Skip to main content
sharethis





การเมือง


บิ๊กบังให้สนช.ตัดสินใจผ่านกม.ฮิตเลอร์หรือไม่


ผู้จัดการรายวัน - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กระแสการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้แจงให้ฟังว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ สมช.ได้ร่างออกมาตอนแรกมีปัญหาที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าให้อำนาจกองทัพมากไป สนช.จึงร่วมกับนักวิชาการส่วนหนึ่ง ผู้ที่เกี่ยวข้องและกฤษฏีกาได้ทำวิจัยแล้วนักวิชาการเป็นผู้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในร่างล่าสุด


 


อย่างไรก็ตามร่างพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯต้องมีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยบ้างถือเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คงต้องนำไปถกกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ สนช.หากไม่รับร่างก็ต้องจบ หรือหากรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวก็ต้องว่ากันต่อไป เพราะเราเป็นระบอบประชาธิปไตย


 


กพช.เพิ่มปริมาณรับซื้อไฟฟ้าจากลาวเป็น 7,000 เมกะวัตต์


ผู้จัดการออนไลน์ - การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 7 นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอที่กระทรวงพลังงานนำเสนอ 5 วาระ ดังนี้ คือ 1. การอนุมัติขยายปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว จาก 5,000 เมกะวัตต์ เป็น 7,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2558 โดยให้มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป เพราะลาวยังมีแหล่งไฟฟ้าพลังน้ำที่จะขายให้กับไทยได้อีกจำนวนมากและมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ต่ำ 2. การอนุมัติร่างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการใน สปป.ลาว 4 โครงการ ได้แก่ โครงการน้ำเทิน 1 โครงการน้ำงึม 3 โครงการน้ำเงี้ยบ และโครงการเทิน-หินบุน ส่วนขยาย และมอบหมายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการตามขั้นตอนให้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่อไป ซึ่งทั้ง 4 โครงการจะมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยตลอดอายุโครงการอยู่ที่ระดับ 1.94 บาทต่อหน่วย 1.97 บาทต่อหน่วย 1.95 บาทต่อหน่วย และ 1.89 บาทต่อหน่วย ตามลำดับ


         


อย่างไรก็ตาม การอนุมัติร่างสัญญา สปป.ลาว อีก 4 โครงการ จะทำให้ไทยตกลงรับซื้อไฟฟ้าจาก สปป.ลาว จำนวน 8 โครงการ กำลังผลิตรวม 3,314 เมกะวัตต์ และอยู่ในระหว่างการเจรจาอัตราค่าไฟฟ้ากับโครงการหงสาลิกไนต์ กำลังผลิตประมาณ 1,470 เมกะวัตต์ หากเจรจาตกลงกันได้จะทำให้กำลังผลิตรวมเป็น 4,784 เมกะวัตต์ ที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้ไทย


 


3. การอนุมัติการจัดตั้งบริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Egat International Company Limited) โดยจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด มีทุนจดทะเบียนขั้นต้น 50 ล้านบาท เพื่อเป็นตัวแทน กฟผ. ในการลงทุนโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับกิจการของ กฟผ. ในต่างประเทศ โดยสามารถลงทุนและร่วมทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งแต่ละโครงการจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงพลังงาน หรือหากเป็นโครงการที่มีประเด็นนโยบายเป็นพิเศษจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก กพช. โดยขณะที่ บริษัท กฟผ.อินเตอร์ฯ ยังคงมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจจะต้องปฏิบัติตามคำสั่ง กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน


4. การอนุมัติแผนแม่บทโครงการเปลี่ยนระบบสายอากาศเป็นสายใต้ดินในปี 2551-2565 ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้พิจารณาวงเงินลงทุนรวม 77,678 ล้านบาท และกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการจัดหาแหล่งเงินกู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ และให้สามารถดำเนินโครงการได้ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) รับไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับฐานะการเงินของการไฟฟ้านครหลวง แนวทางการชดเชยรายได้และระดับอัตราค่าไฟฟ้าในรายละเอียด เพื่อนำเสนอ กพช. ต่อไป


