เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 50 เวลา 14.00 น. 3 องค์กรสิทธิมนุษยชน นำโดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.) คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) และศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) ร่วมกันแถลงข่าว เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การรัฐประหาร ในหัวข้อ "ข้อเสนอต่อการเมืองไทย เนื่องในครบรอบ 1 ปีการรัฐประหาร" ณ ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา (ด้านหลัง) สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน
นาย
ข้อเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ครส. มีข้อเสนอต่อคมช.ว่า ให้พล.อ.
นอกจากนี้ สมาชิกใน คมช. ควรยุติบทบาททางการเมืองอย่างน้อย 5 ปี เพื่อสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ เร่งนำกองทัพกลับสู่กรมกองเดิม ยุติบทบาท "ทหารนำการเมือง" กลับคืนสู่ "ทหารอาชีพ" เพื่อทำหน้าที่ที่แท้จริงต่อไป
ข้อเสนอต่อ รัฐบาลเฉพาะกาล
ในแถงการณ์ระบุว่า ภายใต้การนำของ พล.อ.
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยุติการพิจารณากฎหมายที่ขัดต่อการกระจายอำนาจและการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย อาทิ กฎหมายที่ให้มีการต่ออายุกำนันผู้ใหญ่บ้านถึง 60 ปี พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ยุติการผลักดัน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร รวมทั้งร่าง พ.ร.บ.การนำมหาวิทยาลัยออกนอกระบบที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และร่างกฎหมายว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ ที่ให้อำนาจรัฐนำรัฐวิสาหกิจมาเปลี่ยนสภาพเพื่อการกระจายหุ้นแก่เอกชน อันเป็นการขายสมบัติสาธารณะของชาติ
ข้อเสนอต่อพรรคการเมือง
จากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดให้มีการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค.50 ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ย้อนถอยหลังกลับไปใช้ระบบการเลือกตั้งก่อนปี 2540 ซึ่งทำให้เกิดรัฐบาลผสมหลายพรรค จนมีบทเรียนการยุบสภาหลายครั้ง ดังนั้นพรรคการเมืองจะต้องร่วมกันสรุปบทเรียน สร้างรัฐบาลผสมที่เข้มแข็ง เพื่อการพัฒนาประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องต่อไป
นายเมธา เรียกร้องให้พรรคการเมืองมีการแข่งขันทางอุดมการณ์และนโยบายให้มากขึ้น แม้ว่ารัฐธรรมนูญจะไม่เอื้ออำนวย เพื่อให้ประชาชนเลือกพรรคที่อุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายของพรรค ไม่ใช่การเน้นที่ตัวบุคคล ผู้สมัคร หรือหัวหน้าพรรค
ในส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ควรส่งเสริมให้ประชาชนและองค์การระหว่างประเทศมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เพื่อร่วมกันจับตาอำนาจทุนซึ่งจะมีบทบาทในสนามเลือกตั้งอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น รวมถึงอำนาจรัฐซึ่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งกำลังอนุญาตให้ราชการดำเนินการเพื่อขนส่งประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ซึ่งอาจมีการใช้กลไกนี้เอื้อผลประโยชน์ให้กับบางกลุ่มผลประโยชน์ที่อิงแอบอำนาจรัฐได้
ด้านนาย
4.ร่าง พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.... ผ่านการพิจารณาของ สนช.เมื่อ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา 5.ร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.... 6.ร่าง พ.ร.บ.ปราบปรามวัตถุยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ.... 7.ร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 (ฉบับแก้ไข) 8.ร่าง พ.ร.บ.กองทุนส่งเสริมภาพยนตร์ พ.ศ....
