Skip to main content
sharethis

การเมือง


นปช.ประท้วงสนช.ปลด "จรัล"


เว็บไซต์คมชัดลึก -ตัวแทนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประมาณ 100 คน นำโดยนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ไปที่รัฐสภา เพื่อโจมตีมติสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กรณีการถอดถอน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำ นปช.รุ่น 1 ออกจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ชอบธรรม เพราะ สนช.ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตย ไม่มีสิทธิถอดถอนบุคคลที่มาตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยระหว่างที่บรรดาแกนนำปราศรัยอยู่นั้น ได้ปล่อยตัวเงินตัวทองที่หน้ารัฐสภา พร้อมทั้งวางพวงหรีดที่ทำจากฝาเข่งด้วย


 


 


สนช.เปิดช่องกม. มืออาชีพถือหุ้น 0.5%


เว็บไซต์สยามรัฐ -การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 2 ต.ค. ซึ่งมี นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธาน ได้พิจารณามีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีการปรับเพิ่มข้อความให้มืออาชีพจากภาคเอกชนเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจได้ หรือถือหุ้นบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจนั้นได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 เพราะจะทำให้มีภาคเอกชนเข้ามาบริหารและพัฒนารัฐวิสาหกิจอย่างมีประสิทธิภาพ และถือเป็นสิทธิพื้นฐาน อีกทั้งจำนวนหุ้นไม่มีมูลค่าเพียงพอกับการหาผลประโยชน์ทับซ้อนตามที่หลายฝ่ายกังวล


 


 


สนช.มติเอกฉันท์ 85เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน-รวม กม.สถาบันการเงิน-ธุรกิจหลักทรัพย์-แบงก์พาณิชย์-ฟองซิเอร์ เป็นฉบับเดียวกัน


เว็บไซต์แนวหน้า - ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยนาย สมหมาย ภาษี รมช.คลัง ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า เป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์และกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ และรวมเป็นฉบับเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบันการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์  ธุรกิจเงินทุน และธุรกิจฟองซิเอร์ อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ ทำให้การกำกับดูแลแตกต่างกัน และช่วงที่ผ่านมาประเทศได้ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันการเงิน และความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ฝากเงินโดยรวม จึงสมควรปรับปรุงมาตรการในการกำกับดูแลสถาบันการเงินดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวที่เกี่ยวข้องรวมเป็นฉบับเดียวกัน เพื่อให้การควบคุมดูแลเป็นมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนการเพิ่มเติมบทกำหนดโทษสำหรับความผิดที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม



ภายหลังการอภิปรายของสมาชิก ที่ประชุมได้ลงมติด้วยคะแนนเอกฉันท์ 85 เสียง รับหลักการร่างพ.ร.บ.นี้ ตั้งกมธ. วิสามัญขึ้นมา 25 คน แปรญัตติ 7 วัน


 


 


อนุกมธ.คลื่นฯ วางกรอบ ก.ม.กระจายเสียง


เว็บไซต์คมชัดลึก -คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการดำเนินงานขององค์กรของรัฐที่ทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ได้ประชุมนัดแรก โดยมี นายสุรพล นิติไกรพจน์ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ นายชาญณรงค์ จันทรโชติ พล.ต.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม นายปราโมทย์ รัฐวินิจ นายวรุธ สุวกร นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ นายโอฬาร เพียรธรรม นายชุติเดช บุญโกสุมภ์ เป็นอนุกรรมาธิการ



นายสุรพลได้กำหนดกรอบเวลาทำงานของอนุกรรมาธิการโดยให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว 3-4 ฉบับให้อนุกรรมาธิการพิจารณา และขอให้นายสมเกียรตินำเสนอรายงานของกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ ที่เคยศึกษาในเรื่องนี้ ให้อนุกรรมาธิการรับฟัง ในการประชุมวันพุธที่ 10 ตุลาคม2550 โดยจะยึดรายงานดังกล่าวเป็นหลักในการพิจารณาและหารือในข้อบกพร่องของประเด็นต่างๆ เพื่อแก้ไข ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามารับฟังและเสนอความเห็นในวงกว้าง รวมทั้งปรับแก้ตามความเหมาะสม โดยคาดว่า ช่วงเดือนมกราคม หรือกุมภาพันธ์ 2551 น่าจะสรุปเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเสนอรัฐบาลต่อไปได้


