Skip to main content
sharethis





การเมือง


ทรท.ปล่อยคาราวาน ไม่รับร่าง รธน.


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - แกนนำกลุ่มไทยรักไทยนำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานที่ปรึกษากลุ่มไทยรักไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี พร้อมด้วยอดีต ส.ส.กว่า 20 คน ได้ทำการปล่อยคาราวานรถกระบะสีแดงประมาณ 100 คัน โดยมีป้ายข้อความ 19 สิงหาคมไปกาไม่รับร่าง อยู่ที่ข้างรถทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งนี้ได้จัดแบ่งคาราวานดังกล่าวเป็น 3 สาย คือกรุงเทพเหนือ กรุงเทพใต้ และกรุงเทพตะวันออก รวมทั้งปริมณฑล จ.สมุทรปราการ ปทุมธานีด้วย อย่างไรก็ตามก่อนขบวนจะออกได้เกิดเหตุขลุกขลักเล็กน้อย เกิดอุบัติเหตุรถคาราวานชนท้ายกัน 2 คัน


 


จากนั้นเวลา 10.30 น.นายจาตุรนต์ แถลงว่า มีเรื่องน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการลงประชามติ คือการโกงการทำประชามติ เช่น การเวียนเทียน กาบัตรล่วงหน้า เปลี่ยนหีบ หรือลงคะแนนโดยกรรมการประจำหน่วย หรือนับคะแนนไม่ตรงความเป็นจริง จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่เท่าที่ดูท่าทีกกต.วันนี้จะเน้นพูดเรื่องเดียวคือการซื้อเสียงล้มประชามติ แต่ไม่ได้พูดถึงและเตรียมการอะไรเพื่อรองรับคือการกำหนดระเบียบกติกาให้มีผู้สังเกตการณ์การลงคะแนนหรือนับคะแนนประจำหน่วยลงประชามติ


         


"ไม่เข้าใจว่าเหตุใด กกต.จึงไม่ออกระเบียบว่าด้วยผู้สังเกตุการณ์ที่จะเข้าไปช่วยป้องกันการโกงการลงประชามติ หากกกต.เปิดโอกาสตรงนี้ไทยรักไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการระดมอาสาสมัครเข้าไปช่วยสังเกตการณ์อย่างเต็มที่ แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว กกต.ไม่ยอมจัดระบบที่เกี่ยวกับผู้สังเกตการณ์ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนใช้เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่ส่วนใหญ่มีกล้องถ่ายรูป ให้นำมาใช้ในการถ่ายภาพหรือบันทึกภาพวีดีโอความผิดปกติ การเวียนเทียนใช้สิทธิ เพื่อให้เกิดความบริสุทธ์ในการลงประชามติ


 


โดยกลุ่มไทยรักไทยจะหารือกันอีกครั้งว่าจะให้ประชาชนส่งข้อมูลการทุจริตมาที่ใด เบื้องต้นศูนย์คอลเซนเตอร์ไทยรักไทย 1212 ยังคงเปิดรับการร้องเรียนอยู่ อย่างไรก็ตามเราจะประสานให้อดีต ส.ส.ของเราไปคอยติดตามดูแตต่ละหน่วย แต่ที่สำคัญคือเราไม่สามารถเป็นผู้สังเกตการณ์ได้ โดยจะทำได้เพียงการเฝ้าดูอยู่ห่างๆ"


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า กลุ่มไทยรักไทยขอเรียกร้องให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งไฟฟ้าไปที่ศาลากลางจังหวัดที่เป็นหน่วยนับคะแนนทุกจังหวัดในวันลงประชามติ เพราะหากการไฟฟ้าไม่ดูแลหรือสำรองไฟฟ้าไว้ จะเกิดเหตุการณ์ไฟดับหลายสิบจังหวัด


 


ทั้งนี้เราเชื่อว่าหากมีการลงประชามติอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ผ่านประชามติอย่างแน่นอน ทุกคนมัวแต่คิดถึงการซื้อเสียงในการทำประชามติ แต่กลับลืมนึกไปถึงการโกงที่หน่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองกลัวกันมาก และขณะนี้ทั้ง คมช.และรัฐบาลทำเหมือนพยายามผลักดันให้มีฝ่ายเห็นชอบมากๆ และกรรมการแต่ละหน่วยก็เป็นข้าราชการ


