Skip to main content
sharethis


 



 


ประชาไท - 6 ส.ค. 50 ผู้สื่อข่าว รายงานการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่สนามหลวง วานนี้ (5 ส.ค. 50) มีการย้ายเวทีมาตั้งกลางสนามหลวง ฝั่งที่ติดกับแยกวัดมหาธาตุ แทนที่ตั้งเดิมหน้า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจาก กทม. ร้องขอ เพราะที่ต้องการปรับพื้น และการปราศรัยก็ยังคงได้รับความสนใจจากประชาชนมาร่วมรับฟังประมาณสี่พันคน โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ามีผู้สวมเสื้อสีแดง อันเป็นสัญลักษณ์ "ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550" เข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก


 


โดยแกนนำ นปก. ยังมีการชวนให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 มีการแจกผ้าโพกหัวข้อความ "ไม่รับร่าง รธน.เผด็จการ" โดยในเวลา 19.00 น. แกนนำ นปก.รุ่น 2 นำโดย นายเมธาพันธุ์ โพธิธีรโรจน์ ได้เปิดแถลงข่าวหลังเวทีตั้งข้อสังเกตถึงการรณรงค์ประชามติรัฐธรรมนูญปี 2550 ของรัฐบาลครั้งนี้ว่าไม่ชอบมาพากล อาทิ นปก.เคยไปปราศรัยเรื่องรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ จ.เชียงใหม่ เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งให้พื้นที่ นปก.ได้ถูกคุกคามจากทหารและตำรวจ จนขณะนี้ต้องเดินทางมาพักอาศัยอยู่นอกจังหวัด เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และล่าสุดมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่พิมพ์แจกประชาชนนั้น ขณะนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับเอกสาร คาดว่าจะมีการทุจริต เช่น สั่งพิมพ์แล้ว แต่ตรวจรับไม่ครบตามจำนวน


 


ทางด้านนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำ นปก.ยังกล่าวพาดพิงถึงงานมหกรรมประชาธิปไตยที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานีว่า มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนน้อย ที่สำคัญผู้ที่มาร่วมงานยังได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 200 บาท เรื่องนี้จึงอยากให้ประชาชนทั่วไปใช้วิจารณญาณด้วย



นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำ นปก.รุ่น 2 กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญถูกภาครัฐกีดกันในการแสดงความคิดเห็น จึงอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดดีเบตต่อเนื่องอีก 2-3 ครั้ง โดยให้ นปก.ได้มีส่วนร่วมในการดีเบต เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมควรปรับเปลี่ยนเวลาเยี่ยม นปก.ที่ถูกคุมขังใหม่ ไม่ควรจำกัดเวลาเยี่ยมเพียง 15 นาที เพราะ นปก.ไม่ใช่นักโทษอาชญากรรม


 


กระทั่งเวลา 20.00 น. เวที นปก.ยิ่งคึกคักขึ้น เมื่อทีมงาน นปก.ระดมแจกธูปให้แก่ประชาชนกว่า 4 พันคนที่มาร่วมชุมนุม จากนั้นแกนนำ นปก.รุ่น 2 ขึ้นเวทีชวนผู้ชุมนุมจุดธูปร่วมกันประกอบพิธีปัดรังควาน โดยใช้ชื่อพิธีว่า "การขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่ครอบงำประเทศไทย" หรือ "สิ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยเกิดความเสียหาย" โดยมอบหมายให้แนวร่วม นปก.รายหนึ่งที่เดินทางมาจาก จ.ขอนแก่น และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพิธีไสยศาสตร์โดยเฉพาะ มาเป็นเจ้าพิธี ซึ่งเริ่มด้วยการชวนประชาชนสวดคาถาปัดรังควาน กล่าวข้อความขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่เข้ามาทำลายระบบประชาธิปไตยของประเทศไทยให้หมดไป



ทั้งนี้แกนนำ นปก.ยังระบุว่า หลังจากประกอบพิธีไสยศาสตร์เพื่อสาปแช่งและไล่ คมช.มาแล้ว 2 วัน ในวันที่ 6 ส.ค.นี้ จะมีการนิมนต์พระมาสวดเพื่อความเป็นสิริมงคลบ้าง ส่วนในวันที่ 6 ส.ค.นี้ นปก.จะร่วมกับองค์กรประชาธิปไตย 99 องค์กร ไปยื่นหนังสือที่องค์การสหประชาชาติ และส่วนหนึ่งจะไปเยี่ยมแกนนำที่ยังถูกคุมขังด้วย


 


ด้านความคืบหน้าล่าสุดของ นปก. ชุดแรกที่ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำคลองเปรมนั้น วันนี้ (6 ส.ค. 50) บรรดาญาติและกลุ่มผุ้สนับสนุน นปก. ประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาเข้าเยี่ยมตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยวันนี้เรือนจำได้จำกัดเวลาเยี่ยมเพียง 15 นาที ตามระเบียบ และอนุญาติให้บุคคลภายนอก 5 คน เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาได้ 1 คน แต่มีการต่อรอง ขอให้อนุโลมกฎระเบียบ เนื่องจากมีผู้ต้องการเยี่ยมเป็นจำนวนมาก สุดท้ายเรือนจำจึงอนุโลมเข้าเยี่ยมได้ไม่จำกัดจำนวน แต่จำกัดเวลาไม่เกิน 15 นาที


