Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 16 ส.ค. 50 กลุ่มคนเดือนตุลาไม่เอาเผด็จการออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยให้เหตุผล 3 ข้อ ข้อแรก ที่มาของรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหารของคณะทหาร เพื่อเป็นการสะท้อนว่า การล้มเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยเหตุผล แต่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่



ข้อสอง กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอันไม่เป็นประชาธิปไตย และขาดการรับฟังเสียงของประชาชน ทั้งนี้ การตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้นเลือกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้ยึดโยงอำนาจของประชาชน และการคัดเลือกสุดท้ายก็ยังเป็นการเลือกของคณะทหาร  ส่วนข้อสุดท้าน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 เป็นเนื้อหาที่วางรากฐานอยู่บนความหวาดระแวงประชาชน กลัวว่าประชาชนส่วนข้างมากจะเลือกพรรคการเมืองที่ไม่ต้องใจกลุ่มชนชั้นนำ จึงออกแบบให้อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร ที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง มีอำนาจอ่อนแอ แต่เพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายตุลาการ ที่จะเข้ามาควบคุมการบริหารบ้านเมือง เช่น การกำหนดให้คณะตุลาการ มีบทบาทอย่างมากในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และกำหนดการตั้งองค์กรอิสระ ในส่วนการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ก็ออกแบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนอันขาดหลักวิชาที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังได้กำหนดบทเฉพาะกาลให้มีมาตรานิรโทษกรรมการรัฐประหาร และสืบทอดอำนาจเผด็จการ


 


ส่วนกลุ่มโดม ท่าพระจันทร์ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยมีเนื้อความระบุว่าการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2550 การลงประชามติเพื่อประเทศและนำไปสู่การเลือกตั้งด้วยอำนาจบังคับแบบเบ็ดเสร็จ ทั่งนำไปสู่การตั้งรัฐบาลหุ่นหรือรัฐบาลแนวร่วมเผด็จการซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่จะนำประเทศชาติย้อนยุคกลับสู่ประวัติศาสตร์หน้าเดิม ขัดขวางและฝืนกระแสโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ และเป็นการนำพาชาติสู่หายนะโดยสิ้นเชิง การล้มร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 จึงเป็นการประกาศเจตนารมณ์ต่ออำนาจเผด็จการ


 


 






แถลงการณ์



เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ คณะทหารซึ่งเรียกตนเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้อ้างความเลวร้ายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นสาเหตุ แล้วยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน จากนั้น คณะทหารก็ได้ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ แล้วล้มเลิกรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ ล้มเลิกรัฐสภาและการเลือกตั้ง และสถาปนาอำนาจการปกครองชั่วคราวของคณะทหารขึ้น ภายใต้ธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราว พ.ศ.๒๕๔๙ การดำเนินการทั้งหมดนี้ เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย ที่พัฒนาอย่างราบรื่นมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๕ เป็นต้นมา เป็นการทำลายอาณัติแห่งสิทธิเสียงของประชาชน ที่ดำเนินการผ่านกระบวนการเลือกตั้ง และทำลายระบอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการพัฒนาต่อเนื่อง ๑๔ ปี และที่สำคัญคือ การก่อรัฐประหารนั้นเป็นวิธีการแก้ปัญหาทางการเมืองอันล้าหลังอย่างยิ่ง ที่ประเทศต่างๆ ในโลก แม้กระทั่งในลาตินอเมริกาและอัฟริกา ก็ไม่ได้ใช้กันแล้ว ประเทศที่ปกครองระบอบทหารที่เหลืออยู่มีเพียง พม่า ปากีสถาน ฟิจิ และไทย จึงทำให้ภาพพจน์ในทางสากลของประเทศเสียหาย และเป็นที่อับอายขายหน้าอย่างมาก


           


เพื่อจะรองรับการก่อการรัฐประหารอันล้าหลังนี้ ธรรมนูญชั่วคราวของคณะทหาร จึงได้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อประกาศใช้ภายใน ๑ ปี และเพื่อที่จะให้กระบวนการทำลายประเทศนี้ทั้งหมดมีความชอบธรรม จึงได้กำหนดให้รัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่ ต้องนำมาให้ประชาชนลงประชามติ หากผ่านก็เป็นการรับรองรัฐประหารมีความถูกต้อง ดังนั้น ในการลงประชามติในวันที่ ๑๙ สิงหาคมนี้ กลุ่มคนเดือนตุลาที่ไม่เอาเผด็จการ จึงขอเสนอต่อพี่น้องประชาชนว่า มีเหตุผลอันสมควรอย่างยิ่งที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ด้วยเหตุผลสำคัญคือ



