เมื่อสยามอินเตอร์ฯ เซ็นเซอร์ตัวเอง หลังร้าน Akiba ถูกตำรวจค้น

สถานการณ์ "การ์ตูน" ยุครัฐบาลแอ๊บแบ๊ว แบนฉาก "ชิซูกะ" อาบน้ำ ล่าสุดหลังตำรวจค้นร้านการ์ตูนดังย่านสยามแสควร์ เก็บการ์ตูนไปหลายเล่ม บัดนี้ สยามอินเตอร์ มัลติมิเดีย ยกเหตุรัฐบาลปราบสิ่งขัดศีลธรรม เซ็นเซอร์ตัวเองเรียกเก็บการ์ตูนกว่า 20 รายการ! ขณะที่ร้านดังที่ถูกค้นยืนยันความบริสุทธ์พร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม

การค้นร้าน Akiba ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่มาของภาพ : Kj 2nd, pantip.comห้องเฉลิมไทย (18 ก.ค. 50)

 

ประชาไท - 28 ก.ค. 2550 หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ เซ็คชั่นเอ็กซ์-ไซท์ ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 18 ก.ค. 2550 ได้ตีพิมพ์ข่าวพาดพิงถึงร้านการ์ตูนที่ตั้งอยู่ใจกลางเซนเตอร์พอยท์โดยไม่ระบุชื่อ ว่ามีสื่อลามกและการ์ตูนโป๊เปลือยปะปนอยู่

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีร้านหนังสือการ์ตูนยังแอบวางการ์ตูนโป๊ขายปะปนอยู่อีก แต่ที่น่าตกใจคือ ร้านนี้เป็นร้านขาประจำของเหล่าวัยรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มที่คลั่งไคล้แฟชั่นญี่ปุ่น และการแต่งตัวแนวคอสเพลย์ (แต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนในหนังหรือเกม) และที่สำคัญกว่าคือ ร้านนี้ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์แหล่งรวมวัยรุ่น บริเวณตรงข้ามลานเซ็นเตอร์พอยท์แท้ๆ แต่ไม่ได้รับการตรวจตราหรือเข้มงวดอะไรมาก มีการ์ตูนและโมเดลโป๊ขายกันอย่างโจ๋งครึ่ม…

 

...เมื่อสังเกตดีๆ บริเวณตู้หนังสือมุมด้านในชั้นล่าง  พบว่ามีหนังสือที่หน้าปกเป็นภาพล่อแหลมวางปะปนอยู่  ซึ่งเมื่อลองซื้อมาดูปรากฏว่า เป็นหนังสือการ์ตูนที่ค่อนข้างจะลามก มีภาพวาดกำลังอาบน้ำ หรือภาพโป๊ในกิริยาต่างๆ รวมทั้งบทสนทนาที่สื่อถึงเรื่องลามก  ส่วนอีกฝั่งซึ่งเป็นลักษณะคาเฟ่ ชั้นสำหรับโชว์โมเดลจะมีโมเดลตั้งโชว์อยู่ มีตัวการ์ตูนต่างๆ แต่ที่สะดุดตาคือ มีโมเดลผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำวางปะปนอยู่ด้วย ซึ่งมองภาพรวมแล้วเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีสื่อล่อแหลมสำหรับวัยรุ่นปะปนอยู่มากพอสมควร..." ข้อความตอนหนึ่งในไทยโพสต์ระบุ

 

ในตอนสายของวันเดียวกัน พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ ศาสนอนันต์ พ.ต.ต.ภัทร เดชะศิริพงษ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ทำการเข้าตรวจสอบร้าน Akiba ในย่านดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นร้านการ์ตูนที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสท์อ้างถึง โดยเนื้อข่าวในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ระบุว่า

 

"จากการตรวจค้นพบหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่เข้าข่ายลามกอนาจารจำนวนมากแปลเป็นภาษาไทยอย่างดี โดยหนังสือประเภทนี้จะวางปะปนกับหนังสือการ์ตูนทั่วไป นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบดีวีดีการ์ตูน ที่มีคำเตือนจากต่างประเทศติดไว้ว่าห้ามจำหน่ายกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย เมื่อเปิดดูพบภาพยนตร์การ์ตูนลักษณะเปลือยเช่นกัน

 