  


5. การอนุมัติร่างแผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ ในช่วง 13 ปีข้างหน้า (2551-2564) โดยให้มีการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPPDO) ขึ้นเป็นหน่วยงานในกระทรวงพลังงาน โดยแผนช่วง 3 ปีแรก (2551-2553) จะใช้วงเงิน 1,800 ล้านบาท โดยวงเงิน 1ใน 3 ประมาณ 600 ล้านบาท จะใช้สร้างความเข้าใจให้ประชาชนยอมรับ หรือปีละ 200 ล้านบาท ที่ใช้ประชาสัมพันธ์แนวทางดังกล่าว รวมทั้งจะเป็นการศึกษาและวางแผนโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ด้านเทคนิคโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ศึกษาความเหมาะสม การคัดเลือกสถานที่ตั้ง การประมาณการค่าใช้จ่าย ฯลฯ นอกจากนั้น จะมีการยกร่างกฎหมายเฉพาะในการกำกับดูแล มาตรฐาน และความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ ซึ่งจะยกร่างแล้วเสร็จภายในปีที่ 3 ซึ่งหากประเทศหรือรัฐบาลชุดใหม่จะตัดสินใจให้ดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็จะมีการเสนอร่างกฎหมายตามขั้นตอนทางนิติบัญญัติเพื่อให้มีการบังคับใช้ และจะสามารถเดินหน้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่อไปได้


 


 






คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


ชาวบ้านนับหมื่นคนลงชื่อ ต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน


ไอ.เอ็น.เอ็น. - ชาวบ้านในพื้นที่ อ.บางปะกง บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และ อ.พานทอง จ.ชลบุรี รวม 10,000 คน ได้ร่วมกัน ลงชื่อการต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่กำลังจะมีขึ้นในเขตพื้นที่ตำบลเขาดิน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะมีการก่อสร้างบริเวณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอบางปะกง และถนนสายมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-พัทยา หากบริษัทอิตาเลี่ยนไทยสามารถยื่นซองประกวดราคาก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดกำลังผลิต 700 เมกะวัตต์ และการประมูลรับซื้อไฟฟ้าโดยกระทรวงพลังงานในวันพรุ่งนี้ผ่านการอนุมัติจาก EIA


 


นายจิระศักดิ์ เกสร อายุ 30 ปี ตัวแทนสหพันธ์นักศึกษาภาคตะวันออกกล่าวว่า หากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าผ่านการอนุมัติในวันพรุ่งนี้ ตนในฐานะผู้ประสานงานบางปะกง ตัวแทนภาคประชาชนจะเดินหน้าต่อสู้คัดค้านการก่อสร้างให้ถึงที่สุด เพราะการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้น ถือว่า เป็นการนำหายนะมาสู่คนบางปะกง และพื้นที่ใกล้เคียงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากปริมาณถ่านหินที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงมากถึงวันละ 10,000 ตัน สามารถปล่อยก๊าซอันตรายได้ถึง 1 ก.ก.ต่อวินาที เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่อปอดและมะเร็งของคนในพื้นที่ รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่ออาชีพของชาวบ้านหากมีการขนส่งถ่านหินทางเรือลากจูง ในการเลี้ยงปลากระชังที่มีอยู่จำนวนมาก จึงได้มีการลงชื่อคัดค้านการอนุมัติที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยส่งมอบผ่าน นายสิทธิชัย กิตติกูล นายอำเภอบางปะกง ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป


 


ม็อบเกษตรสลายแล้ว


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังร่วมเจรจาแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ของสภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า กลุ่มผู้แทนที่ร่วมเจรจาทั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อพัฒนาการเกษตร กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน กรมส่งเสริมสหกรณ์และสมาคมธนาคารไทย ได้รับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 4 ข้อเรียกร้อง และร่วมลงนามในทุกฝ่าย รวมทั้งตนได้ลงนามในฐานะพยานด้วยโดยจะนำข้อหารือที่ได้ในวันนี้ นำเรียนนายกรัฐมนตรีและจะนำเข้าคณะรัฐมนตรีให้มีการพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตามภายหลังที่ นายธีรภัทร์ ได้ออกมารับปากว่า จะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเกษตรกรทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการสลายการชุมนุมอย่างสงบและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดการจราจรได้เต็มพื้นที่


 


ฝรั่งประท้วง ร.ร.ไทย เหตุ นร.แต่งชุดนาซีในงานกีฬาสี


ผู้จัดการออนไลน์ - เอเอฟพี - โรงเรียนทิวไผ่งาม ส่งหนังสือขอโทษกรณีนักเรียนแต่งตัวเลียนแบบทหารนาซี และเดินขบวนพาเหรดภายใต้เครื่องหมายสวัสติกะในงานกีฬาสี จากการเปิดเผยของผู้อำนวยการองค์กรต่อต้านนาซี


 


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าทำไมเรื่องถึงปรากฏออกมาในตอนนี้ ขณะที่ศูนย์ไซมอน ไวเซนธาล องค์สิทธิมนุษยชนยิว และระลึกถึงการทำลายล้างจากลัทธินาซี ได้ส่งหนังสือร้องเรียนมายังโรงเรียนในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา


 


ภาพแทนลัทธินาซีเป็นที่นิยมอย่างมากทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การประดับประดาบาร์หรือร้านอาหาร


โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานทูตอิสราเอลประจำเกาหลีใต้ ได้ร้องทุกข์เกี่ยวกับบาร์แห่งหนึ่งรอบนอกกรุงโซล ตกแต่งร้านด้วยเครื่องหมายสวัสติกะที่ประตูทางเข้าและติดโปสเตอร์ทหารนาซีถือปืนยาวอยู่ด้านใน


 


ทางศูนย์ไซมอน ไวเซนธาล ยอมรับคำขอโทษของโรงเรียนทิวไผ่งาม แต่ยังแสดงความกังวลต่อการสรรเสริญภาพแทนลัทธินาซีซึ่งเป็นที่แพร่หลายในภูมิภาคนี้


 






ภาคใต้


แจงวุ่น"อมเงินโจรใต้"


ผู้จัดการรายวัน - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการร้องเรียนจากผู้แจ้งเบาะแสว่ามีการยักยอกเงินสดที่ยึดได้จากการบุกค้นบ้านพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ และเป็นแนวร่วมสนับสนุนการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาซึ่งมีมากกว่า 30 ล้านบาทว่าได้รับรายงานเบื้องต้นแล้วว่ามีผู้ให้ข่าวว่ามีเงินมากกว่า 30 ล้านบาท แต่รายละเอียดต่างๆ ต้องรอผลการสอบสวนก่อน


 


ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันได้มีการแถลงว่า วงเงินที่สามารถยึดได้มีกว่า 30 ล้านบาท แต่ภายหลังกลับปรากฎมีข่าวออกมาว่า ประชาชนที่แจ้งเบาะแสได้ออกมายืนยันว่าจำนวนเงินน่าจะมีทั้งหมดประมาณ 90 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 30 ล้านบาท


 


เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนใต้ว่า เรื่องการสูญหายของเงินของกลางดังกล่าวน่าจะมีความเป็นไปได้ โดยมีการประเมินว่าเงินที่ถูกมัดไว้ในท่อพีวีซีนั้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70 ล้านบาท คงไม่ใช่ 90 ล้านบาท โดยฝ่ายที่โต้แย้งได้คำนวณจากท่อพีวีซี 7 เส้น มีเงินอยู่ในท่อประมาณ 10 มัด มัดละ 1 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 70 ล้านบาท ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่แถลงข่าวในวันนั้นคำนวณว่า มีเงินอยู่มัดละประมาณ 5 แสนบาท ซึ่งเมื่อรวมแล้วประมาณ 30 ล้านเท่านั้น