 


หากพร้อมใจกันโกงทั้งประเทศ จะเปลี่ยนความเห็นของคนทั้งประเทศได้เลย จึงตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าการทำประชามติครั้งนี้จะเป็นการทำประชามติที่คดโกงที่สุด ซึ่งอาจจะคล้ายกับการเลือกตั้งสกปรกเหมือนปี 2500 จนเป็นการทำประชามติสกปรกก็ได้


 


ทหารนัด "แอ๊ด เทวดา" นักจัดรายการขาใหญ่เหนือล่างจับเข่าคุยวันนี้


ผู้จัดการออนไลน์ - กำลังตำรวจ สภ.อ.เมืองพิษณุโลก และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ที่นำโดย นายพยุง คุ้มสุพรรณ ปลัดอำเภอเมืองพิษณุโลก และ พ.ต.ท.นพดล วัชรจิตบวร ผบ.ทหารม้าที่ 9 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ ตรวจความเรียบร้อยของจ้าหน้าที่ อส.ตำรวจและทหารที่ตั้งด่านสกัดบริเวณสี่แยกวัดคูหาสวรรค์ อ.เมืองพิษณุโลก เพื่อตรวจบัตรประจำตัวประชาชน หลังจากมีกระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ โดยยึดบัตรประจำตัวประชาชนไว้ และจะมอบเงินรางวัลให้ภายหลังลงประชามติ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังแจกเอกสารเผยแพร่ 5 ขั้นตอนลงคะแนนออกเสียงประชามติ


 


ผบ.ม.พัน 9 ระบุอีกว่า นอกจากนี้ พลโทจิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่เข้าตรวจสอบการออกอากาศของคลื่นวิทยุโลกสีขาวของ "แอ๊ด เทวดา" เนื่องจากออกอากาศลักษณะเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิไม่รับร่างรัฐธรรมนูญมาหลายวันแล้ว เข้าใจว่า รายการโลกสีขาวนี้ มีคลื่นวิทยุเครือข่ายในพื้นที่ทั่วประเทศ จึงสร้างความกังวลใจแก่กองทัพภาคที่ 3


 


ล่าสุด ฝ่ายทหารได้นัด "แอ๊ด เทวดา" เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วในช่วงเย็นวันนี้ (16 ส.ค.)


 


"กกต.โคราช" พร้อมรับศึกประชามติ "รธน." - เกาะติด 3 อำเภอแจกเงิน/เรียกปราม 3 อดีต ส.ส.หยุดป่วน


ผู้จัดการออนไลน์ - พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกรณีการเคลื่อนไหวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีรายงานเข้ามาบ้างประมาณ 3 อำเภอ เช่น อ.ห้วยแถลง, โชคชัย และ อ.หนองบุญมาก มีการจัดเลี้ยง, จัดประชุมหัวคะแนน และแจกจ่ายเงินซื้อเสียง แต่หลังจากส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ กกต.จังหวัด และตำรวจ ทหาร ลงพื้นที่ตรวจสอบไม่พบหลักฐานที่ชัดเจน


 


อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ 3 อำเภอดังกล่าวนี้ คงจะต้องจับตามองเป็นกรณีพิเศษ โดยจะมีการจัดกำลังชุดสืบสวนลงเกาะติดพื้นที่ทั้งก่อนวันลงประชามติและในวันลงประชามติ 19 ส.ค.นี้ด้วย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในวันลงประชามติ และทาง กกต.จังหวัดยังได้ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าทหารจากกองทัพภาคที่ 2, กำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และฝ่ายพลเรือนจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมประสานข้อมูลข่าวจากฝ่ายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จังหวัดนครราชสีมา เพื่อยืนยันข่าวซึ่งกันและกัน


 


