วันที่
11 ต.ค.50 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดชุมพรและศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีนัดหมายให้ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก ผู้ควบคุมสถานที่ฝึกอบรมอาชีพในโครงการฝึกอบรมอาชีพ 4 เดือนทั้ง 2 แห่ง นำตัวผู้ถุกควบคุมตัวที่ยื่นคำร้องว่าถูกควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวทันที มาไต่สวนที่ศาล ทั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งศาลที่เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่รับคำร้องและไต่สวน โดยเบื้องต้นมีคำสั่งชี้ว่าคดีมีมูลขอให้ผู้ควบคุมตัวมาชี้แจ้งให้ศาลพอใจว่าการควบคุมตัวฝึกอบรมอาชีพนั้นชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ โครงการฝึกอบรมอาชีพ
4 เดือน นั้น เป็นโครงการของกองทัพที่จะรองรับผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้ถูกดำเนินคดี โดย พ.อ.อัคร ทิพย์โรจน์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) ระบุว่า ผู้อยู่ในโครงการคือผู้ที่ผ่านกรรมวิธีในการซักถามและคัดแยกแล้วว่าไม่ได้มีส่วนในการก่อเหตุหรือไม่มีหลักฐานชี้ชัดพอที่จะส่งดำเนินคดี ส่วนใหญ่เป็นแนวร่วม และประสงค์จะฝึกอาชีพในวิชาช่างต่างๆ โดยใช้สถานที่ใน 3 ค่ายทหาร ได้แก่ ค่ายวิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ค่ายกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร และค่ายรัตนรังสรรค์ จ.ระนองญาติผู้ถูกควบคุมตัวเพื่อฝึกอาชีพสี่เดือนจำนวนกว่า
70 คน และทนายความของมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.)ร่วมกับศูนย์ทนายความมุสลิม จะได้เดินทางไปร่วมรับฟังการพิจารณาคดี รวมทั้งนักสังเกตการณ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศจะร่วมเดินทางไปร่วมสังเกตุการณ์การพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยโดยขณะนี้มีความพยายามที่จะจัดโครงการระยะสั้นในญาติได้ไปเยี่ยมในระหว่างวันที่
10-14 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นการสร้างความสับสนให้กับญาติและผู้ถูกควบคุมตัวที่กำลังยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อตัดสิน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้และตลอดมาชาวบ้านได้ขอให้ปล่อยตัวกลับบ้านในช่วงเดือนถือศีลอดมาโดยตลอด และในวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ถูกควบคุมตัวแต่ละค่ายรวมทั้งสิ้นจำนวน 303 คน ได้ร่วมกันเขียนจดหมายขอกลับบ้านแต่ได้รับการปฏิเสธ ทำให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลให้ไต่สวนว่ากรณีการควบคุมตัวเพื่อฝึกอาชีพ 4 เดือนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
ขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐทุกฝ่ายสนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้กลไกทางกฎหมายได้อย่างเต็มที่เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐที่สำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ " นางอังคณา นีละไพจิตร กล่าว ซึ่งนางอังคณา ก็จะเดินทางไปร่วมสังเกตการณ์ในวันที่ 11 ต.ค.นี้พร้อมกับนักสังเกตุการณ์จำนวนหนึ่งด้วย
ข้อมูลเบื้องต้น
สรุป ณ ปัจจุบันมีผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดจำนวน
66 คน ในค่ายรัตนรังสรรค์ จังหวัดระนอง จำนวน 158 คน ในศูนย์ท่าแซะ ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จังหวัดชุมพร และจำนวน 79 คนในค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งสิ้น 303 คน ภายใต้โครงการอบรมอาชีพ 4 เดือน ซึ่งทั้งญาติและผู้ถูกควบคุมตัวได้ร้องเรียนต่อศาลว่า ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและถูกควบคุมตัว 7 วันตามอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 และถูกควบคุมตัวต่ออีก 30 วันตามอำนาจพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยถูกควบคุมตัว ณ ค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเมื่อครบกำหนดการควบคุมตัวตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะควบคุมตัวอีก แต่กับมีการข่มขู่ บังคับให้บุคคลเหล่านั้นเข้ารับการ "ฝึกอบรมวิชาชีพ" เป็นเวลา 4 เดือน โดยเจ้าหน้าที่ขู่ว่า หากปฏิเสธไม่เข้ารับการฝึกอบรมอาชีพจะส่งตัวไปดำเนินคดีและจะไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี ไม่ได้รับสิทธิในการพบทนายความ ไม่มีการตั้งข้อหา หรือหากกลับไปภูมิลำเนาก็อาจไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งทำให้ผู้ถูกควบคุมเกิดความหวาดกลัว ต้องจำยอมเข้ารับการฝึกอาชีพโดยไม่สมัครใจทั้งนี้ ศาลจังหวัดระนองได้รับคำร้องและกำหนดวันนัดไต่สวนผู้ควบคุมตัวและผู้ถูกควบคุมตัววันที่
18 ตุลาคม พ.ศ. 2550
--------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยุทธวิธี "แช่แข็ง" ส่งแนวร่วมฝึกอาชีพ 4 เดือน
นักสังเกตการณ์ (The Observers) : โครงการอบรมอาชีพ 4 เดือน ..ความสมัครใจที่ถูกบังคับ (ตอนที่ 1)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)