     


ด้าน พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปดูแลในเรื่องนี้และหากผู้ใดมีข้อมูลหรือเบาะแสเรื่องตัวเลขเงินที่หายไปสามารถแจ้งตำรวจให้สืบสวนเชิงลึก แต่เท่าที่ได้รับรายงานในวันตรวจยึดเงินของกลางมีการนับต่อหน้าสื่อมวลชน


 






พม่า


ผู้แทนพิเศษยูเอ็นระบุจีนให้ความช่วยเหลือเรื่องพม่าเป็นอย่างดี


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - นายอิบบราฮิม กัมบารี ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ กล่าวชื่นชมจีนที่มีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือเพื่อพยายามแก้ไขวิกฤติในพม่า โดยระบุว่า จีนมีส่วนช่วยให้เขาเดินทางเข้าพม่าได้เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้แทนสหประชาชาติ กล่าวว่า เขาสนับสนุนการเจรจากับรัฐบาลทหารพม่า แต่ไม่ได้ระบุว่าด้วยวิธีการใด และว่าทางการจีนได้กดดันให้รัฐบาลพม่าดำเนินตามแนวทางด้วยการผลักดันให้เจรจากับฝ่ายค้าน ขณะที่นายกัมบารีกำหนดจะเยือนพม่าอีกครั้งในเดือนหน้า


 


ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติจะผลักดันให้จีนดำเนินการกดดันต่อพม่าเพิ่มขึ้นอีก


กรมประชาสัมพันธ์ - นายอิบราฮิม  กัมบารี  ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติกล่าววันนี้ว่า  เขาจะขอให้จีนกดดันต่อรัฐบาลทหารพม่าเพิ่มมากขึ้นอีก  เพื่อเปิดการเจรจากับนางออง ซาน ซู จี   ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายค้าน หรือเอ็นแอลดี.  หลังจากที่รัฐบาลทหารพม่าได้ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงที่ให้การสนับสนุนการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างรุนแรงเมื่อเดือนที่แล้ว 


 


สหรัฐเสนอมาตรการลงโทษพม่าผ่านประเทศที่3


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้นำเสนอการเพิ่มการลงโทษรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งรวมถึงการปิดเส้นทางการเงินของสถาบันการเงินสหรัฐผ่านประเทศที่ 3 ด้วย เพื่อไม่ให้มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์อัญมณีจากพม่าผ่านประเทศที่ 3 และเพิ่มความเข้มงวดในการระงับเงินในบัญชีของนักการเมืองและผู้นำทหาร สำหรับมาตรการลงโทษทางการพม่าในครั้งนี้ เป็นการแสดงท่าทีไม่พอใจของสหรัฐอเมริกา ต่อกรณีที่ทางการพม่าปราบปรามการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยที่นำโดยพระสงฆ์อย่างรุนแรงเมื่อเดือนก่อน


 






ต่างประเทศ


บีบีซีเตรียมปลดพนักงานเกือบ3พันเหตุถูกสื่อเน็ตรุกหนัก


คมชัดลึก - ลอนดอน- คณะกรรมการบริหารบรรษัทกระจายเสียงของอังกฤษ (บีบีซี) เผยเมื่อวันพุธ (17 ต.ค.) ว่าได้อนุมัติแผนปรับปรุงบรรษัทครั้งใหญ่ในรอบ 6 ปี ซึ่งจะมีการปลดพนักงานราว 2,800 คน ส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายข่าวและรายการโทรทัศน์ และขายศูนย์ข่าวโทรทัศน์ในกรุงลอนดอนที่พนักงานหลายพันคนทำงานอยู่ เพื่อชดเชยเงินกองทุนบีบีซีซึ่งเป็นของรัฐที่ขาดหายไปราว 2,000 ล้านปอนด์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) ส่งผลให้สหภาพพนักงานไม่พอใจและขู่จะนัดหยุดงานประท้วง



