์ธยังกล่าวว่าความร่วมมือระดับโลกในโลกที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์นั้นอาจสิ้นสุดลง ขณะที่รัฐบาลที่ขาดแคลนสินค้าโภคภัณฑ์ที่จำเป็น ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ทำให้ความร่วมมือระดับโลกเกิดขึ้นได้


 


อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ กล่าวว่าชาติร่ำรวยจะก้าวผ่านช่วงเวลาของการปฏิเสธไม่รับผู้ลี้ภัยจากเรือช่วยชีวิตเข้าประเทศ นาน 30 ปี ขณะที่ชาติยากจนที่สุดในโลกก็ต้องเผชิญกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งจะยิ่งทำให้ศีลธรรมเสื่อมโทรมลงอย่างมาก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net