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด ในพื้นที่ อ.คง และอีกหลายอำเภอใน จ.นครราชสีมา รวมถึงจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน ประชาชนหลายหลังคาเรือนได้รับเอกสารเชิญชวนให้คว่ำร่าง รธน.และไม่รับร่าง รธน.ส่งมาทางไปรษณีย์โดยไม่ระบุชื่อผู้ส่ง ซึ่งเอกสารแต่ละแผ่นจะพิมพ์ชื่อหัวข้อด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่พร้อมอธิบายรายละเอียดด้วยเนื้อหาที่บิดเบือนร่าง รธน.2550


 


เช่น "อยากเลือกตั้งเร็ว ต้องคว่ำรัฐธรรมนูญ 2550", "ดักฟังโทรศัพท์ไม่ผิดกฎหมาย อันตรายจากรัฐธรรมนูญ 2550 (ม.36)", ส.ส.-ส.ว.ประกันตัวและช่วยชาวบ้านไม่ได้ อันตรายจากรัฐธรรมนูญ 2550 (ม.266)" และ "ยกเลิกบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค อันตรายจากรัฐธรรมนูญ 2550 (ม.51)" เป็นต้น


 


วิชามารบิดเบือน รธน.ปลิวว่อน เตือน ปชช.อย่าหลงเชื่อ


ผู้จัดการออนไลน์ - นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ (ศปชท.) แถลงถึงการตรวจพบการใช้วิชามารในการต่อต้านรัฐธรรมนูญว่า นอกเหนือจากการได้รับรายงานว่า มีการซื้อเสียงในหลายพื้นที่ทางภาคอีสาน ล่าสุดทางศูนย์ฯ ได้รับรายงานจากหน่วยงานข่าวกรองว่า ตั้งแต่วันที่ 12-15 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ของร่างรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา โดยวิธีการส่งจดหมายไปตามบ้านเรือนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเนื้อหาได้มีการบิดเบือนว่า หากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน ประชามติ ประชาชนจะสูญเสียสิทธิใน 5 ข้อ ดังนี้ 1.รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยกเลิกบัตรทองรักษาโรค 30 บาท (มาตรา 51) 2.ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ ตรวจค้นบ้านได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล (มาตรา 32-33) 3.ห้าม ส.ว./ส.ส.ประกันตัวชาวบ้าน (มาตรา 226) 4.ดักฟังโทรศัพท์ไม่ผิดกฏหมาย (มาตรา 36) 5.ถ้าอยากเลือกตั้งเร็ว ต้องร่วมกันไม่รับรัฐธรรมนูญ เพราะสามารถนำรัฐธรรมนูญปี 40 มาใช้ได้เลย


และเมื่อได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง 5 ข้อที่ถูกบิดเบือน พบว่ามีข้อเท็จจริง ดังนี้ 1.มาตรา 51 ระบุว่า ผู้ยากไร้มีสิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 2.มาตรา 33 ระบุว่า การเข้าตรวจค้นบ้านจะต้องได้รับอนุญาตหรือมีหมายศาลเท่านั้น 3.ในมาตรา 226 ไม่ได้ระบุเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และไม่ได้มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ 4.มาตรา 36 ระบุชัดเจนว่าการดักฟังโทรศัพท์เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย


 


5.เป็นการเชิญชวนที่บิดเบือน เพราะไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จะผ่านประชามติหรือไม่ การเลือกตั้งก็ยังคงดำเนินไปตามกำหนดการเดิม เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ผ่านประชามติ คมช.สามารถที่จะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาแก้ไขปรับปรุงให้เสร็จภายใน 1 เดือน และนำไปสู่การเลือกตั้งตามกำหนดเวลาเดิม


 


นายอรัญ เปิดเผยต่อว่า จากข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้ จดหมายที่ส่งไปยังบ้านเรือนต่างๆ ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง แต่ระบุชื่อผู้รับได้ถูกต้องชัดเจน เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะดำเนินการในลักษณะนี้ได้จะต้องมีความพร้อมในเรื่องบัญชีครัวเรือน และมีศักยภาพเทียบเท่ากับพรรคการเมือง และหากพิจารณาจากการบิดเบือนข้อเท็จจริงในจดหมายแล้ว กลุ่มที่ดำเนินการในเรื่องนี้มีจุดประสงค์เพียงเพื่อสร้างความสับสน ปั่นป่วนให้กับประชาชนเพื่อบรรลุเป้าหมายของกลุ่มตนเท่านั้น


