Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


พปช.'โชว์โพลกวาดส.ส.250ที่นั่ง-อ้างกกต.ให้'แม้ว'ที่ปรึกษาได้ 


มติชนออนไลน์ - เวลา 15.00 น. วานนี้ (29 ต.ค.) ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรค พปช. แถลงหลังการประชุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั่วประเทศ ว่า นายสมัคร หัวหน้าพรรคกำชับให้หลีกเลี่ยงการกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะพรรคถูกเพ่งเล็ง รวมถึงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ไปอธิบาย 1 ปีที่ผ่านมาหลังรัฐประหารว่าทำลายโอกาสประเทศมากโดยเปรียบเทียบกับความสำเร็จรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณตลอด 5 ปี ที่เคยทำให้ประเทศขึ้นมาอยู่ลำดับ 1 อาเซียน แต่ตอนนี้ลำดับอยู่ปลายแถว


'นายสมัครกล่าวขอบคุณไปยัง กกต.ที่อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษาพรรค แต่นายสมัครเห็นว่าไม่ควรจะไปสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งต้องทำด้วยตัวเองให้ดีที่สุด แม้การนำภาพ พ.ต.ท.ทักษิณมาถ่ายคู่กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ก็ไม่ควร สำหรับการพิจารณาผู้สมัคร ส.ส.เสร็จเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือ 3-4 เขตพื้นที่ทับซ้อน เพราะอดีต ส.ส.จากพรรคมัชฌิมาฯย้ายกลับมาเข้าพรรค พปช. เช่น นายพินิจ จันทร์สมบูรณ์ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี และนายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร อดีต ส.ส.มหาสารคาม'


 


ร.ท.กุเทพกล่าวว่า นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า พรรคได้สำรวจความนิยมประชาชนในภาคต่างๆ พบว่าพรรคจะได้ ส.ส.ทั้งหมด 250 ที่นั่ง แบ่งเป็นเหนือ 55 ที่นั่ง อีสาน 100 ที่นั่ง ภาคกลาง 40 ที่นั่ง กทม.15 ที่นั่ง และสัดส่วน 40 ที่นั่ง ส่วนภาคใต้ยังไม่ได้สำรวจ และอาจจะเปลี่ยนแปลงเนื่องจากแบ่งเขตเลือกตั้งแบบใหม่


 


ร.ท.กุเทพกล่าวว่า นายสมัครเห็นว่าเอกสารลับที่ออกมาทำให้สังคมเห็นแล้วว่ามีแผนสกัดกั้นพรรค พปช.อย่างเพียงพอแล้ว กกต.ก็รับดำเนินการต่อ แต่ในที่ประชุมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนสะท้อนปัญหาถึงแผนการสกัดกั้น โดย พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ อดีต ผบ.สส.รองหัวหน้าพรรคได้แนะนำให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เก็บรวบรวมรายชื่อผู้ที่สกัดกั้นและหน่วยงานต้นสังกัดรวมทั้งให้บันทึกพฤติกรรมที่เข้าข่ายการกระทำผิดส่งต่อให้หน่วยรับเรื่องของพรรค เพื่อรวบรวมและนำมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเป็นระยะๆ


'พล.อ.เรืองโรจน์กล่าวกับพวกเราว่าไม่ต้องห่วงเรื่องทหารในพื้นที่ เพราะส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานเรา ดูแลกันได้ทั้งนั้น ไม่มีอะไร แต่ถ้ามีปัญหาให้พวกเรารวบรวมข้อมูลแล้วส่งมาที่ผม เดี๋ยวจัดการให้'ร.ท.กุเทพกล่าว


 


พล.อ.เรืองโรจน์กล่าวว่า มีทหารไปติดตามว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชนจริง แต่เป็นอดีต ส.ส.เด็กๆ ส.ส.ผู้ใหญ่ไม่กล้าตาม แต่ไม่อยากให้กังวลเพราะทหารเป็นมิตร ส่วน พล.อ.อนุพงษ์เท่าที่ดูเป็นคนที่มีความตั้งใจทำกองทัพให้เป็นกองทัพ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับการเมือง สำหรับ พล.อ.สนธิยังสนิทสนมกันอยู่ออกรอบตีกล์อฟด้วยกันเป็นประจำ ยืนยันว่าหากพรรค พปช.ได้เป็นรัฐบาล จะไม่มีการแก้แค้นเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้


 


ด้านนายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงถึงนโยบายพลังประชาชน ให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ไปใช้ในการหาเสียงว่า นโยบายที่ใช้เป็นอาวุธในการหาเสียงคือนโยบายที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณเมื่อประชาชนเห็นจะรู้ว่าเป็นนโยบายของนายห้างตราใบห่อชัดเจน และรู้ได้ทันทีว่าเป็นนโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเราจะเน้น 3 ป. คือ ปรองดอง ประชาธิปไตย และปากท้อง


 


นายนพดลกล่าวว่า พรรคจะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ 1.5 ล้านล้านบาท อัดฉีดเงินทุนในโครงการขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้า 9 เส้นทางเริ่มใช้ภายใน 3 ปี 5 แสนล้านบาท โดยใน 4 ปีเรามุ่งไม่ให้มีฝุ่นบนถนนในพื้นที่ชนบท โครงการบริหารจัดการเรื่องน้ำ 2 แสนล้านบาท และโครงการ 1 แสนล้านบาท เพื่อการเร่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังไม่มีการขึ้นภาษีและยกเลิกมาตรการกันเงินทุนสำรอง 30 เปอร์เซ็นต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย  (อ่านรายละเอียด หน้า 11)