พ.ต.อ.พันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ร้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่มาส่งบุตรหลานเรียนพิเศษย่านสยามฯ แจ้งให้ทราบ จึงเข้าตรวจสอบเบื้องต้นเจ้าของร้านให้การว่า เปิดร้านหนังสือการ์ตูนมาระยะหนึ่ง มีลูกค้าตั้งแต่ 16 ปี ถึง 20 กว่าปี มาใช้บริการ ไม่เคยรู้เรื่องหนังสือลามกแต่อย่างใด เพียงแต่หนังสือที่เจ้าหน้าที่พบ รับมาจากโรงพิมพ์แห่งหนึ่งนำมาฝากขาย ตนไม่ทราบว่ามีภาพลามก เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อประสงค์แห่งการค้ามีไว้ทำให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ ซึ่งสิ่งพิมพ์รูปภาพข้อความลามก มีอัตราโทษปรับ 6,000 บาท จำคุก 3 ปี หรือทั้งจำและปรับ"

 

ทั้งนี้ ข่าวรายงานว่ามีรายชื่อของหนังสือการ์ตูนที่โดนจับและรายชื่อของสำนักพิมพ์ดังนี้คือ คู่แท้แต่มาป่วน ของสำนักพิมพ์ วิบูลย์กิจ สมาคมคนหนีโลก (NHK), Akitoผู้ไม่มีวันตาย, Codemaster ของสำนักพิมพ์

Siam Inter Comic Saikano - อาวุธสุดท้ายคือเธอ ของ สำนักพิมพ์เนชั่นฯ Ares, ตราบฟ้านิรันดร์, สาวเก๊กหลงรักหนุ่มบอยแบนด์ ของ สำนักพิมพ์บงกชฯ หนุ่มง่าวสาวสะบึม, ซาสึเกะนินจาเหินเวหา ของ สำนักพิมพ์บุรพัฒน์ และ ดีวีดี เรื่อง DearS

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ทางร้าน Akiba ได้ออกมาประกาศทางเว็บไซด์ของร้าน เพื่อชี้แจงว่าข่าวสารทุกอย่างที่เผยแพร่ออกไปโดยสื่อต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริง โดยยืนยีนว่าสื่อลามกที่เจ้าหน้าที่ยึดเป็นของกลางเป็นการ์ตูนลิขสิทธิ์มีจำหน่ายตามร้านการ์ตูนทั่วไป และขอต่อสู้พิสูจน์ความจริง ตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยประกาศตอนหนึ่งชี้แจงว่า

 

"สื่อลามกที่เจ้าหน้าที่ได้ยึดเป็นของกลางและแสดงต่อนักข่าวว่าเป็นสื่อลามกนั้น ล้วนเป็น หนังสือการ์ตูนลิขสิทธิ์จากทุกสำนักพิมพ์การ์ตูนลิขสิทธิ์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านการ์ตูนทั่วไปทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้การสัมภาษณ์แก่สื่อในเชิงที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ร้าน AKIBA อย่างมาก จนทำให้มารดาของเจ้าของร้าน AKIBA ซึ่งดูสถานการณ์อยู่นั้น อดรนทนไม่ได้ จึงได้พูดแก้ต่างให้กับ AKIBA ต่อสื่อออกไป คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มองว่าผู้หญิงวัยกลางคนที่พูดแย้งออกมานั้น มีส่วนได้ส่วนเสียหรืออาจเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง ส่งผลให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการจับกุมมารดาเจ้าของร้าน AKIBA พร้อมเจ้าของร้าน AKIBA ที่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งสองคนดำเนินคดีทางกฏหมายในมาตรา 287 ซึ่งว่าด้วยการค้าสื่อลามกอนาจาร หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้งคู่เข้าห้องขังในสถานีตำรวจปทุมวัน เพื่อรอการไต่สวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฏหมายต่อไป บุคคลที่เกี่ยวข้องจึงต้องรวบรวมเงินเป็นจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท เพื่อทำการประกันตัว ผู้ถูกกล่าวหาทั้งคู่ ออกจากห้องขัง ซึ่งก็เป็นเวลานานอีกหลายชั่วโมงถัดมา หลังจากการประกันตัวและได้ทนายความเบื้องต้นเข้ามาช่วยดูแลคดีแล้ว ก็มาถึงจุดที่ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งคู่ ต้องให้ปากคำ และ เลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธในข้อกล่าวหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งไว้หรือไม่ ในแง่หนึ่งอาจจะดีกว่า ถ้าทาง AKIBA ยอมรับขอกล่าวหาว่า AKIBA ได้ค้าสื่อลามกอนาจารจริง ทั้งๆ ที่รู้ว่าถูกกลั้นแกล้ง ใส่ร้าย และไม่ใช่เรื่องจริง เพื่อให้จบคดีโดยง่าย แต่ AKIBA ได้เลือกที่จะ ปฏิเสธ ซึ่งเป็นหนทางที่ยากลำบากกว่า เพื่อพิสูจน์ว่า AKIBA นั้นบริสุทธิ์ ถูกใส่ความ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง"