 


ผู้ว่าฯสั่งเกาะติดอดีตส.ส.ศรีสะเกษ"ทาสแม้ว"ดิ้นคว่ำ"รธน."-ลั่นทำผิดกม.เชือดแน่


ผู้จัดการออนไลน์ - นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ใน จ.ศรีสะเกษ ว่า ในพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษมีการเคลื่อนไหวอย่างลับๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน และที่ผ่านมาตนได้มีการพบปะพูดคุยกับอดีต ส.ส.ศรีสะเกษทุกคนไปแล้ว จนถึงขณะนี้ขอยืนยันว่า ในพื้นที่ของจังหวัดศรีสะเกษยังไม่มีการแจกเงินซื้อเสียงคว่ำร่างรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด


 


ส่วนการเคลื่อนไหวปลุกระดมชาวบ้านไม่ให้ไปลงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 19 ส.ค.นั้น ยอมรับว่าได้มีอดีต ส.ส.ศรีสะเกษ กลุ่มอำนาจเก่าบางราย ออกมารณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญจริง โดยเชิญชวนประชาชนไม่ให้ไปลงประชามติ หรือลงประชามติไม่รับร่างรธน.อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว หากพบว่ากระทำผิดกฎหมาย และปรากฏหลักฐานชัดเจนจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดแน่นอน


 


"แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 สิงหาคม นี้ ขอเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษที่มีสิทธิทุกคน ให้ออกไปใช้สิทธลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญโดยพร้อมเพรียงกัน และอย่าหลงเชื่อผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติเป็นอันขาด เพราะจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายอย่างไม่รู้จักจบสิ้น" นายก้องเกียรติ กล่าว


 


ชัยภูมิระดมตร.คุมเข้มประชามติ"รธน."-พบซื้อเสียงแจกเสื้อ"คนรักทักษิณ"เกลื่อน


ผู้จัดการออนไลน์ - พล.ต.ต.เติมพงษ์ สิทธิประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เปิดเผยถึงมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงระหว่างการออกเสียงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค.ที่จะถึงนี้ถือเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิยังมีความเห็นทางเมืองที่หลากหลาย จากความเห็นที่แตกต่าง อาจนำมาซึ่งความไม่สงบเรียบร้อยได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจหน้าที่โดยตรงที่ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยหรือการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ทั้งการฉวยโอกาสก่ออาชญากรรม สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายและการกระทำผิดพระราชบัญญัติการลงประชามติ


         


ส่วนกรณีมีการเคลื่อนไหวคว่ำร่างรธน.ในจ.ชัยภูมิ นั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่าบางพื้นที่มีการแจกเสื้อสีขาวข้อความ "คนรักทักษิณ ไม่เอาเผด็จการ" และ มีการแจกเงินซื้อเสียง แจกจ่ายใบปลิว ซีดี รณรงค์ไม่ให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในหลายชุมชน ซึ่งได้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิและผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ให้ทราบในเบื้องต้นแล้ว


 


"ขณะนี้ตำรวจสามารถเก็บรวบรวมหลักฐานการแจกเสื้อและแผ่นปลิว ต่างๆ ได้ แต่ยังไม่พบหลักฐานที่ชี้ชัดในเรื่องของการแจกเงิน ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบลงพื้นที่หาข่าวและข้อมูลต่างๆ แล้ว หากพบหลักฐานที่เป็นการยืนยันชัดเจนว่ากระทำผิดพระราชบัญญัติการลงประชามติ ก็จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทันที" พล.ต.ต.เติมพงษ์ กล่าวในตอนท้าย


 


"ผู้การฯสุรินทร์" สั่ง ตร.คุมเข้มประชามติ-พบแจกคว่ำร่าง "รธน." หลายพื้นที่


ผู้จัดการออนไลน์- พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบก.ภ.จว. สุรินทร์ กล่าวว่า ล่าสุดจากการติดตามความเคลื่อนไหวการปลุกระดมคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่ พบว่า มีการแจกจ่ายใบปลิวต่อต้านการลงประชามติ และการแจกเสื้อโหวตโนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถสาวถึงตัวการใหญ่ที่สั่งการอยู่เบื้องหลังได้ อย่างไรก็ตามทราบว่าเป็นการพยายามสร้างผลงานของระดับแกนนำของกลุ่มคว่ำร่าง รธน. ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายได้ติดตามอย่างใกล้ชิด หากพบมีการกระทำผิกกฎหมายก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


 






เศรษฐกิจ


ต่างชาติทิ้งไม่ยั้งหุ้นดิ่ง 23 จุด 'โฆสิต'เตือนอย่าตื่น-คลังห่วงว่างงานมากกว่า


คมชัดลึก - นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้นไทยออกมาต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา มียอดขายสิทธิ 4,917 ล้านบาท ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาปิดที่ระดับ 750.69 จุด ลดลง 23.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 22,966 ล้านบาท ขณะที่ในการซื้อขายระหว่างวันดัชนีได้ลดลงมาต่ำสุดที่ระดับ 739.66 จุด ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ปิดตลาดที่ระดับ 34.48-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 


         


ดร.ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่า ทางการคงไม่มีมาตรการอะไรออกมารองรับการเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งตลาดหุ้นทั่วโลกก็ปรับลดลงเช่นเดียวกันจากปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้นักลงทุนจำเป็นต้องเทขาย เพื่อนำเงินกลับเข้าไปเสริมสภาพคล่องในประเทศ


 


ขณะที่นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สิ่งที่กระทรวงการคลังเป็นห่วงและดูอยู่คือ เรื่องภาคธุรกิจที่แท้จริง เช่น โรงงานปิดไปแต่เกิดใหม่ไม่มี ภาคธุรกิจทั่วไป โดยเฉพาะเอสเอ็มอี อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ จะมีการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้ทรงคุณวุฒิเรื่องค่าเงินบาทอยู่แล้ว และอาจมีเรื่องตลาดทุนเข้ามาร่วมด้วย


 


"ผมห่วงคนว่างงานมากกว่าคนเล่นหุ้น เพราะคนเล่นหุ้นมีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งธุรกิจที่แสดงอาการจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งเอ็นพีแอลของธนาคารไม่ลด เราก็จับตาดูและหาวิธีแก้ไขอยู่" นายสมหมาย กล่าว


 






การศึกษา คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม


"วิจิตร" ชูยุทธศาสตร์ชาติพันธุ์ แก้ปัญหาใต้


ผู้จัดการออนไลน์ - นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าที่ประชุมได้เพิ่มประเด็นเรื่องชาติพันธุ์ไว้ในยุทธศาสตร์การศึกษาฯ ด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีใบปลิวออกมาปลุกระดมประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ โดยยกเรื่องความแตกต่างและการไม่ได้รับความเป็นธรรมของชาติพันธุ์เข้ามา ซึ่งระบุเรื่องความแตกต่างทางศาสนาไว้เป็นประเด็นหลังๆ ดังนั้น หากเรากำหนดเรื่องชาติพันธุ์ไว้ในยุทธศาสตร์การพัฒนาฯ คนในพื้นที่ก็จะไม่เกิดความรู้สึกแตกแยกเรื่องชาติพันธุ์เช่นในปัจจุบัน ทั้งนี้ การประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาฯ ครั้งต่อไปจะจัดขึ้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ในวันที่ 24 ก.ย.2550 ก่อนจะนำยุทธศาสตร์ดังกล่าวเสนอ ครม.พิจารณาเห็นชอบต่อไป


 


ชาวมาบตาพุดบุกทวงเงิน กนอ.400 ล้านแพ้คดีล่วงล้ำลำน้ำ


ผู้จัดการออนไลน์ - ชาวบ้านจาก 25 ชุมชน ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง จำนวน 500 คน เดินทางมาร่วมชุมนุมที่บริเวณทางเข้าหน้าสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดแห่งประเทศไทย ถือป้าย "ชำระเงินตามคำสั่งศาล เพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาชุมชน" "ขอความกรุณาอย่าอุทธรณ์" "ถ้าจริงใจ ต้องจ่ายตังค์"


 


ทั้งนี้ มีนายรัชชยุทธ วงศ์ภุชงค์ สมาชิกเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ขึ้นกล่าวปราศรัยเรียกร้องให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชำระเงินค่าตอบแทนการปลูกสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามที่ศาลปกครองระยองพิพากษาพร้อมค่าปรับตั้งแต่ พ.ศ.2537-2548 เป็นเงิน 334,804,670 บาท และในปี พ.ศ.2549 เป็นเงิน 43,737,080 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 378,541,750 บาท


 


ค่าตอบแทนการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำพร้อมค่าปรับสำหรับปี พ.ศ.2550 ตามใบอนุญาตเลขที่ 38/2540 จำนวนเงิน 60,950 บาท และตามใบอนุญาตเลขที่ 32/2545 จำนวนเงิน23,732,180 บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพร้อมค่าปรับตามใบอนุญาตทุกฉบับที่จะครบกำหนดชำระต่อๆไปให้แก่ผู้ฟ้อง พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน นับแต่วันที่ครบกำหนดชำระตามใบอนุญาตแต่ละฉบับ จนกว่าจะชำระให้แก่ผู้ฟ้องคดีเสร็จสิ้น


 


ลาวยืนยันม้งบ้านห้วยน้ำขาวกลับบ้านไม่ต้องรับโทษ


สำนักข่าวเนชั่น -  นายย้ง จันทะลังสี  โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  ให้สัมภาษณ์กรณีที่ สปป.ลาวเตรียมรับชาวม้งที่บ้านห้วยน้ำขาว จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 8,000 คน กลับประเทศ ว่า ประเทศไทยกับ สปป.ลาวเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนร่วมกัน ที่จะไม่ยอมให้ปัญหาม้งหลบหนีเข้าประเทศไทยมาเป็นเครื่องบั่นทอนความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศและการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนร่วมกัน


 


โดยในขณะนี้รัฐบาลไทยและลาวได้มีความเห็นพ้องตรงกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า 1) กลุ่มชาวม้งที่บ้านห้วยน้ำขาวไม่ใช่ผู้อพยพ แต่เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 2) ชาวม้งกลุ่มดังกล่าวจะต้องดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งสถานที่พักพิงผู้อพยพที่ห้วยน้ำขาว เป็นสถานที่ที่รัฐบาลไทยจัดให้อยู่พักพิงชั่วคราวเพื่อรอการส่งตัวกลับประเทศ


 


นายย้ง กล่าวว่า หลังจากทางการไทยส่งตัวกลับไป สปป.ลาวแล้ว ชาวม้งที่ส่งตัวกลับประเทศจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ สปป.ลาว จะติดต่อให้ญาติมารับตัวไปอยู่ภูมิลำเนาเดิม และที่เหลืออีกประมาณ 15 - 20 เปอร์เซ็นต์จะต้องอยู่ในที่พักพิงใหม่ ซึ่งสปป.ลาว เตรียมพื้นที่รองรับชาวม้งที่จะเดินทางกลับประเทศไว้แล้วอยู่ใกล้กรุงเวียงจันทน์ พร้อมทั้งมีข้าวสารให้บริโภคอย่างเพียงพอได้นานถึง 11 - 18 เดือน อีกทั้งสปป.ลาว ยังจัดหาสังกะสีจำนวน 30 แผ่นต่อครัวเรือน


 


พร้อมกันนี้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสปป.ลาว ยังย้ำว่า ชาวม้งที่กลับประเทศจะไม่ถูกลงโทษ แต่จะมีความผิดในฐานะเข้าเมืองผิดกฎหมายของไทยเท่านั้น


 


ม้งลาว 153 ชีวิต อดข้าวประท้วงในห้องขัง


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ -  ที่ห้องควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ชั้น 2 ซึ่งเป็นที่คุมขังชาวม้งลาวทั้ง ชาย หญิง และเด็กจำนวน 153 คน ได้ส่งเสียงโห่ร้องทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมเสียงกระชากลูกกรงเหล็กเพื่อให้เกิดเสียงดัง นานหลายชั่วโมง


 


เจ้าหน้าที่ควบคุมผู้หนึ่งเปิดเผยว่าวันนี้ ชาวม้งที่ถูกควบคุมตัวอยู่บนห้องควบคุมได้พากันอดอาหารประท้วงตั้งแต่เที่ยงวัน และจากนั้นก็ได้ส่งเสียงโห่ร้องเป็นระยะๆ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะขอร้องให้อยู่ในความสงบ แต่ก็ไม่เป็นผล ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากต้องการเดินทางไปยังประเทศที่ 3 ตามที่ตั้งใจไว้


ทั้งนี้ ม้งลาวที่ถูกควบคุมตัวอยู่มีทั้งหมด 152 คนซึ่งลักลอบออกจากที่ควบคุมบ้านห้วยน้ำขาว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และถูกจับกุมตัวและคุมขังไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกรุงเทพฯ โดยจากการสอบสวนทราบว่าทั้งหมดได้เดินทางมาจาก สปป.ลาว ต่อมา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2549 ชาวม้งจำนวนดังกล่าวได้ถูกนำตัวไปคุมขังต่อที่อาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย เพื่อรอผลักดันกลับประเทศ สปป.ลาว โดยมีการประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ซึ่งทางการลาวได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เดินทางมาพิสูจน์สัญชาติ พบว่าเป็นชาวม้งที่มีสัญชาติลาวจริง ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่แขวงเวียงจันทน์ บอลิคำไซ เชียงขวาง หัวพัน อุดมไชย และหลวงพระบาง และในระหว่างการควบคุมอยู่ที่ จ.หนองคาย หญิงชาวม้งได้คลอดบุตรเป็นหญิง 1 คน


 


จนกระทั่งวันที่ 30 มกราคม 2550 ซึ่งเป็นวันนัดหมายของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายที่จะส่งชาวม้งทั้ง 153 คน ไปยัง สปป.ลาว ซึ่งทางการได้นำรถบัสจาก สปป.ลาว มารับ 3 คัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น.


 


โดยได้นำผู้หญิงและเด็กส่วนหนึ่งขึ้นไปนั่งรอภายในรถบัส แต่ผู้ชายและเด็กอีกประมาณ 80 คนได้ขัดขืน ไม่ยอมออกจากห้องควบคุม แต่กลับใช้โซ่ เชือก เสื้อผ้ามาผูกประตูห้องขัง เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่นำตัวออกไป เพราะเกรงว่าหากถูกส่งตัวกลับ ม้งชาย-หญิง (ม้งซีไอเอ) ส่วนหนึ่งจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นที่ต้องการของทางการลาว


 


ทั้งนี้ความพยายามของเจ้าหน้าที่ไทยที่จะนำม้งชาวลาวออกมาจากห้องควบคุมเพื่อส่งตัวกลับ แต่มีการขัดขืน จึงใช้เวลานานกว่า 8 ชม. ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกแผนการส่งชาวม้งกลับ ทำให้ชาวม้งเด็กและผู้หญิงที่นั่งรออยู่ในรถต่างแสดงความดีใจ และในระหว่างการควบคุมตัว ได้มีเด็กเกิดใหม่อีก 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน


 


นอกจากนี้ ยังเคยมีข่าวว่ามีประเทศที่ 3 ได้ยื่นมามาช่วยเหลือ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยชาวม้งทั้งหมดยังคงถูกควบคุมให้อยู่แต่ในเฉพาะห้องควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย จนถึงทุกวันนี้


 


ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย แต่ไม่มีผู้ใดให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางในการแก้ไขปัญหา และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพและทำข่าว 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net