๑. ที่มาของรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการรัฐประหารของคณะทหาร เพื่อเป็นการสะท้อนว่า การล้มเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๔๐ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยเหตุผล รัฐธรรมนูญทุกฉบับรวมทั้งฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ ย่อมมีความไม่สมบูรณ์ได้ แต่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่



๒. กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญอันไม่เป็นประชาธิปไตย และขาดการรับฟังเสียงของประชาชน ทั้งนี้ การตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้นเลือกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้ยึดโยงอำนาจของประชาชน และการคัดเลือกสุดท้ายก็ยังเป็นการเลือกของคณะทหาร รัฐธรรมนูญนี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นฉบับทหาร เพียงแต่นำมาให้ประชาชนลงประชามติเพื่อเป็นตรายางประทับพฤติการณ์อันไม่เป็นประชาธิปไตย



๓. เนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นเนื้อหาที่วางรากฐานอยู่บนความหวาดระแวงประชาชน กลัวว่าประชาชนส่วนข้างมากจะเลือกพรรคการเมืองที่ไม่ต้องใจกลุ่มชนชั้นนำ จึงออกแบบให้อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร ที่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง มีอำนาจอ่อนแอ แต่เพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายตุลาการ ที่จะเข้ามาควบคุมการบริหารบ้านเมือง เช่น การกำหนดให้คณะตุลาการ มีบทบาทอย่างมากในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และกำหนดการตั้งองค์กรอิสระ ในส่วนการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ก็ออกแบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนอันขาดหลักวิชาที่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังได้กำหนดบทเฉพาะกาลให้มีมาตรานิรโทษกรรมการรัฐประหาร และสืบทอดอำนาจเผด็จการ


 


ดังนั้น ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจึงมีสิทธิอันชอบธรรม การลงมติที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๕๐ จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และต้องร่วมมือร่วมใจกันไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นอกจากนี้ ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ยังจะต้องขอเรียกร้องว่า คณะทหารที่เรียกตนเองว่า คณะ คมช. จะต้องนำเอารัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ พร้อมกฎหมายลูกมาใช้ เพื่อนำมาสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเยี่ยงอารยประเทศโดยเร็ว พร้อมกันนั้น ขอเรียกร้องให้คณะ คมช. นำทหารถอยกลับกรมกอง และขอโทษประชาชนที่ก่อการรัฐประหารล้มล้างประชาธิปไตยและทำลายบ้านเมือง เพื่อให้ภาวะปกติกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว


 


กลุ่มคนเดือนตุลาไม่เอาเผด็จการ


๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๐


 


 






ไม่รับร่าง รธน.50   ไม่เอาเผด็จการ   ไม่เอาระบบอำมาตยาธิปไตย


 


            นับตั้งแต่รัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อ 19 ก.ย. 2549 ประเทศไทยได้เสื่อมทรุดและเสียหายเข้าสู่วิกฤติอย่างทั่วด้าน


 


            โครงสร้างอำนาจรัฐไทยถูกครอบงำและแทรกแซงครั้งใหญ่ ประชาธิปไตยที่ทุกคนคาดหวังกำลังถูกบั่นทอนให้เป็นเพียงเครื่องมือรองรับอำนาจพิเศษ อีกทั้งเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันในยุคโลกไร้พรมแดนกำลังตกต่ำถดถอยอย่างหนัก และสภาพสังคมไทยเริ่มส่งสัญญาณอันตราย  จากอาชญากรรม - ยาเสพย์ติด, การพนันใต้ดินและภาวะตกงานจากการปิดตัวของธุรกิจมากมาย และที่เลวร้ายกว่านั้นคือการที่สังคมไม่สามารถรับรู้ข่าวสารและถูกปิดกั้นอย่างสิ้นเชิง อำนาจรัฐครอบงำ ปิดกั้น และปฏิบัติการข่าวสารแบบสงครามจิตวิทยา บิดเบือนสติปัญญาของคนไทยให้เข้าสู่ยุคสังคมมืดบอดไร้ปัญญา สร้างความแตกแยกร้าวลึกรุนแรงให้สังคมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน


 


เห็นได้ว่าเนื้อแท้ของการรัฐประหารครั้งนี้คือ "การฉกฉวยโอกาสชิงอำนาจจากกลุ่มทุนใหม่ที่เหิมเกริมไม่ประนีประนอมและเดินยุทธศาสตร์การเมืองผิดพลาดในหลายด้าน ให้กลับคืนสู่เหล่าชนชั้นสูงและข้าราชการในระบบเก่าภายใต้ อมาตยาธิปไตยยุคใหม่"


 


ทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่ที่มาของปรากฏการณ์ระยะยาวในสังคมไทยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กล่าวคือ


 


1. การทำลายล้างฐานอำนาจกลุ่มทุนใหม่ภายใต้การนำของไทยรักไทย ซึ่งไม่ยอมศิโรราบต่อเหล่าชนชั้นสูงและอำมาตย์อย่างถึงรากถึงโคนให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะเป็นฐานอำนาจจากประชาชน ฐานอำนาจทางเศรษฐกิจและการเงิน ฐานอำนาจในกองทัพและระบบราชการ กระทั่งพรรคการเมืองและเครือข่าย ฯลฯ


2. การฉวยโอกาสสร้างรัฐทหาร รัฐตำรวจ รัฐข้าราชการ และรัฐตุลาการ ก่อรูปผนึกรวมเป็น ระบบ "อำมาตยาธิปไตยรูปแบบใหม่" ที่ทรงพลังที่สุดในทศวรรษนี้ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมองค์กรต่างๆที่จัดวางไว้เพื่อรองรับการครอบงำทางการเมือง เช่น พรรคทหาร, ส.ว. แต่งตั้ง, กกต. และ ปปช. ซึ่งอยู่ใต้อาณัติของระบอบใหม่ทั้งสิ้น


3. ตัดตอนลิดรอนพรรคการเมือง - นักการเมืองอันเป็นตัวแทนจากประชาชนภายใต้กติกาประชาธิปไตยให้อ่อนแอ ต้องอิงและพึ่งพาอำนาจพิเศษภายใต้ระบอบใหม่ซึ่งภายใต้การชักจูงจากรัฐบุรุษค้ำฟ้า โดยที่การเลือกตั้งกลายเป็นพิธีการและเครื่องมือ หรือตรายางรับรองระบอบใหม่ที่ค้ำหัวระบอบประชาธิปไตย เพียงเพื่อหลอกลวงว่าแผ่นดินนี้มีประชาธิปไตยแล้วอย่างสมบูรณ์ ส่วนฉันทามติและสิทธิ์การเลือกตั้งของมหาชนเป็นการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ด้วยความเมตตาอย่างดูถูกดูแคลนเท่านั้น


 


ณ บัดนี้การสืบทอดอำนาจผ่านกลไกประชาธิปไตยตามแผนเผด็จการในเสื้อคลุมประชาธิปไตยกำลังคืบหน้าตามที่เหล่าอำมาตย์วางไว้ การร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ ปี 2550 การลงประชามติเพื่อประเทศและนำไปสู่การเลือกตั้งด้วยอำนาจบังคับแบบเบ็ดเสร็จ กระทั่งนำไปสู่การตั้งรัฐบาลหุ่นหรือรัฐบาลแนวร่วมเผด็จการ


เหล่านี้ล้วนเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์อย่างเป็นขั้นเป็นตอนที่จะนำประเทศชาติย้อนยุคกลับสู่ประวัติศาสตร์หน้าเดิม ขัดขวางและฝืนกระแสโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ และเป็นการนำพาชาติสู่หายนะโดยสิ้นเชิง


เราจึงมีความจำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ สู้เพื่อลูกหลาน ให้ระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด การล้มร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 จึงเป็นการประกาศเจตนารมณ์ต่ออำนาจเผด็จการในขณะนี้ว่า เราและประชาชนผู้มีสติปัญญาอีกมหาศาลจะต่อต้านและสู้อย่างถึงที่สุด จนกว่าเผด็จการและอำนาจแอบแฝงทั้งหลายจะหมดไปจากแผ่นดินของเรา


 


 


กลุ่มโดม ท่าพระจันทร์


       ( 17/8/50 )


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net