 

โดยในท้ายของประกาศทางร้าน Akiba ยังขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนและสังคมอีกด้วย ตลอดจนประกาศเชิญชวนให้ลูกค้าของร้านร่วมกันลงชื่อเป็นพยานให้กับร้านในคดีความดังกล่าวด้วย

 

เรื่องนี้ส่งผลให้ในวันต่อมา บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้ออกหนังสือประกาศวันที่ 19 กรกฎาคม แจ้งถึงผู้ประกอบการ เรื่องขอเก็บคืนหนังสือของสำนักพิมพ์ในเครือตามรายการที่ให้มา เนื่องจากทางบริษัทเกรงว่า "จะขัดต่อนโยบายการปราบปรามสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อหาขัดต่อศีลธรรมของรัฐบาล และมีการปราบปรามอย่างจริงจัง"

 

 

 

19  กรกฎาคม  2550

 

เรื่อง      ขอเก็บคืนหนังสือของสำนักพิมพ์ คิด คั้น สด

เรียน      ท่านเจ้าของกิจการร้านค้า

 

            เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายที่จะปราบปรามสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อหาหรือภาพขัดต่อศีลธรรมที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหากับเยาวชนและสังคมไทยโดยจะดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง ดังนั้น บริษัท สยามอินเตอร์ มัลติมิเดีย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คของสำนักพิมพ์ คิด คั้น สด จึงขอให้ท่านนำหนังสือที่มีรายชื่อด้านล่างนี้ลงจากชั้นโดยเร็วและส่งกลับคืนบริษัทภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550

 

            อนึ่ง บริษัท สยามอินเตอร์ฯ ขอเรียนให้ทราบว่าหากท่านละเลยไม่ส่งหนังสือดังกล่าวกลับคืนบริษัท ยังคงจัดจำหน่ายหนังสือดังกล่าวต่อไป บริษัท สยามอินเตอร์ฯ จะไม่สามารถรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น

 

            จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

 

 

ดวงตา  เทียมทัด

ผู้อำนายการฝ่ายขายและการตลาด

 

 

รายชื่อหนังสือการ์ตูน

1. GANTZ

2. HEAT คนระห่ำองศาเดือด

3. ราชาเหมียว

4. SERAPHIC FEATHER

5. ZET MAN

6. BIRTH กำเนิดอสูร

7. อาจารย์เฮี้ยว เปรี้ยวเซ็กซี่

8. ซันชิโร่ นักสืบลุยดะ

9. ยูโก บุรุษเหล็ก

10. EDEN

11. GIRL BRAVO

12. ไอส์

13 เงาพยาบาท

14. โลกของเอสและเอม

15. DEAD SPACE

16. สุภาพบุรุษทรชน

17. ลูกแก้วมากะ

18. BASTARD

19. สมาคมคนหนีโลก

20. CODE MASTER

 

ซึ่งจากการที่ผู้สื่อข่าว "ประชาไท" สำรวจรายชื่อหนังสือการ์ตูนที่สั่งเก็บนั้น พบว่าบางเล่มที่ไม่น่ามีส่วนของการเป็นสื่อลามกได้ อย่างเช่นเรื่อง "ไอส์" ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องรักวัยรุ่นธรรมดาที่อาจจะมีฉากวับๆ แวมๆ บ้าง หรือเรื่อง "สมาคมคนหนีโลก" ที่มีเนื้อหาสะท้อนถึงคนที่มีอาการของโรค "ฮิคิโคโมริ" หรือคนที่ชอบคลุกตัวอยู่ใช้ชีวิตแต่ในห้องไม่ยอมไปไหน ในขณะที่เรื่อง "Code Master" เองก็เป็นการ์ตูนที่เขียนโดยคนไทย

 

ขณะที่กระแสในเว็บบอร์ดต่างๆ โดยเฉพาะ Pantip.com โต๊ะเฉลิมไทย มีการพูดถึงการตรวจค้นร้านอากิบะอย่างกว้างขวาง เช่นกระทู้หัวข้อ "ไทยโพส อ้างถึงอากิบะด้วย (มั้ง) > โดยคุณ Kassidy หรือกระทู้หัวข้อ "ความไร้จรรยาธรรมของสื่อและความบ้าของตำรวจ"  โดยคุณ NOP2 กระทู้ดังกล่าวได้มีกระแสวิจารณ์การยึดหนังสือการ์ตูนร้าน Akiba ที่เกิดขึ้นด้วย