 



ขณะที่นายสมเกียรติ เสนอให้อนุกรรมาธิการกระตุ้นให้รัฐบาลนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. ... ที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติเคยเสนอกลับมาพิจารณา เพื่อป้องกันช่องว่างและสุญญากาศ ระหว่างรอรัฐบาลใหม่เข้ามาทำหน้าที่ แต่นายสุรพลคาดว่า ในช่วงเดือนตุลาคมนี้จะออกพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง และเมื่อไม่มีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จะให้คณะรัฐมนตรีเสนอกฎหมายดังกล่าวค่อนข้างยากและถือเป็นมารยาทในช่วงที่พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ รัฐบาลจะไม่เสนอกฎหมายใดๆ ขึ้นพิจารณา แต่ก็เชื่อมั่นว่าจะพิจาณาร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วเสร็จไม่เกิน 2 ปี


 


 


 


ความมั่นคง


โรงเรียนในนราฯกว่า 100 แห่ง ปิดก่อนกำหนด


เว็บไซต์แนวหน้า -โรงเรียนพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดนราธิวาส กว่า 100 แห่ง ใน 7 อำเภอ คือ อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ อ.สุไหงปาดี อ.ตากใบ และ อ.เจาะไอร้อง ได้ประกาศปิดเรียนก่อนกำหนด จากเดิมวันที่ 10 ตุลาคม หลังจาก เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.)เกิดเหตุคนร้ายยิงอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านลาไม อำเภอระแงะ บาดเจ็บ 3 นาย และครู 1 คน  ทำให้ครูไม่มั่นใจความปลอดภัย



สำหรับอาการบาดเจ็บนางจิระณา โทสัน ครูโรงเรียนบ้านลาไม ล่าสุดแพทย์โรงพยาบาลระแงะอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว โดยนัดมาดูอาการเป็นระยะ ส่วนอาสาสมัคร 3 นาย คือ อส.แวสะมะแอ แวมามะ อส.นิฮารง มามะ และ อส.มะไซนูนิน แม่กลอง ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์


 


 


เศรษฐกิจ


นักวิชาการยกมือหนุนธปท.  คงมาตรการกันสำรอง30%


เว็บไซต์แนวหน้า - ในงานสัมมนาวิชาการประจำปีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การบริหารความเสี่ยงทางการเงินในทศวรรษหน้า บทความเรื่อง "ช้างใหญ่ บ่อน้ำเล็ก และการจัดการกับเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจไทย" โดยผู้เสนอบทความ คือ นายยรรยง ไทยเจริญ นายอัศวิน อาฮูยา และนายสรา ชื่นโชคสันต์


 



นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้บริหารทีม ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า การดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายมีหลายๆ มาตรการที่ใช้เพื่อดูแลในระยะยาว แต่ในระยะสั้นเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการเพื่อดูแลเงินทุนระยะสั้นที่ไหลเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งผลจากการศึกษาประสบการณ์ของประเทศต่างๆ เกี่ยวกับตลาดทุน เงินกู้และเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ พบว่า การเปิดเสรีเงินทุนสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นมีผลทำให้ต้นทุนของเงินลดลง ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงขึ้นอย่างน้อยประมาณ 5 ปี โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงในสาขาการผลิตที่เชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆ


 