เซอร์ไมเคิล ไลออนส์ ประธานกองทุนบีบีซี ทรัสต์ให้เหตุผลถึงการปลดพนักงานครั้งนี้ว่า บีบีซีกำลังเผชิญกับยุคอินเทอร์เน็ต โลกทุกวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลง บีบีซีจำเป็นต้องเตรียมตัวเองให้เข้ากับโลกที่ไม่ได้มีสื่อแค่เพียงโทรทัศน์และวิทยุ การเข้าชมเว็บไซต์กำลังเพิ่มมากขึ้น แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็สามารถรับข่าวสารข้อมูลทันเหตุการณ์ได้



 


ด้านแหล่งข่าวในสหภาพพนักงานหลายคนกล่าวว่า พนักงานไม่ได้รับคำชี้แจงจากฝ่ายบริหารที่จะบรรเทาจิตใจให้สงบลงได้เลยหลังได้ทราบข่าวการปลดพนักงาน ซึ่งทำให้เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สหภาพจะต้องออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่ผู้นำสหภาพขู่ว่าจะหยุดงานประท้วงแผนการนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่องานข่าวและสารคดี ตลอดจนคุณภาพของบีบีซี



 


 จีนประท้วงสหรัฐกรณีทะไล ลามะ


สำนักข่าวเนชั่น - โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนเปิดเผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ หยาง เจียฉี ได้เรียกเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง คลาค แรนด์ มารับหนังสือประท้วงต่อกรณีที่สหรัฐมอบเหรียญทองซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับพลเรือน ให้แก่องค์ทะไล ลามะ พร้อมเรียกความเคลื่อนไหวของสหรัฐที่มอบรางวัลให้กับคนที่พยายามทำให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยงว่า เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างชัดแจ้ง ซึ่งทำร้ายความรู้สึกของคนจีนทั้งประเทศและบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติอย่างรุนแรง


 


นอกจากนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยังได้เข้าร่วมในพิธี ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวร่วมกันในที่สาธารณะครั้งแรก ซึ่งยิ่งทำให้จีนไม่พอใจมากขึ้น มองกันว่าจีนแสดงปฏิกริยารุนแรงส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงสัปดาห์นี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่ระหว่างจัดการประชุมใหญ่ 5 ปีครั้ง ซึ่งความเคลื่อนไหวขององค์ทะไล ลามะในช่วงนี้อาจทำให้บรรดาผู้นำรู้สึกเสียหน้า


      


บุตโตดีใจได้กลับปากีสถาน


โพสต์ทูเดย์ - นางเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของปากีสถาน ซึ่งเดินทางกลับประเทศในวันนี้ หลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศนาน 8 ปี ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า ดีใจที่ได้กลับมายังปากีสถาน หลังรอคอยวันนี้มานาน ขณะที่มีผู้สนับสนุนกว่า 2 แสนคน พากันหลั่งไหลออกมาตามท้องถนนเพื่อต้อนรับการกลับมาของเธอ พร้อมจัดขบวนแห่ทั่วเมือง


ก่อนหน้านี้ นางบุตโต กล่าวมาโดยตลอดว่า เธอจะกลับประเทศเพื่อยุติการปกครองของเผด็จการทหาร แต่มาในวันนี้ เธอกลับมาในฐานะพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีเปรเวซ มูชาร์ราฟ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ และยึดอำนาจบริหารประเทศมาตั้งแต่ปี 2542 ขณะที่ประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ มีเสียงสนับสนุนดิ่งลงต่ำสุด จึงคาดกันว่าผู้นำปากีสถานอาจตกลงแบ่งสรรอำนาจกับนางบุตโต ในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำหนดจะมีขึ้นในต้นเดือนมกราคมปีหน้า และเชื่อว่า สหรัฐอาจให้การสนับสนุนทั้งสองโดยไม่เปิดเผย เพื่อหวังให้ปากีสถานช่วยปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และร่วมมือกับองค์การนาโต สร้างเสถียรภาพในอัฟกานิสถานด้วย


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net