 


จากนั้นเรือนจำได้เบิกตัว 6 ผู้ต้องหากลุ่มนปก.ออกมาในห้องเยี่ยม เวลาประมาณ 10.00 น. แต่ผู้ต้องหาใช้เวลาในห้องเยี่ยม 10 นาที และขอตัวไปปรึกษาคดีกับทนายความ โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 ยืนยันกลับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า วันนี้ ทั้ง 6 คนจะยื่นประกันตัว หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เย็นนี้คงจะได้พบกัน


 


นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ประธาน นปก. รุ่น 1 สัมภาษณ์ก่อนเข้าเยี่ยมว่า ตนรับปากว่าจะดูแลคดีให้ผู้ต้องหาทั้ง 6 เพราะอยู่ข้างในดูแลไม่ได้ ส่วนขั้นตอนการต่อสู้คดี จะทำตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนศาลและผู้พิพากษาจะทำตามกฎหมายของ คมช.หรือของประชาชน ตนไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมา 2-3 ครั้ง ไม่ได้ใช้กฎหมายของประชาชน โดยตนถูกอุ้มลงจากบัลลังก์ และถูกจับกลางศาล ตอนแรกไม่ได้ขอปล่ยอตัวชั่วคราว เพราะเชื่อว่าตนเป็นผู้ต้องหาปลอม จึงขอให้ศาลไต่สวน แต่ท่านไม่ทำให้ เพราะการไต่สวนจะต้องไต่สวนฝ่ายเดียว โดยเอาพยานขอผู้ร้องมาไต่สวน แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ทำ แต่ยกคำร้องเลย ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ประชาชนต้องพึ่งตัวเอง ต้องออกมาใช้สิทธิ์


 


เมื่อถามว่า จะลงประชามติร่างรธน.อย่างไร นายมานิตย์กล่าวว่า ร่างรธน.ไม่ถือเป็นรธน.เพราะกฎหมายจัดระเบียบมวลชนชาวไทย ต้องให้ปวงชนเขียน ไม่ใช่ให้พวกปล้นเขามาเขียนเป็นตุลาธรรมนูญ สำหรับตนไม่ใช่แค่ไม่รับร่างรธน. แต่ไม่ยอมรับด้วยว่าเป็น รธน. คนพวกนี้เขาแพ้จำนวนคน จึงต้องให้ประชาชนออกมาต่อสู้กันเยอะๆ


 


ด้าน นพ.เหวง กล่าวหลังได้รับการปล่อยตัว ได้ไปพักผ่อน เพราะป่วยเจ็บคอ วันนี้ยังโคลงเคลงอยู่ แต่คิดถึงเพื่อนจึงมาเยี่ยม สำหรับการต่อสู้คดี นายมานิตย์จะเป็นหลัก ส่วนการเคลื่อนไหวอื่นๆ นปก.2 ได้ดูแลอยู่แล้ว ตนเคารพกรอบที่ศาลวางไว้ และจะปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด โดยข้อบังคับที่ศาลกำหนดคือ ต้องไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก


 


ภายหลังเข้าเยี่ยม นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปก. รุ่นสองได้แถลงข่าวว่าแกนนำนปก.รุ่น 2 และญาติได้เยี่ยมผู้ต้องหา นปก.ทั้ง 6 คน และกลุ่มพิราบขาวอีก 6 คน ที่ถูกจับกุมในวันเกิดเหตุ โดยทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี อย่างไรก็ตามญาติและประชาชนจำนวนมากมาขอเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งหมด แต่ปรากฎว่า ไม่ได้รับความสะดวกจากทางเรือนจำ เนื่องจากกำหนดเวลาเยี่ยมน้อยเกินไปดังนั้น วันนี้ ได้ปรึกษากับทางญาติของผู้ต้องหา ทนายความ และผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีความเห็นร่วมกันว่า จะยื่นประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คน ต่อศาลอาญาและได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นต่อศาลอาญาแล้ว


 


นางประทีป กล่าวว่า การขอประกันตัวไม่ใช่เป็นการกลืนน้ำลาย แต่เป็นความประสงค์ของ นปก.รุ่น 2 และญาติผู้ต้องหา ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางมาเยี่ยม และถูกทางเรือนจำกำหนดเวลาเยี่ยมน้อยลง ทั้งยังยังได้กล่าววิงวอนศาล ขอให้ประกันตัว ผู้ต้องหาทั้งหมด 12 คน โดยกล่าวว่าเมื่อออกไปแล้ว ผู้ต้องหาทั้งหมดจะไม่เคลื่อนไหวในแถวหน้า แต่จะขออยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net