ทั้งนี้ ในระยะยาวหากยังใช้มาตรการควบคุมเงินทุนไหลเข้า อาจจะมีผลต่อสภาพคล่องในประเทศที่บิดเบือน เงินทุนต่างชาติที่เข้ามาอาจไม่มีความมั่นใจต่อนโยบาย และส่งผลให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อระบบการลงทุนในประเทศและโครงสร้างการลงทุน ดังนั้นการเปิดเสรีด้านเงินทุนเห็นว่าประเทศไทยยังมีความจำเป็น แต่จะต้องดูแลให้เหมาะสมและโปร่งใส และการลงทุนในตลาดทุน ขณะนี้ต้องรองรับความผันผวนของเงินทุนที่ไหลเข้ามามากขึ้น


 



สำหรับหนึ่งทศวรรษหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียส่วนใหญ่เริ่มฟื้นตัว และมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี และภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ประเทศที่มีขนาดเล็กและค่อนข้างเปิดต่อการค้าและการเงินเหล่านี้ต่างต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่เสรีขึ้น เพื่อช่วยยกระดับการกินดีอยู่ดีของคนในประเทศ สะท้อนได้จากสัดส่วนผลผลิตมวลรวมที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชีให้เห็นว่าความเชื่อมโยงด้านตลาดเงินโลกมีมากขึ้น ทางด้านนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มาตรการกันสำรอง 30 % ที่หลายฝ่ายอยากให้ยกเลิก ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า ธปท.ยืนยันว่า มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว โดย ธปท.จะต้องหามาตรการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนในระยะข้างหน้าว่า ควรจะมีอะไรบ้าง ซึ่งยอมรับว่า ค่อนข้างยาก แต่กำลังพิจารณาอยู่ โดยระยะสั้นหากมีปริมาณเงินทุนเข้ามามากจนกระทั่งบิดเบือนจะต้องมีมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้น 30 %ไว้ดูแล


 



ขณะที่ รศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการกันสำรอง 30% ในบางส่วน โดยเฉพาะใน ประเด็นการป้องกันการเก็งกำไรจากค่าเงิน โดยป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลเข้ามากจน เกินไปและมองในอีกมุมหนึ่งมาตรการดังกล่าวยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในกรณีฉุกเฉิน เช่น เงินทุนไหลเข้าอย่างรุนแรง


 



ด้านดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กรรมการผู้จัดการกลุ่มวิจัยเศรษฐกิจ บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ประเด็นหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลง ทุนต่างชาติคือ กฏเกณฑ์ของทางการในประเทศนั้นๆ ซึ่งเท่าที่ดูของไทยในขณะนี้ นโยบายยังมีขัดแย้งในตัวเอง เช่น ไทยมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส เพื่อดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน ในขณะที่มาตรการ 30% กลับป้องกันเงินทุนจากต่างชาติที่จะไหลเข้ามา มากเกินไป นอกจากนี้ BOI ก็ได้ออกไปเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติเช่นเดียวกัน ซึ่งขัดแย้งกับกฏหมายต่างด้าวของไทยที่อยู่ระหว่างการแก้ไขและเพิ่มความเข้มงวดกับ สัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น


 


คุณภาพชีวิต


ยก"สำนักเฝ้าระวัง" รับภารกิจตรวจหนัง


เว็บไซต์ข่าวสด -คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า ตนได้รับหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร.แจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในระดับกรม/เทียบเท่าสังกัด วธ. ว่า ก.พ.ร.มีมติดังนี้ 1.เห็นชอบให้รวมงานทะเบียนและตรวจสอบภาพยนตร์ เทป วัสดุโทรทัศน์ ที่สำนังานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) รับผิดชอบกับกลุ่มเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสำนักงานปลัดกระทรวง และจัดตั้งเป็นสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ในสังกัดสำนักปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (สป.วธ.) 2.เห็นชอบให้ปรับปรุงกองการสัมพันธ์ต่างประเทศ สังกัด สป.วธ. เป็นสำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ



"การยกฐานะกลุ่มเฝ้าระวังฯ ให้เป็นสำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม จะมีภารกิจมากขึ้น โดยจะทำหน้าที่เฝ้าระวังความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรมของสังคม รวมทั้งต้องทำหน้าที่เฝ้าระวังหน่วยงานในสังกัด วธ. ได้แก่ กรมศิลปากร สวช. สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กรมการศาสนา (ศน.) ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (ศมส. )ด้วย เพื่อนำข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าวมาศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และจัดทำเป็นเป็นฐานข้อมูลให้แก่หน่วยงานต่างๆ ใช้ปรับปรุงแก้ไขงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดด้วย นอกจากนี้วธ.ยังได้เสนอให้ ก.พ.ร.พิจารณาปรับตำแหน่งผู้บริหารสำนักจาก 8 ว (วิชาการ) ให้เป็นระดับ 8 หรือ 9 บ (บริหาร)" รมว.วัฒนธรรม กล่าว



 


ถกปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 16 ต.ค.ก่อนเสนอ ครม.บังคับใช้ 1 ม.ค.


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะอนุกรรมการวิชาการและกลั่นกรองค่าจ้างขั้นต่ำ กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปีนี้ อนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด 65 จังหวัด ได้ส่งตัวเลขการขอปรับค่าจ้างมาที่กระทรวงแรงงานแล้ว ซึ่งมีจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18 จังหวัด และภาคเหนือบางส่วน ไม่ขอปรับค่าจ้าง อาทิ น่าน แม่ฮ่องสอน ส่วนภาคใต้และภาคกลางเสนอขอปรับตามปกติ


 


โดยปีนี้อนุกรรมการวิชาการฯ ได้เสนอตามที่อนุกรรมการฯ จังหวัดขอมาตั้งแต่ 1-8 บาท โดยจังหวัดสระแก้ว เสนอปรับขึ้น 1 บาท ส่วนกรุงเทพมหานครขอปรับขึ้น 7 บาท แต่ถูกตัดเหลือ 2 บาท เนื่องจากอนุกรรมการจังหวัดเห็นว่าค่าจ้างกรุงเทพฯ ขณะนี้ได้รับค่าจ้างวันละ 191 บาท ถือเป็นอัตราที่สูงอยู่แล้ว แต่อนุกรรมการวิชาการฯ เห็นว่าควรปรับให้วันละ 4 บาท จึงจะเหมาะสม ซึ่งต้องมีการหารืออีกครั้งในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และประกาศใช้มีผล 1 มกราคม 2551 เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับค่าจ้างในจังหวัดปริมณฑล เช่น จ.สมุทรปราการ ที่เสนอขอปรับขึ้น 6 บาท จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดเลย ได้ขอปรับสูงสุดในอัตราวันละ 8 บาท ส่วนจังหวัดที่เหลือเสนอปรับตั้งแต่ 3-7 บาท


         


ด้านนางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า หากมีการปรับค่าจ้างกรุงเทพฯ วันละ 2-4 บาท ถือว่าไม่พอกับค่าครองชีพสูง เนื่องจากรัฐบาลเตรียมประกาศขึ้นราคาสินค้าบางอย่างแล้ว อาทิ เช่น น้ำปลา น้ำตาล และประกาศลอยตัวราคาแก๊สหุงต้นในเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่ารัฐบาลควรควบคุมราคาสินค้า และเพิ่มค่าจ้างเป็นวันละ 233 บาท เพราะขณะนี้รัฐวิสาหกิจและข้าราชการ ได้ประกาศขึ้นเงินเดือนร้อยละ 4 แล้ว


 


 


พนักงานบริษัท ซัมมิท กว่าสองร้อยคนประท้วง


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น-ช่วงเย็นที่ผ่านมา พนักงานแผนกสร้างแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ ของบริษัท ซัมมิท เอ็นจิเนียริ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 92 หมู่ 4 ถนนบางนา-ตราด หลักกิโลเมตรที่ 23 ขาออก ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ กว่า 200 คน รวมตัวกันปักหลักประท้วงอยู่ที่บริเวณปากทางเข้าออกบริษัท เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้บริหารบริษัทเลิกจ้างพนักงานฝ่ายผลิต 16 คนออกจากงานโดยอ้างเหตุผลว่า ทางบริษัทกำลังประสบปัญหาขาดทุน เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จำเป็นต้องปรับลดกำลังคนในบริษัท