ซึ่งกฎหมาย 8 ฉบับดังกล่าว ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการสื่อสารของภาคประชาชนในประเด็นการใช้อำนาจของการควบคุมสื่อในนามของความมั่นคงและศีลธรรมอันดี และการใช้อำนาจรัฐในการกำหนดโครงสร้างสื่อที่สำคัญ
นายสุเทพกล่าวถึงข้อเสนอของ คปส. ว่า มีข้อเสนอต่อกองทัพและคมช. 2 ข้อ คือ 1.ยุติการคุกคามต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนในทุกรูปแบบ รวมถึงยกเลิกการประกาศพื้นที่กฎอัยการศึกโดยเร่งด่วน และ 2.ให้กองทัพในฐานะหน่วยงานของรัฐแสดงเจตจำนงในการคืนคลื่นความถี่วิทยุและวิทยุโทรทัศน์ที่ถือครองทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยวิทยุ 201 สถานี และสถานีวิทยุโทรทัศน์ 2 สถานี เพื่อให้เกิดการปฏิรูปสื่อโดยภาครัฐ
ส่วนข้อเสนอต่อรัฐบาลเฉพาะกาลและสนช. ในฐานะกลไกการออกกฎหมาย ขอให้ยุติกระบวนการพิจารณาและออกกฎหมายสื่อทุกฉบับที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของประชาชน โดยเฉพาะในร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ พ.ศ.... และร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 (ฉบับแก้ไข) เพื่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้พิจารณา และเป็นการเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตย
ข้อเสนอสุดท้าย นายสุเทพ เรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงกรณีการจับกุมตัวผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 2 ราย ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ไม่เช่นนั้นแล้วจะถือว่ารัฐบาลได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการละเมิดสิทธิความเป็นพลเมืองของภาคประชาชน
ส่วนนาย
บทเรียนข้อต่อมาที่นายวรภัทร ได้กล่าวถึง คือ ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในคณะผู้ก่อการรัฐประหาร พวกพ้องซึ่งได้รับการแต่งตั้งเข้าไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลและในรัฐวิสาหกิจ โดยงบประมาณทางทหารที่มากขึ้นและงบลับทางการทหารยังไม่ได้รับการตรวจสอบ รวมถึงความผิดของนายกรัฐมนตรีกรณีที่ดินบนเขายายเที่ยง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องไม่เคยแสดงความบริสุทธิ์ใจตอบคำถามต่อสังคม
นอกจากนี้นายวรภัทรได้กล่าวถึงรัฐธรรมนูญ 2550 ว่า มุ่งการลดอำนาจนักการเมือง แต่ขณะเดียวกัน คือการเจตนาฉกฉวยลดอำนาจประชาชนไปในตัวเอง ตัดทอนอำนาจที่นักการเมืองสมควรยึดโยงกับประชาชนตามหลักการประชาธิปไตยสากล และยังสร้างความอ่อนแอให้ระบบพรรคการเมือง โดยเพิ่มอำนาจให้ตุลาการและองค์กรอิสระซึ่งขาดความยึดโยงกับประชาชน นำไปสู่ภาวะที่ฝ่ายการเมืองถูกควบคุมอำนาจโดยฝ่ายตุลาการ และ 3 อำนาจอธิปไตยไขว้กันไปมาจนขาดดุล
"ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) เห็นว่า การรัฐประหารครั้งนี้ ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการปฏิรูปการเมืองดังที่ได้ให้สัญญาไว้ และเป็นการพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีการรัฐประหารครั้งใดที่สามารถนำสังคมไปสู่ทิศทางที่ดีกว่าเดิมได้จริง ไม่มีการรัฐประหารครั้งใดที่ผู้เกี่ยวข้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการรัฐประหาร และการรัฐประหารครั้งนี้อาจจะต้องถูกเรียกว่าเป็นการปฏิวัติถอยหลังเพื่อย้อนกลับไปสู่ระบอบอำมาตยาธิปไตย หรือประชาธิปไตยครึ่งใบ" นายวรภัทรกล่าว
ในส่วนข้อเสนอครบรอบ 1 ปี การรัฐประหาร ตัวแทนศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD) ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ คมช. หยุดสืบทอดอำนาจ โดยการลาออกจากตำแหน่งในทันที เพื่อยุติบทบาทของ คมช. และหยุดฉวยโอกาสคงอำนาจต่อไป ตามมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ 2550 และขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกและการออกกฎหมาย พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งเป็นการต่อท่ออำนาจระบอบกองทัพในอนาคต เพื่อแสดงความจริงใจต่อประชาชนและจิตใจทหารอาชีพเป็นครั้งสุดท้าย
เอกสารประกอบ
แถลงการณ์โดย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (ครส.)
แถลงการณ์โดย ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (YPD)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)