 


นายทรงศักดิ์ ทองศรี ประธานคณะกรรมการประงานภาคอีสาน เปิดเผยว่า นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้ขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพปช. และจะไปลงสมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์แทน แต่ไม่มีปัญหาและพรรคได้พิจารณาส่งนายสนอง เทพอักษรณรงค์ อดีต ส.จ.หลายสมัยลงสมัครแทน เชื่อว่าภาคอีสานจะได้เกิน 120 ที่นั่งแน่นอน


 


'ป๋าเหนาะ' ลั่นเดินหน้าสู้ ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง-'ป้าอุ'เผยให้สมาชิกตัดสินใจเอง 


มติชนออนไลน์ - วานนี้ (29 ต.ค.) ที่บ้านพักเมืองทองธานีของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายฉลอง  เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.นนทบุรี  สมาชิกพรรคประชาราช  กล่าวก่อนเข้าพบนายเสนาะ เทียนทอง ถึงกรณีที่นายเสนาะ จะนำสมาชิกไปรวมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ว่า วันนี้ได้รับการติดต่อจากนายสุชาติ บรรดาศักดิ์ รองเลขาธิการพรรค เพื่อหารือถึงการตัดสินใจของนายเสนาะ และนางอุไรวรรณ เทียนทอง ถึงการรวมพรรคว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งตนอยากฟังเหตุผลจากปากของทั้ง 2 คน หากนายเสนาะยืนยันว่าที่จะไปรวมกับพรรคเพื่อแผ่นดิน ทั้งกลุ่ม ตนก็พร้อมที่จะไปด้วย หรือนายเสนาะปล่อยให้เป็นอิสระในการตัดสินใจตนก็ขอเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากทางพรรคเคยติดต่อ หากไปก็สามารถลงพื้นที่ไม่ต้องหาเสียงมาก คาดได้ว่าเป็น ส.ส.แน่นอน


 


"หากป๋ายืนยันที่จะส่งผู้สมัครในนามพรรคประชาราช เพียงแค่ 2 จังหวัด คือ จ.สระแก้ว และ นนทบุรี ผมก็พร้อมที่จะอยู่พรรคประชาราชต่อไป" นายฉลอง กล่าว


 


นายฉลอง กล่าวอีกครั้งภายหลังเข้าบนายเสนาะ  ว่า นายเสนาะยืนยันกับตนว่าพรรคประชาราชพร้อมจะเดินหน้าสู้ต่อไป แม้ว่าจะได้ ส.ส.แค่  10 คนก็ตาม เราก็จะสู้ด้วยศักดิ์ศรีของเราที่มีอยู่ โดยจะส่งผู้สมัคร ในจ.นนทบุรี  ปทุมธานี และสระแก้ว  โดยในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.)  นายเสนาะ จะแถลงจุดยืนของพรรคประชาราช ด้วยตนเอง เพื่อยุติความสับสนที่จะเกิดขึ้น


 


ด้านนางอุไรวรรณ เทียนทอง ภรรยานายเสนาะ  กล่าวว่า วันนี้ยังอยู่พรรคประชาราชกับป๋าเหนาะ รวมถึงลูกๆหลานๆ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ขณะนี้ยังอยู่ซึ่งให้โอกาสในการตัดสินใจไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น  เพราะทุกคนมีสิทธิ และเอกสิทธิส่วนตัวในการพิจารณา ฉะนั้นไม่สามารถจะดึงไว้ได้  วันนี้ทุกคนยังอยู่


 


'ชูวิทย์' ขโมยซีนกลางงานเปิดตัวรับ 'เสธ.หนั่น' เข้าชาติไทย-ลี่น่า จังโวยถูกหลอกเข้ามัฌชิมา


มติชนออนไลน์ - เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่พรรคชาติไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคที่เพิ่งเปิดศึกฉะนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคแบบไม่ไว้หน้าใคร และเรียกเสียงฮือฮา กรณีออกมาแฉ "มติพรรคแบบ 3 พ่อลูก" แล้ว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายชูวิทย์ยังปล่อยทีเด็ดกลางงานเปิดตัว พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชนและสมาชิกรวม 15 คน ที่เข้ารวมพรรคชาติไทยด้วยการตะโกนแสดงความยินดีกับสมาชิกใหม่


 


"ท่านเสธฯ สนั่นคร้าบ!! ผมแสดงความยินดีด้วยครับที่ท่านมาร่วมงานกับพรรคชาติไทย" เสียงตะโกนแสดงความยินดีดังขึ้น กลางวงแถลงข่าวที่ทำการพรรคชาติไทย ขณะที่ หัวหน้าพรรควัย 75 ปี สะดุ้งโหยงตกใจ เพราะไม่คิดว่าใครจะตะโกนแบบนอกสคริปต์อย่างนี้


 


ช่วงเวลาที่สถานการณ์กำลังโกลาหล ก่อน 'เสธ.' จะทันระวังตัว ชูวิทย์ ก็เดินเข้าไปประกบ แบบย่าง 3 ขุม ขอจับมือ เสธ.หนั่น พร้อมเขย่ามืออย่างแรง ยิ้มเฉ่งข้างเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผลที่ได้รับเป็นไปตามคาด เมื่อช่างภาพนักข่าวหันความสนใจไปยังต้นเสียงแบบไม่มีการนัดแนะมาก่อน!!!