         


โดยนายอุทัย อนุพันธ์ อายุ 43 ปี หนึ่งในคนงานที่ถูกเลิกจ้าง และเป็นประธานสหภาพแรงงาน บอกว่าสาเหตุที่นายจ้างนำมากล่าวอ้าง ในการเลิกจ้างถือว่าฟังไม่ขึ้น แต่ตนเชื่อว่าสาเหตุที่พวกตนทั้ง 16 คนถูกเลิกจ้างในครั้งนี้ น่าจะมาจากการที่พนักงานทุกคนได้ประชุม และลงมติให้มีการก่อตั้งสหภาพแรงงานขึ้นภายในบริษัท เพื่อสวัสดิภาพของพนักงานทุกคน ซึ่งพวกตนได้ก่อตั้ง และได้รับอนุญาตจากสำนักแรงงานจังหวัดสมุทรปราการ และเปิดประชุมใหญ่สามัญเมื่อวันที่ 30 กันยายน 50 ซึ่งในกลุ่มสหภาพมีสมาชิกทั้งหมดกว่า 200 คน หลังจากที่มีการประชุมสมาชิกของสหภาพแรงงานทั้งหมด


         


ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากที่พวกตนเดินทางมาทำงานตามปกติ นายพิชัย สุจริตจันทร ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบุคคล ของบริษัทได้เรียกพวกตนทั้ง 16 คน ได้เข้าไปพบ พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือเลิกจ้างให้กับพวกตนทั้ง 16 คน โดยอ้างเหตุผลว่า ทางบริษัทกำลังประสบปัญหาเรื่องการขาดทุน จำเป็นต้องปรับลดจำนวนพนักงานลง หลังจากที่พนักงานทุกคนทราบว่า พวกตนถูกเลิกจ้าง จึงได้แสดงความไม่พอใจ ที่อยู่ ๆ พนักงานทั้ง 16 คน ถูกเลิกจ้างแบบสายฟ้าแลป โดยไม่มีเหตุผลและไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้รวมตัวกันออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าบริษัท เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ในขณะเดียวกันนายบุญยิ่ง มหิชาติ ฝ่ายสวัสดิการแรงงานสหภาพแรงงานแห่งประเทศไทย หลังจากทราบเรื่องได้เดินทางมาช่วยเหลือพนักงาน เพื่อเรียกร้องสิทธิ์


         


จนกระทั่งเวลา 22.00 น.ก็ยังไม่มีผู้บริหารของบริษัทมาให้คำตอบแต่อย่างใด พนักงานทั้งหมดจึงได้ตกลงกันว่า หากในวันพรุ่งนี้ยังไม่ได้รับคำตอบจากนายจ้าง พนักงานทั้งหมดก็จะเคลื่อนขบวนเข้าร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองแรงงงานและสวัสดิการกระทรวงแรงงาน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อไป


 


รมว.พลังงานเร่งเดินหน้าโครงการพลังงานถ่านหินและนิวเคลียร์


กรมประชาสัมพันธ์ -นายปิยสวัสดิ์  อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวถึงแผนพัฒนาผลิตไฟฟ้าระยะยาวว่า พลังงานนิวเคลียร์และพลังงานจากถ่านหินเป็นนโยบายหลักที่กระทรวงพลังงาน จะเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชน และกลุ่ม NGO ถึงความปลอดภัยและความจำเป็นในการใช้ เนื่องจากราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นและยังไม่มีพลังานทดแทนใดทดแทนได้ ทั้งนี้จะมีการเตรียมบุคลากรทั้งในองค์กรและโรงไฟฟ้า พร้อมกับจะผลักดันให้มีกฏหมายคุ้มครองความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน คาดว่าจะสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินในปี 2557 และในปี 2563 สำหรับพลังงานนิวเคลียร์