 

โดยความเห็นในกระทู้หัวข้อ "ไทยโพส อ้างถึงอากิบะด้วย (มั้ง) > บางส่วนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำถูกต้องแล้ว เจ้าของร้านไม่ทำให้ร้าน "คลีน" เอง แต่อีกส่วนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือเห็นว่าผู้สื่อข่าวรายงานเกินความเป็นจริง หลายความเห็นมองว่าการแต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนหรือคอสเพลย์ หรือหุ่นโมเดลไม่ใช่สิ่งล่อแหลม

 

ความเห็นบางส่วนมองว่า "ผู้ใหญ่" มองการ์ตูนอย่างเป็นอคติเกินไป เช่น ผู้ที่ใช้ชื่อ เมย์ (meichan) แสดงความเห็นที่ 67 ในกระทู้ "ไทยโพส อ้างถึงอากิบะด้วย (มั้ง) > ไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่า

 

"สื่อปัจจุบันหาได้มีจรรยาบรรณทางวิชาชีพแต่อย่างใด อ่านแล้วก็ให้ขุ่นใจว่า เสียงของพวกเรามันคงไปได้ไม่ถึงไหน ร้องโวยวายด่าไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะ "ผู้ใหญ่" เขาไม่สน และมันนั่งเทียนเขียนกันไป คนอื่นอ่านก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงกันหมดแล้ว เราเถียงก็ว่าๆ เราก้าวร้าวทั้งที่เราพูดมันเป็นความจริงที่มันเป็นเรื่องจริง กว่าข่าวที่เขาเขียนถึง (จะว่าไปเราก็เป็นผู้ใหญ่นะ แต่บังเอิญว่าเป็นผู้ใหญ่ที่โตมาพร้อมการ์ตูน จนปัจจุบันก็ยังชอบเรื่องพวกนี้อยู่) ผู้ใหญ่ชอบมองว่าการ์ตูนปั่นทอนปัญญามอมเมาประชาชน ทำให้เด็กไม่พัฒนา แต่แล้วไอ้ผู้ใหญ่ที่ไม่อ่านการ์ตูนไม่ชอบการ์ตูนอคติกับการ์ตูนเนี่ย... มันจะทำให้ปัญญาท่วมท้นมากกว่าขนาดนั้นเลยหรือไง? เหนื่อยใจเว้ย..."

 

หรือ นายคล้าว แสดงความเห็นที่ 60 ในกระทู้เดียวกันไว้เมื่อ 18 ก.ค. ว่า "งั้นก็ไปจับพวกหนังสือดาราก๊อดซิปด้วยซิโว้ย โป๊กว่าการ์ตูนพันเท่าเนื้อหาหล่อแหลมกว่าหมื่นเท่า" หรือความคิดเห็นที่ 64 ใช้ชื่อว่า "เด็กแต่ไม่โง่เยี่ยงรัฐมนฯนะ" โพสต์เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่สะท้อนความเห็นที่สำคัญเรื่อง "วรรณคดีไทย" ก็มีการผลิตวัฒนธรรมความรุนแรงเช่นกัน โดยเขากล่าวว่า "ขนาดชิซูกะอาบน้ำ เขาก็เซนเซอร์ให้แล้ว จะให้เด็กดูอะไร ปลาบู่ทองเหรอ คิดว่ามันไม่รุนแรงเหรอ ปลาบู่ทองน่ะ แม่โดนฆ่าทิ้งกี่รอบ สาดดดดดดดดดดดดด"

 

หรือกระทู้หัวข้อ "fax จากสยามอินเตอร์ที่เรียกหนังสือการ์ตูนกลับ20เรื่องใช่จริงมั้ยครับ", โพสต์โดย LiMuLiMu ผู้แสดงความเห็นหลายคนก็กล่าวเสียดายการเซ็นเซอร์ตัวเองของบริษัทสยามอินเตอร์ มัลติมิเดีย จำกัด (มหาชน) และกล่าวว่าจะรีบไปซื้อการ์ตูนที่จะถูกเรียกเก็บเพราะตนสะสมเอาไว้ ขณะที่ความเห็นที่ 32 โดยคุณ Eve&Kyoko FanClub แสดงความเห็นเมื่อ 25 ก.ค. อย่างน่าสนใจว่า