 


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวเปิดตัวผูสม้คร ส.ส.กทม.ของพรรคมัชฌิมาธิปไตย นางลีนา จังจรรจา อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ได้ขึ้นมายืนอยู่ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และใกล้กับเก้าอี้ที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย นั่งแถลงข่าว นายประชัยจึงยกมือสะกิดให้นางลีน่าถอยออกไปจากกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.กทม. ที่ยืนร่วมแถลงข่าว และบอกให้นางลีน่ามาอีกครั้งในการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ


 


และทันทีที่การแถลงข่าวจบลง นางลีนาฝ่าวงล้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. ออกมาตะโกนหน้าโต๊ะแถลงข่าวและร้องไห้ฟูมฟายร้องสื่อมวลชนว่า ถูกพรรคหลอกว่าจะให้ลงสมัครในเขตบางนา ประเวศ สวนหลวง พระโขนง ซึ่งต้องกู้เงินมาลงทุนจำนวน 2 แสนบาท เพื่อตั้งศูนย์อำนวยการเลือกตั้งลีน่า จัง พร้อมกับลงพื้นที่แนะนำตัวกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายพรรคไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.


 


ทันทีเกิดเหตุการณ์ขึ้น นายประชัยถึงกับหน้าเสียและรีบลุกออกจากห้องแถลงข่าวไปทันที ปล่อยให้นายสมพร หลงจิ รองโฆษกพรรคเข้าไปฉุดดึงนางลีน่าออกไปอย่างทุลักทุเล แต่นางลีน่าก็สะบัดหลุดและตะโกนบอกกับผู้สื่อข่าวอีก จน ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร รองเลขาธิการพรรค ต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อมและรับปากจะจัดการเรื่องให้ นายลีน่าจึงยอมสงบสติอารมณ์และเหตุการณ์ทำท่าจะสงบลง


 


แต่พอนายเอนก พิริยะเอนก โฆษกพรรค คนใกล้ชิดนายประชัย เข้าไปต่อว่า ร.อ.รชฏ อย่างรุนแรงที่ปล่อยให้เกิดความวุ่นวายขึ้นต่อหน้าสื่อมวลชน เพราะถือเป็นผู้ที่รับผิดชอบผู้สมัครใน กทม. ส่งผลให้ ร.อ.รชฏไม่พอใจการกระทำของนายเอนกเป็นอย่างมาก จึงตอบกลับไปว่า 'ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมจะพา ส.ส.กทม.ไปสมัครพรรคเพื่อแผ่นดินให้หมด'


 


"ชูวิทย์" ลั่นไม่ได้ทำผิด เกาะชาติไทยไม่หนี


โลกวันนี้ - ขณะที่นายจองชัย เที่ยงธรรม รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค กับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค เกี่ยวกับปัญหาที่พรรคไม่ส่งนายชูวิทย์ลงสมัคร ส.ส. ระบบสัดส่วนอันดับ 1 ว่านายชูวิทย์เป็นคนดีและหวังดีกับพรรคมาโดยตลอด แต่กลับไปมองว่าเขาผิดทั้งที่เขาไม่ได้ทำร้ายพรรค และตัวนายชูวิทย์ก็เบาลงแล้ว


 


"แต่การที่นายสนธยา สวัสดี รองโฆษกพรรคชาติไทย มาพูดเปรียบเทียบเขาว่าเอาขี้ปาพรรค เขาก็รู้หมดว่าใครใช้มา ส่วนผมก็รับอาสามาคุยกับหัวหน้าพรรค เพราะสิ่งที่เขาผิดคือพูดผิดในเรื่องมติสามพ่อลูก จึงอยากให้เขาหยุด" นายจองชัยกล่าวและย้ำว่า นายชูวิทย์เป็นบุคลากรที่มีคุณค่า หากเสียไปก็น่าเสียดาย แต่ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการพูดเรื่องการขับออกจากพรรคแต่อย่างใด ตอนนี้ต้องรอว่าหัวหน้าพรรคจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร


 


ด้านนายชูวิทย์กล่าวว่า ที่มาวันนี้เพื่อที่จะบอกว่าตนไม่ผิด และไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร เพราะการมาทำงานการเมืองเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยการเอาเวลาส่วนตัวเข้าแลก ตนจึงเป็นหนี้ประชาชน ไม่ใช่อย่างที่ใครบางคนเข้าใจผิดว่าเป็นหนี้หัวหน้าพรรค อย่างไรก็ตาม ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยังอยู่กับพรรคชาติไทย ไม่ไปไหน และยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร


 


"วันนี้ผมเดินเข้าพรรคแล้วไม่มีใครคุยด้วย ถ้าผมจะแถลงข่าวอีกก็คงไม่ผิด เพราะเป็นรองหัวหน้าพรรค ในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนในมาตรา 17 และมาตรา 18 ว่ากรรมการบริหารพรรคต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับหัวหน้าพรรค ผมเตรียมจะขึ้นป้ายโฆษณาแล้ว ซึ่งวันนี้ก็ถือแบบป้ายโฆษณามาให้ดูด้วย แต่คงจะยังไม่เปิดเผย เพราะต้องการเก็บไว้ในวันแถลงข่าว โดยถ้าผมแถลงอะไรออกไปก็คอยดูว่าจะกระทบต่อพรรคอย่างไร" นายชูวิทย์กล่าวพร้อมยอมยกเลิกการแถลงข่าวตอบโต้แล้ว


 


ส่วนกรณีที่นายบรรหารมีท่าทีหมางเมินนั้น นายชูวิทย์กล่าวว่า ไม่เป็นไร คนแก่ขี้น้อยใจเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนปู่ของตนไม่มีผิด


 


กกต.ยอมแก้ประกาศเผยเวลาจำกัดเร่งรีบเกินไป-ไม่สนเสียงกกต.แตก 


มติชนออนไลน์ - เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีการจัดกประชุมชี้แจงเรื่องแนวทางปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ณ ห้องประชุมชั้น 10 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีตัวแทนสื่อมวลชนสังกัดต่างๆ และตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมประชุม


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมดังกล่าวมีกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าร่วมประชุม 4 คน ประกอบด้วย นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน และ นายสุทธิพล เลขาธิการกกต. โดย นางสดศรี สัตยธรรม ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เนื่องจากเดินทางไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง ณ กรมทหารราบที่ 11 บางเขน


 


นายอภิชาต กล่าวยอมรับว่ามีเวลาจำกัดและมีภารกิจมาก ขอความเห็นใจว่าระยะเวลาน้อยเกินไปและการออกระเบียบกกต.ไม่ได้คิดตรงกันไปหมดและถ้อยคำในกฎหมายบางส่วนก็เป็นปัญหาซึ่งต้องเร่งออกในระยะเวลาอันจำกัด  การออกระเบียบและประกาศตามกฎหมายที่กำหนดให้ กกต.ไม่ได้พิจารณาเขียนขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่กกต. ที่รับผิดชอบทำเสนอต่อ ที่ประชุมคณะกรรมการกกต. ซึ่งได้ดูและปรับแก้ให้เหมาะสม ตามแนวทางที่กฎหมายฉบับใหม่ออกมาปีนี้ หลังจากได้ฟังคำวิจารณ์ตลอด 2-3 วันหลังจากนั้น จึงบอกผ่านสื่อมวลชนว่า กกต. พร้อมรับฟังในสิ่งที่เห็นว่าทำให้ประกาศและระเบียบออกมาแล้วมีปัญหาปฏิบัติไม่ได้ เช่นคำว่า "อาจดำเนินการได้" ทำให้มีข้อสงสัยว่าสรุปแล้วจะทำได้หรือไม่ได้ อย่างไรก็ตาม กกต. เจตนาให้ระเบียบที่ออกมาเป็นไปตามกฎหมายที่ปฏิบัติได้ โดยไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยเฉพาะ


 


นายอภิชาต กล่าวต่อว่า ระเบียบกกต. ไม่น่าจะกระทบต่อการทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งในส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าระเบียบหรือประกาศ มีบางข้อขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือบางคนบอกว่า เป็นเพราะกกต.ชุดนี้มาจากการรัฐประหาร ตนอยากขอชี้แจงว่ากกต.ชุดนี้ผ่านการสรรหามาตามระบอบประชาธิปไตย โดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นผู้สรรหา ขอชี้แจงว่า การมีข่าวออกไปในลักษณะดังกล่าวจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ไม่ไว้ใจองค์กร


 


"ขอยืนยันว่า กกต.เป็นกลาง ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เข้าข้างใคร ไม่ช่วยใคร มีอิสระเต็มที่ โดยระเบียบกกต. ก็ออกมาตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ทั้งสิ้น เมื่อออกไปแล้วอาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ตามประสงค์ของทุกคนทั้งหมด แต่ส่วนที่ก้ำกึ่ง กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ชัด ก็ยินดีรับฟังเพื่อปรับปรุงไม่ให้เกิดอุปสรรคขัดข้องต่อทั้งผู้สมัครและประชาชน ขอให้แสดงความคิดเห็นเพื่อที่จะนำไปสู่ที่ประชุม กกต.ให้ได้ข้อบัญญัติที่เหมาะสม" นายอภิชาตกล่าว


 


นายอภิชาต กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและประกาศที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 ว่า จากการหารือในวันนี้(29 ต.ค.) จะนำเข้าที่ประชุม กกต. โดยจะมีการประชุมกับเจ้าหน้าที่ คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนเกี่ยวกับระเบียบและประกาศ ซึ่งหากมีการแก้ไขระเบียบข้อห้ามการหาเสียงก็สามารถทำได้ โดยจะออกประกาศระเบียบฉบับที่ 2 ออกมาเพื่อแก้ไขระเบียบฉบับแรก


 


มหาดไทยยื่นดาบผู้ว่าฯ ฟันขรก.ทาสนักการเมือง


โลกวันนี้ - วานนี้ (29 ต.ค.) นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวระหว่างการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ถึงการเตรียมการเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง โดยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่อาจมีบางคนยังมีพฤติกรรมยึดติดตัวบุคคล จนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค หรือนักการเมืองบางคนได้ ซึ่งหากตรวจสอบพบข้าราชการคนใดมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง ก็เห็นว่าควรจะมีการโยกย้าย ปรับเปลี่ยนงานให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อื่น


 


ขณะเดียวกันนายพงศ์โพยมเห็นว่า บทบาทของแต่ละจังหวัดควรเร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้มาสิทธิให้มาก ส่วนการป้องกันการทุจริตถือเป็นหน้าที่ของ กกต. โดยตรง อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีแนวคิดเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมาหารือการเตรียมการสนับสนุน กกต. ก่อนการจัดการเลือกตั้งปลายปีนี้


 


ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน เร่งติดตามการแก้ไขปัญหากรณีมีการเผยแพร่เอกสารหรือใบปลิวที่อาจเป็นการไม่บังควรต่อสถาบันเบื้องสูงด้วย


 


พร้อมกันนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยระบุถึงปัญหาเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงการประสานให้ความร่วมมือกับ กกต. ประจำแต่ละจังหวัด


 


"อยากให้ผู้ว่าฯ คอยสอบถามในลักษณะของความเอื้อเฟื้อกับ กกต. ประจำจังหวัด เขาจะคิดอย่างไรกับเราไม่รู้ แต่เราดีกับเขา และอยากให้กรมการปกครองพิจารณาเรื่องความถูกต้องของบัญชีรายชื่อ ซึ่ง กกต.ใหญ่ไม่แฮปปี้เรื่องนี้ว่าไม่ค่อยถูกต้อง เพราะยังมีชื่อคนตายอยู่ในบัญชี



 


"ไกรศักดิ์" เผยแนวสกัดปม "ฆ่าตัดตอน" ควรเอี่ยวภาคีศาลระหว่างปท. 


ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษและนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิตร่างกายชื่อเสียงและทรัพย์สินประชาชน (คตน.) กล่าวถึงกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) และที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คตน. พยายามจ้องทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณว่า การทำงานของ คตน. ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่าเมื่อต้นปี 2546 ได้มีคนตายอย่างผิดสังเกตจำนวนมาก ซึ่งอาจเชื่อได้ว่าจะมีต้นเหตุจากสงครามต่อต้านยาเสพติด ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ คือพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่มีการฆ่ากันอย่างมาก จะเป็นตามที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมาได้แถลงไว้ และยืนยันหรือไม่ว่าเป็นการฆ่าตัดตอนหรือไม่ และมีการตั้งคำถามว่าทำไม ผู้ที่เป็นฆาตกรยังลอยนวลอยู่ได้


 


นายไกรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2 มีคดีที่ชัดเจนว่าผู้ที่ตายไปไม่ได้ค้ายา จะเริ่มพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยการเยียวยา และส่งข้อมูลให้รัฐบาลพิจารณาต่อไป


 


"ในกระบวนการทำงานของ คตน. นั้น ก็ได้มีการทำงานวิจัยที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งก็มีคำแนะนำว่าประเทศไทยควรจะเข้าร่วมเป็นภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อทำงานได้ง่ายขึ้น และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงดังกล่าวได้อีก" นายไกรศักดิ์ กล่าว


 


 






เศรษฐกิจ


 


หุ้นไทยปิดบวกกว่า 2% พลังงานหนุนดัชนีปิดสูงสุดเกือบ 11 ปี


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 2.29% ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับขึ้นมากกว่า 1% ขณะที่มีแรงซื้อเข้ามาเกือบ 50% ของตลาดรวมในหุ้นกลุ่มพลังงาน ช่วยหนุนให้ดัชนีปิดยืนเหนือระดับ 900 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 11 ปี


 


นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานอย่างคึกคัก แต่การที่ดัชนีปรับขึ้นด้วยหุ้นในกลุ่มหลักกลุ่มเดียวทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้นักลงทุนต้องเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น


 


ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดบวก 20.46 จุด มาที่ 915.03 จุด สูงสุดนับจากระดับปิดที่ 920.63 จุดเมื่อ 2 ธ.ค.39 โดยระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุดที่ 916.06 และต่ำสุดที่ 905.85 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 2.44 หมื่นล้านบาท


 


ขณะที่ SET50 ปิดบวก 18.91 จุด หรือ 2.85% มาที่ 681.82 และ SET100 ปิดบวก 38.20 จุด หรือ 2.69% มาที่ 1,459.64


 


ดัชนีกลุ่มพลังงาน บวก 4.81% ด้วยมูลค่าซื้อขายสูงสุดของตลาดที่ 49.85% นำโดยหุ้นปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บวก 0.59%, ปตท. (PTT) บวก7.84%, กลุ่มปิโตรเคมี บวก 2.41% นำโดยหุ้นปตท.เคมิคอล (PTTCH) บวก 2.34%


 


แต่ดัชนีกลุ่มแบงก์ บวก 1.95% นำโดยหุ้นธ.ไทยพาณิชย์ (SCB) บวก 3.59%, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บวก 0.99% และกลุ่มไฟแนนซ์ บวก 0.90%


 


46 บริษัทรุมซื้อข้าวหอมราคาพุ่งตันละ 1.7 หมื่นบาท 


มติชนออนไลน์ - รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเปิดประมูลข้าวหอมมะลิและข้าวหอมจังหวัดในสต๊อครัฐบาลปริมาณ 270,980 ตัน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2550 ว่า ได้มีเอกชนยื่นซองประมูลรวม 46 ราย แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิที่ได้จากโครงการรับจำนำปี 2548/2549 ปริมาณ 200,880 ตัน มีผู้เสนอราคาเข้ามารวมทั้งหมด 36 ราย ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1.32 หมื่นบาท/ตัน สูงสุด 1.7 หมื่นบาท/ตัน โดยผู้เสนอราคาสูงสุด ได้แก่ บริษัท ข้าวเอกเจริญ ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1.55-1.7 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 4,561 ตัน รองลงมาบริษัท ตงฮั้วบัวใหญ่ (1994) ราคา 1.62-1.68 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 13,617 ตัน บริษัทตงฮั้วไร้ซ์ 1.58-1.68 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 5,085 ตัน ส่วนผู้ที่เสนอซื้อปริมาณมากสุด คือบริษัทซี.พี.อินเตอร์เทรด เสนอซื้อยกล็อต 200,880 ตัน ราคาเฉลี่ย 1.4-1.62 หมื่นบาท/ตัน


 


สำหรับข้าวหอมจังหวัดปริมาณ 70,099 ตัน มีผู้เสนอราคา 10 ราย ราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 9.8 พันบาท-1.4 หมื่นบาท/ตัน โดยผู้เสนอราคาสูงสุดคือ บริษัท เจียเม้ง เสนอราคา 1.4 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 2,223 ตัน รองลงมา บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ 1.18-1.38 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 24,669 ตัน หจก.นำแสงค้าข้าว 1.1-1.3 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 11,002 ตัน และบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด 9.8 พันบาท-1.21 หมื่นบาท/ตัน ปริมาณ 55,799 ตัน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเรียกเอกชนต่อรองราคาหลังจากที่เปิดซองประมูลข้าวขาวอีก 6 แสนตันในวันนี้ (30 ต.ค.) พร้อมกัน


 


ทั้งนี้ พบว่าราคาเสนอซื้อข้าวหอมมะลิสูงสุดจากเคยเสนอซื้อมาเฉลี่ย 15,000 บาท/ตัน เนื่องจากความต้องการในตลาดส่งออกสูงและแนวโน้มราคายังสูงต่อเนื่อง เพราะเกษตรกรได้หันมาปลูกข้าวเหนียวเพิ่มขึ้นหลังจากราคาขายในตลาดสูงถึง 12,000-15,000บาท/ตัน สูงกว่ารับจำนำที่ตันละ 7,000 ตัน หรือมีการเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวจากสัดส่วน 10% เป็น 30% กระทบต่อการปลูกข้างหอมมะลิที่ลดลงเหลือ 70% จึงทำให้ราคาข้าวยังอยู่ในภาวะขาขึ้น โดยผู้ส่งออกแจ้งว่าราคาต่อรองการซื้อข้าวหอมมะลิครั้งนี้น่าจะสูงเกิน 17,000 บาท/ตัน และข้าวหอมจังหวัดอยู่ที่ตันละ 13,000-14,000 บาท


 


 






คุณภาพชีวิต


 


สาธารณสุขเตือนผู้บริโภคกินบะหมี่ให้ถูกวิธีและมีประโยชน์


กรมประชาสัมพันธ์ - วานนี้ (29 ต.ค.) นายสง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่กลุ่มผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะขอรัฐบาลปรับขึ้นราคา และสร้างความกังวลให้กับกลุ่มที่นิยมบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยรุ่นและกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยมาก และมักจะกินแบบง่ายๆคือกินบะหมี่อย่างเดียว โดยไม่ได้เติมผักและเนื้อสัตว์ด้วย ซึ่งการกินแบบนี้จะนำไปสู่ภาวะเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารหรือไม่ก็อ้วนฉุซ้ำร้ายอาจได้เกลือโซเดียมเกินความต้องการของร่างกายอีกด้วย จากการสำรวจพบว่าคนไทยกินบะหมี่สำเร็จรูปปีละกว่า 2,000 ล้านซอง เฉลี่ยวันละ 8 ล้านซอง คิดเป็นมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามในยุคเร่งรีบรวมทั้งผู้ที่มีรายได้น้อย การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถ้ากินเป็นและกินถูกต้องตามหลักโภชนาการก็จะเกิดประโยชน์ต่อร่างกายได้ โดยก่อนซื้อทุกครั้งต้องอ่านฉลาก ควรเลือกซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บนฉลากระบุว่าเติมสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเสริมให้เติมลงไปในเครื่องปรุง และไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบดิบๆ เพราะเส้นบะหมี่จะพองตัวในกระเพาะเกิดการจุกแน่นท้องได้ และที่สำคัญคือเพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรเติมไข่หรือเนื้อสัตว์ และผักลงไปทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมและไขมันเกินความต้องการ


 


"มาม่า" ไม่สนคนกินมากเป็นโรค อ้างข้อมูลเก่า-คนทั่วโลกบริโภค


เว็บไซต์มติชน - เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายเพชร พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา "มาม่า" เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาระบุว่าบะหมึ่กึ่งสำเร็จรูปมีส่วนประกอบของโซเดียมสูง หากรับประทานในปริมาณมากแล้วทำให้เกิดโรคไตและความดันโลหิตสูง ว่า ทางบริษัทไม่มีนโยบายที่จะตอบโต้เรื่องนี้ เพราะจะเป็นการตอบโต้กันไปมา และเรื่องนี้เป็นข้อมูลเดิมที่เคยมีการเปิดเผยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมออกมาพูดอีก


 


"ฟังแล้วเฉยๆ เพราะคนทั่วโลกก็รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยเฉพาะประเทศจีน เกาหลี ที่รับประทานกันมาก ในเมืองไทยอัตราการบริโภคอยู่ที่เฉลี่ย 36 ซองต่อคนต่อปี มีมูลค่าตลาดประมาณ 10,000 ล้านบาทนั้นยังถือว่าอยู่ในตลาดระดับกลาง" นายเพชรกล่าว และว่า ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่แล้ว เช่นเพิ่มหมูสับ ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซุปเปอร์โบว์ล ถ้วยละ 25 บาท โดยทำเท่าที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเสริมอาหารประเภทโปรตีนได้ แม้ระดับดังกล่าวจะไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายก็ตาม


 


นายเพชรกล่าวว่า ส่วนการปรับราคายืนยันว่าจะปรับราคาเพิ่มซองละ 1 บาท จากเดิม 5 บาทเป็นซองละ 6 บาท ภายในวันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ หรืออย่างช้าวันที่ 1 มกราคมปีหน้า เนื่องจากแป้งสาลีที่เป็นต้นทุนหลักมีราคาเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทต้องประสบกับปัญหาขาดทุน 


 


สนข.วางแผนจราจรปีหน้า70 โครงการกว่า 4.5หมื่นล้าน


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงแผนงานและโครงการด้านการขนส่งและจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประจำปี 2551 ว่า มีจำนวน 70 โครงการ วงเงินงบประมาณ 45,019 ล้านบาท โดยกำหนดเป็นยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรระยะเร่งด่วนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ โดยการมุ่งเน้นคุณภาพทั้งระบบรถไฟฟ้า รถไฟ รถประจำทาง แท็กซี่ การจัดที่จอดรถ (Park & Ride) และการเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น อีกทั้งการจัดระบบจราจรบนถนน โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากผิวจราจรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น การจัดระบบการเดินรถทางเดียวและสวนทิศทาง การแก้ปัญหาอุบัติเหตุโดยเร็ว การอำนวยการจราจรบริเวณทางแยก รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายถนนด้วยการลดจุดตัดกระแสจราจร และแก้ไขทางกายภาพบริเวณทางแยก และบริเวณอื่นที่ยังไม่เหมาะสม ตลอดจนการแก้ไขแบบเบ็ดเสร็จในถนนสายหลัก


 


นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการพัฒนากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีจิตสำนึกในการปฏิบัติตามกฎจราจร โดยบังคับใช้กฎหมายให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง และเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศให้มากขึ้น รวมถึงการเตรียมการและดำเนินการเพื่อรองรับเหตุการณ์เฉพาะที่สามารถคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นได้


 


แผนงานประจำปี 2551 อาทิ โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนศรีนครินทร์ โครงการก่อสร้างทางลอดถนนและสะพานข้ามทางแยก ตลอดจนทางต่างระดับในเส้นทางต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร เช่น ถนนตากสิน ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนอ่อนนุช ปรับปรุงทางหลวงในสายทางต่าง ๆ เช่น ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก ตอนบางพลี-ธัญบุรี สะพานข้ามทางแยกและทางลอดสะพานกลับรถ เช่น ทางแยกต่างระดับรังสิต ระยะที่ 2 ทางลอดที่แยกปากเกร็ด สะพานลอยที่เมืองทองธานี ฯลฯ


 


แท็กซี่โวยขอขึ้นราคาค่ามิเตอร์ - ค่าธรรมเนียมในสนามบิน 


มติชนออนไลน์ - นายขจรศักดิ์ กาสิงห์ รองประธานชมรมแท็กซี่สุวรรณภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้ประกอบการรถแท็กซี่เตรียมเสนอให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมการใช้บริการ จากเดิม 50 บาท เป็น 100 บาท เนื่องจากผู้ขับรถแท็กซี่ประสบปัญหารายได้ไม่เพียงกับรายจ่าย เพราะต้องเข้าคิวรอรับผู้โดยสารจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งต้องใช้เวลารอถึง 4 ชั่วโมง ขณะที่ผู้โดยสารบางรายเดินทางในระยะใกล้


 


นอกจากนี้ ทางชมรมยังได้เตรียมเสนอให้กรมการขนส่งทางบก ปรับอัตราค่าบริการรถแท็กซี่มิเตอร์ เนื่องจากปัจจุบันค่าต้นทุนเชื้อเพลิงมีราคาสูงถึง 1.50 บาทต่อกิโลเมตร แต่ค่าโดยสารเฉลี่ยไม่เกินกิโลเมตรละ 4 บาท ประกอบกับที่ผ่านมาอัตราค่าบริการรถแท็กซี่ไม่ได้ปรับมานานแล้ว ต่างจากรถโดยสารประเภทอื่นที่ได้มีการปรับค่าโดยสารไปก่อนหน้านี้แล้ว


 


 






ต่างประเทศ


 


แฉชีวิตค่ายนรกโสมแดง บังคับให้ดูแม่-น้องถูกประหาร


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายชิน ดง ฮุค ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์เผยระหว่างเปิดตัวหนังสือ "หลบหนีสู่โลกภายนอก" ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อวันจันทร์ (29 ต.ค.) แฉเรื่องราวความโหดร้านของทางการเกาหลีเหนือที่ปฏิบัติต่อผู้อยู่ในค่ายเรือนจำหวังเป็นตัวแทนป่าวประกาศให้โลกรับรู้ชะตากรรมของเด็กๆที่อาศัยอยู่เบื้องหลังรั้วลวดหนามเหล่านั้น


 


นายชิน ซึ่งเกิดและเติบโตในค่ายนรกหมายเลข 14 ในจังหวัดเปียงกัน ทางตอนใต้ของประเทศจนกระทั่งอายุ 22 ปี ได้พรรณนาในหนังสือว่า แต่ละวันต้องทำงานหนักเหนื่อยสายตัวแทบขาด หนำซ้ำยังถูกทุบตี ทารุณกรรมและเฝ้าดูการประหารชีวิต หนึ่งในนั้นคือการถูกบังคับให้ดูการประชีวิตแม่ และน้องชายของตัวเองในห้องทรมานใต้ดินเมื่อมีอายุได้เพียง 14 ปี เนื่องจากทั้งสองคนพยายามหลบหนี โดยแม่ถูกแขวนคอ และน้องถูกยิงเสียชีวิต ส่วนตัวเองและพ่อถูกทางการจับขังนานถึง 7 เดือน และทรมานด้วยการจับแขวนตัวจนกระทั่งหมดสติก่อนจะประหารชีวิตแม่ เพื่อให้พ่อและนายชินสารภาพว่าร่วมสมคบคิดกับครอบครัว


 


หนุ่มวัย 24 ปี เล่าด้วยว่า พ่อของตัวเองถูกจับเมื่อปี 2508 หลังจากที่พี่ชาย 2 คนหนีไปเกาหลีใต้ แต่ด้วยความที่ทำงานดี พ่อจึงได้รับอนุญาตให้แต่งงานกับเพื่อนนักโทษหญิงคนหนึ่งแต่กลับได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียง 5 วันก่อนจะถูกจับแยก และมีโอกาสได้พบกันน้อยมาก ส่วนนายชินเองได้อยู่กับแม่จนถึงอายุ 12 ปี โดยแม่จะทำงานตั้งแต่ 05.00-21.30 น. จากนั้นต้องเข้าร่วมชั่วโมง "การเรียนรู้ชีวิตดิ้นรนต่อสู้" ทุกวัน โดยนักโทษถูกบังคับให้กล่าวหาและทุบตีทำร้ายนักโทษคนอื่นๆ ที่ไม่สามารถทำงานได้สำเร็จตามเป้าที่วางไว้ ปรากฏว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งถูกทุบตีจนเสียชีวิตจากการขโมยข้าวสาลีเพียง 5 เมล็ด


 


อย่างไรก็ดี ทุกสิ่งก็ถึงจุดเปลี่ยนเมื่อปี 2547 เมื่อนายปัก เพื่อนคนหนึ่งได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกภายนอกซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้นายชินคิดหลบหนี และโอกาสได้มาถึงเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2548 เมื่อทั้งสองคนได้รับคำสั่งให้ไปหาฟืนใกล้ขอบรั้วชั้นนอกสุดของค่าย จึงได้ลอดรั้วลวดหนามออกมาและวิ่งหนีสุดชีวิต แต่นายปักกลับติดอยู่ในรั้ว และหลังจากหนีมาได้ ก็ยังชีพด้วยการขโมยข้าวไปขาย แล้วนำเงินไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ชายแดนเพื่อเข้าไปยังจีนก่อนจะเดินทางไปเกาหลีใต้ในอีก 1 ปีต่อมา


 


นายชิน เผยว่า ตอนแรกที่คิดหนีนั้นพียงเพื่อหนีให้หลุดพ้นจากความหิวโหยและการทำงานหนัก ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยเรื่องราวความโหดร้าย เพราะในขณะนั้นไม่มีความคิดเรื่องความยุติธรรมอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย


 


ฟีฟ่าประกาศยกเลิกนโยบายหมุนเวียนประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลก


ไอ.เอ็น.เอ็น - วานนี้ (29 ต.ค.) สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ประกาศยกเลิกนโยบายหมุนเวียนเจ้าภาพไปยังทวีปต่างๆพร้อมทั้งเตรียมมอบหมายให้บราซิลรับหน้าเสื่อในการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ด้วยฟีฟ่า ตัดสินใจยกเลิกระบบหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ไปยังทวีปต่าง ๆหลังการประชุมที่เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากแต่ละทวีปมีประเทศที่เหมาะสมกับการเป็นเจ้าภาพน้อยฟีฟ่า ได้มีการจัดแถลงถึงเรื่องการล้มเลิกนโยบายหมุนเวียนชาติเจ้าภาพจัดศึกเวิลด์คัพไปยังทวีปต่างๆที่อาคารสำนักงานใหญ่ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และพร้อมมอบสิทธิ์ให้ บราซิล จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2014 พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการยื่นข้อเสนอเข้ามาเพื่อขอจัดศึกเวิลด์ คัพ 2018 อีกด้วยโดยมี อังกฤษ ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงก่อนหน้านี้ที่เตรียมเดินเรื่องไปยังฟีฟ่าอย่างไรก็ตาม อังกฤษอาจต้องแข่งขันกับชาติอื่นๆ อีกหลายชาติที่พร้อมเสนอตัวด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วยรัสเซีย, จีน, ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, เม็กซิโก รวมไปถึงกลุ่มประเทศ "เบเนลักซ์" อย่างเบลเยียม, ฮอลแลนด์ และลักเซมเบิร์ก ที่พร้อมยื่นข้อเสนอขอเป็นเจ้าภาพร่วมกันด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net