 



ด้านนายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกล่าวด้วยว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะพิจารณาจากพื้นที่ ที่เห็นด้วยก่อน ทั้งนี้ไม่อยากให้กังวลกับผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดี ถ่านหินที่ใช้มีกำมะถันน้อย มีเครื่องจับฝุ่นละอองได้ร้อยเปอร์เซนต์ นอกจากนี้โรงงานไฟฟ้ามีเงินกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนที่อยู่โดยรอบ 100 ล้านบาท



 


ศธ.ประกาศใช้หลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงในภาคเรียนที่ 2 ปี 50


กรมประชาสัมพันธ์ -นายวิจิตร  ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวถึงการมอบชุดหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงหรือ E-book ว่า เป็นความร่วมมือระหว่างบุคลากรทางการศึกษา ครูอาสาสมัครจากสถานศึกษาทุกสังกัดและคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านสถาบันการศึกษาและเยาวชน เพื่อสนองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในส่วนปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง โดยหลักสูตรดังกล่าวมุ่งเน้นให้เยาวชนมีอุปนิสัยและพฤติกรรมการพอเพียง ผ่านการเรียนการสอนและกิจกรรมที่พัฒนาผู้เรียนสอดคล้องกับสภาพพื้นที่


 



อย่างไรก็ตามชุดหลักสูตรดังกล่าว จะนำไปใช้ในระบบการศึกษาของชาติภายใต้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานการอาชีวศึกษา สำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน ตลอดจนสถานศึกษาเอกชนและสถานศึกษาภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ โดยจะประกาศใช้พร้อมกันทั่วประเทศในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษา 2550



 


ต่างประเทศ


โพลชี้ชาวแคนาดาอยากยกเลิกระบอบกษัตริย์


เว็บไซต์เดลินิวส์ -ผลสำรวจความเห็นชาวแคนาดาพบว่า ผู้ตอบเกินครึ่งต้องการให้ยกเลิกระบอบกษัตริย์อังกฤษและรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษ ทรงเป็นพระประมุขของแคนาดา อังกุสเรด สแตรทีจีส์ สำรวจความเห็นผู้ใหญ่ชาวแคนาดา 1,032 คน ทางอินเทอร์เน็ต พบว่าร้อยละ 53 ต้องการให้แคนาดายกเลิกระบอบกษัตริย์อังกฤษในแคนาดา กลุ่มผู้ชายและกลุ่มผู้พูดภาษาฝรั่งเศสสนับสนุนเรื่องนี้มากที่สุด ขณะที่กลุ่มผู้หญิงและกลุ่มผู้มีรายได้เกินปีละ 50,000 ดอลลาร์แคนาดา (ราว 1.7 ล้านบาท) สนับสนุนให้คงระบอบปัจจุบันมากที่สุด



 


ชี้โอโซนขั้วโลกใต้โหว่ 1 ใน 3 แล้ว


เว็บไซต์คมชัดลึก -สำนักงานอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) แถลงเมื่อวันพุธ (3 ต.ค.) ว่าปริมาณโอโซนที่ช่วยปกป้องโลกจากรังสีอันตรายในอวกาศที่บริเวณขั้วโลกใต้ได้ลดลงอีก 30 เปอร์เซ็นต์ หรือราว 27.7 ล้านตันในปีนี้ อันเป็นมาจากการใช้สารเคมีของมนุษย์ที่ระเหยขึ้นไปทำลายโอโซน ซึ่งปีที่แล้วถูกทำลายไปมากถึง 40 ล้านตัน โดยอีเอสเอแถลงว่า ช่องโหว่นี้มีขนาดใหญ่ถึง 24.7 ล้านตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับขนาดของทวีปอเมริกาเหนือทั้งทวีป



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net