 

"ประเทศไทยมันเฮงซวยครับ

 

พ่อแม่ทำลูกมาแล้วไม่สั่งสอน ให้ครูสอน ให้เกมออนไลน์สอน

ครูใหม่ๆ ก็สอนไปวันๆ รอเงินเดือน สอนแต่วิชาการไม่สอนจริยธรรม เพราะไม่ใช่หน้าที่เด็กมันเลยเลวลงๆ

 

จะโทษสถานบันครอบครัวหรือสถาบันการศึกษาก็ไม่ได้

เพราะผู้ปกครองจ่ายภาษีให้รัฐ ไปด่าไม่ได้

โรงเรียนเป็นหน่วยงานของรัฐเอง ถ้าโทษโรงเรียนก็เท่ากับรัฐบาลผิด

 

โทษการ์ตูนแล้วกันแพะชั้น 1 มีคนกลุ่มน้อยสนใจ

แถมธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ ละครน้ำเน่าตบจูบฉุดคร่าหลังข่าว เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

ธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ หนังสือสำหรับผู่ใหญ่ที่เด็กแอบไปซื้ออ่าน เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

ธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ สิ่งมึนเมาสิ่งเสพติดที่ขายกันเกร่อตลาด เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

ธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ ผับ บาร์ เทค อาบอบนวด เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

ธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ หวยทุกชนิด เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

ธุรกิจการ์ตูนจ่ายภาษีให้รัฐได้ไม่้เยอะ เท่าธุรกิจ มอมเมายาวชนและมอมเมาคนไทยอีกหลายๆอย่าง เพราะธุรกิจการ์ตูนฐานลูกค้ามันน้อย

 

เพราะธุรกิจการ์ตูนเป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้าน้อย กำไรน้อย จ่ายภาษีน้อย เลยเป็นแพะรับบาปแทนพวกธุรกิจมอมเมาคนไทย ที่มีฐานลูกค้าเยอะ กำไรเยอะ จ่ายภาษีเยอะ และมอมเมาประชาชนได้เยอะ"

 

ทั้งนี้ เรื่องการเซ็นเซอร์การ์ตูนไม่ใช่เรื่องใหม่ในช่วงนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคมปีนี้ เคยมีรายงานว่า กองเซ็นเซอร์ กระทรวงวัฒนธรรม เคยสั่งห้ามไม่ให้เห็นฉากชิซูกะอาบน้ำที่มีเพียง 2-3 วินาที ในโดราเอมอน ตอน โนบิตะตะลุยอาณาจักรเมฆ ในรูปแบบแผ่นซีดี ทำให้แฟนการ์ตูนแสดงความไม่เห็นด้วยตามเว็บไซต์ต่างๆ ว่าการเซ็นเซอร์เช่นนี้นี้เป็นการทำลายหนัง ส่วนผู้ผลิตก็ชี้แจงว่าพยายามอุทธรณ์แล้วแต่ไม่สำเร็จเลยต้องทำตามกฏหมาย

 

ข้อมูลประกอบ

สื่อลามกกลางสยามการ์ตูนโป๊เปลือยอื้อ, ไทยโพสต์, 18 ก.ค. 50

จับร้านการ์ตูนลามกเซ็นเตอร์พอยท์, เดลินิวส์, 19 ก.ค. 50

"ไทยโพส อ้างถึงอากิบะด้วย (มั้ง) > โพสต์โดย Kassidy, pantip.com โต๊ะเฉลิมไทย, 18 ก.ค. 50

"ข่าว AKIBA ที่เผยแพร่โดยสื่อต่างๆ, โดย Vee AKIBA, เว็บไซต์ Akiba 2.0, 20 ก.ค. 50

สรุปสถานการณ์ กำจัดสื่อลามก กลางเซ็นเตอร์พอยท์ ระหว่างวันที่ 18 ถึง 20 กรกฏาคม 2550, โดย Vee AKIBA, เว็บไซต์ Akiba 2.0, 20 ก.ค. 50

"fax จากสยามอินเตอร์ที่เรียกหนังสือการ์ตูนกลับ20เรื่องใช่จริงมั้ยครับ", โพสต์โดย LiMuLiMu, pantip.com โต๊ะเฉลิมไทย, 24 ก.ค. 50

 

ข่าวประชาไทย้อนหลัง

คณะกรรมการเซ็นจนเซ่อ ..., ประชาไท, 21 เม.ย. 50

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท