วันที่ 9 ต.ค.50 ในการจัดเวทีสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ครั้งที่ 1 "ปมปริศนาของการพัฒนากับสุขภาพของชาวระยอง" ณ หอประชุม โรงเรียนวัดป่าประดู่ ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง
ดร.
อย่างไรก็ตาม คุณภาพชีวิตของชาวระยองกลับไม่เติบโตตามไปด้วย โดยหากพิจารณาจากตัวชี้วัดทางสังคม พบว่า จังหวัดระยองมีอัตราผู้ป่วยเอดส์รายใหม่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 5 เท่า หรือประมาณ 15.8 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ขณะที่ทั่วประเทศมีค่าเฉลี่ยที่ 3.3 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน มีคดียาเสพติดที่จับกุม 318 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ขณะที่ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 170 คน และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับจังหวัดนครปฐมซึ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวในลำดับที่ 11 จะพบว่า จังหวัดระยองมีอัตราเด็กกำพร้า เด็กถูกทอดทิ้ง และเด็กได้รับเชื้อ HIV มีคดีประทุษร้ายและคดียาเสพติดสูงกว่าจังหวัดนครปฐม รวมถึงมีสัดส่วนประชากรที่ไม่ได้รับการศึกษา และอัตราครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษสูงกว่านครปฐมอีกด้วย
นอกจากนี้ เมื่อนำดัชนีความก้าวหน้าของคน (Human Achievement Index) ในรายงานการพัฒนาคน ปี พ.ศ.2550 ของโครงการพัฒนาของสหประชาชาติมาเป็นดัชนีเปรียบเทียบ ก็พบว่าจังหวัดระยองกลับมีดัชนีความก้าวหน้าของคนอยู่ในลำดับที่ 9 มีดัชนีครอบครัวและชุมชน และดัชนีการมีส่วนร่วมอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คืออยู่ในลำดับที่ 59 และ 57 ของประเทศ และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น คือ จังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวสูงที่สุดของประเทศเช่นระยอง กลับมีดัชนีทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับปานกลาง หรืออยู่ในลำดับที่ 24 ของประเทศ
"จากข้อมูลดังกล่าว จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวที่สูงที่สุดของประเทศ ไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าคุณภาพชีวิตของคนระยองจะดีขึ้นตามไปด้วย ในหลายตัวชี้วัด คุณภาพชีวิตของคนระยองอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของคนทั้งประเทศ แต่ในบางประเด็นตัวชี้วัด โดยเฉพาะมิติด้านสังคม จังหวัดระยองกลับต้องเผชิญกับปัญหาสังคมที่รุนแรงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมาก ดังนั้น การมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวมากกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศหลายเท่าตัว จึงไม่ได้ช่วยให้คุณภาพชีวิตของจังหวัดระยองดีขึ้นตามไปด้วย" ดร.
ดร.เดชรัตกล่าวด้วยว่าปัญหาสังคมที่เพิ่มสูงขึ้นในจังหวัดระยอง เกิดจากการไหลบ่าอย่างมากมายของแรงงานต่างถิ่น ทั้งชาวไทยและต่างด้าว โดยไม่มีการเตรียมการรองรับ ทำให้เกิดชุมชนใหม่ๆ ที่ไม่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อชุมชนและการพัฒนาชุมชน เกิดความแปลกแยกทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ หากพิจารณาในแง่การลงทุนทางสังคมจะพบว่าระยองมีการลงทุนทางสังคมในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ โดยเฉพาะรายจ่ายเฉลี่ยต่อหัวในด้านการศึกษา อยู่ที่ 2,495 บาท/หัว จากค่าเฉลี่ยของประเทศอยู่ที่ 3,005 บาท/หัว ด้านการเคหะและชุมชน อยู่ที่ 48 บาท/หัว จากค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 64 บาท/หัว ด้านศาสนา วัฒนธรรมและนันทนาการ อยู่ที่ 37 บาท/หัว ขณะที่ค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศอยู่ที่ 46 บาท/หัว
ดร.เดชรัต ชี้ว่าสาเหตุที่ทำให้ประชาชนจังหวัดระยองมีคุณภาพชีวิตสวนทางกับผลิตภัณฑ์มวลรวมนั้น มาจากนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจของจังหวัดระยองเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่มีระบบเศรษฐกิจสามขาที่สมดุลกัน คือ มีภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ ภาคการค้าและบริการ ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน กลายเป็น "เศรษฐกิจขาเดียว" โดยภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดถึงเกือบร้อยละ 80 ขณะที่ภาคบริการและภาคเกษตรเหลือสัดส่วนเพียงร้อยละ 18 และร้อยละ 3 ตามลำดับ การเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้โอกาสในการพัฒนาจังหวัดกระจุกตัวอยู่เฉพาะในภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเท่านั้น จึงไม่สามารถเพิ่มโอกาสและยกระดับการพัฒนาประชาชนโดยรวมในจังหวัดได้อย่างที่หวังไว้
ผลการศึกษาดังกล่าวจึงนำมาสู่ข้อเสนอแนะในการปรับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดระยองใหม่ โดยสร้างความสมดุลในโครงสร้างเศรษฐกิจ และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทางสังคม การศึกษา สุขภาพ วัฒนธรรม และสวัสดิการสังคม โดยต้องพิจารณาแนวทางในการลงทุนทางสังคมที่เกิดประสิทธิผลมากที่สุด
นาย
นาย
ทั้งนี้ เวทีดังกล่าวจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และมูลนิธินโยบายสุขภาวะ โดยมีประชาคมระยองทุกภาคส่วนเข้าร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง.