วันที่ 26 ก.ย. 50 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ได้พิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงตามญัตติถอดถอน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย จากกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ สนช. พิจารณาเสร็จแล้ว
ทั้งนี้ นายมีชัย แจ้งว่า การพิจารณาถอดถอนกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะต้องใช้เสียง 3 ใน 5 คือ 150 เสียง ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งนายคำนูณ สิทธิสมาน สนช.เป็นผู้เสนอญัตติดังกล่าว โดยเสนอให้เป็นการประชุมลับ
จากนั้นได้มีการประชุมลับเพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง และในที่สุดที่ประชุมได้ลงมติ และปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 156 เสียง ให้ถอดถอนนายจรัล ไม่ให้ถอดถอน 1 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้นายสมชาย แสวงการ และนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ สนช. ร่างคำแถลงการณ์ชี้แจงการลงมติถอดถอนนายจรัล
สำหรับผลการลงมติของ สนช.ดังกล่าว จะมีผลทำให้นายจรัล ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมลับ คณะกรรมาธิการฯได้เปิดเทปเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้สมาชิกได้ตัดสินใจ ประกอบกับคำให้การของนายจรัล เองที่ยอมรับว่า มีการละเมิดสิทธิคนอื่นจริง ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า พฤติกรรมของนายจรัลไม่เหมาะสม และไม่เป็นกลาง
สำหรับการถอดถอนนายจรัลนั้น ถือเป็นครั้งแรกของสมาชิก สนช. ที่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการถอดถอนกรรมการองค์กรอิสระ
อนึ่งก่อนหน้านี้ ศ.เสน่ห์ จามริก ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระบุว่า ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทั้ง 8 คน เห็นพ้องกันว่านายจรัล มีสิทธิที่จะกระทำการใดๆ โดยอาศัยสิทธิส่วนตนจึงไม่สามารถถอดถอนนายจรัลได้ สิ่งที่ทำได้เป็นแต่เพียงการพูดจาตักเตือนเสนอแนะเท่านั้น และเท่าที่ดูเห็นว่าการกระทำทั้งหมดของนายจรัล เป็นกระบวนการใช้สิทธิในทางการเมืองที่เป็นเรื่องส่วนตัว สังคมสามารถแยกแยะออกได้ว่าเป็นการกระทำส่วนตัวหรือในนามองค์กร หากมีการกระทำผิดประชาชนจะพิจารณาได้เอง
-------------------------------------------
เรียบเรียงจาก : http://www.bangkokbiznews.com
