รายงานโดย นิตยสารรายสัปดาห์ "พลเมืองเหนือ"
รสนิยมควงฝรั่งในหมู่หญิงไทย ได้ขยายวงกว้างเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องจนยุคนี้ "ธุรกิจเมียสั่งได้"ผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ดแทบทุกเมือง ที่เมืองแห่งวัฒนธรรมเช่นเชียงใหม่ สำรวจพบว่ามีไม่น้อยกว่า 3 แห่งที่เปิดเป็นบริษัทจัดการคู่ มีการลงโฆษณาสี่สีในหนังสือฟรีก็อปปี้ก็มาก ซึ่งเมื่อได้ติดตามเส้นทางธุรกิจนี้พบว่าไม่ธรรมดา
"พลเมืองเหนือ" ติดตามบริษัทจัดหาคู่แห่งหนึ่ง ย่านหางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งระบุชัดในหนังสือพิมพ์ "ฟรีก็อบปี้" 4 สีขนาด 8×5 cm.ข้อความว่า "สนใจมีเพื่อนชาวต่างชาติ คู่ครองชาวต่างชาติ ....กรุณาติดต่อเรา พร้อมกับระบุที่อยู่และเว็ปไซต์"
โทรศัพท์ติดต่อไป ปลายสายเป็นเสียงของหญิงผู้หนึ่ง แทนตัวเองว่า "น้อย" บอกว่าเป็นเจ้าของบริษัทฯ อธิบายความว่า บริษัทฯ ก่อตั้งมาถึง 8 ปีแล้ว อ้างว่าจัดหาคู่มานับไม่ถ้วนกว่า 4,000 คู่ แต่ที่ตกลงปลงใจแต่งงานกันมีประมาณ 1,000 คู่ และในแต่ละวัน จะมีสาวไทยตั้งแต่แตกเนื้อสาวยันแม่หม้ายเข้ามาสมัครราว 5- 8 ราย โดยส่วนใหญ่มักจะให้เหตุผลว่าผิดหวังจากชีวิตคู่กับหนุ่มไทย
"เขาจะบ่นว่าหนุ่มไทยขาดความรับผิดชอบ ใช้ความรุนแรง มั่วอบายมุข และเจ้าชู้ จึงอยากจะค้นหาชายต่างชาติที่พร้อมจะเติมเต็มความสุขในครอบครัวให้พ่อ แม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า"
น้อย -เจ้าของบริษัทฯ บอกอีกว่าที่มีคนมาสมัครอย่างต่อเนื่องเพราะมีคนบอกต่อ ซึ่งอาจเป็นเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์หาคู่ผ่านสื่อลูกโซ่ของเรา อีกส่วนหนึ่งก็หวังอยากจะรวยทางลัดอย่าง เพราะสบายจนแก่เฒ่า
มีเงื่อนไขที่ต้องตกลงร่วมกัน คือ ผู้สมัครจะต้องเข้ามาสมัครด้วยตนเอง โดยแจ้งเหตุผล ประวัติที่เป็นจริงและที่อยู่ตามทะเบียนบ้านพร้อมกับรูปส่วนตัว 20 รูปขึ้นไป เพื่อที่บริษัทจะได้นำรูปและข้อมูลส่วนตัวไปลงในเว็ปไซด์ของบริษัทซึ่งเชื่อมต่อกับ 36 ประเทศทั่วโลก โดยมีค่าใช้จ่าย 2 ประเภท ที่ต้องจ่ายแรกเข้าคือ 1. หาเพื่อนพูดคุยทั่วไป อัตรา 3,500 บาท 2.หาคู่แต่งงาน 30,000 บาท
น้อย อธิบายว่า กรณีหาเพื่อนคุยเท่านั้น ยอดเงินนี้เป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างล่ามมาแปลภาษาส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ตามประเทศต่างๆ และเมื่อมีการตอบจดหมายมาก็จะแปลให้ลูกค้าฟัง ซึ่ง
เมื่อลูกค้าจะตอบกลับไป ก็จะเป็นผู้แปลให้ในระยะเวลา 1 ปี 3 เดือน แต่ไม่ค่อยมีลูกค้ากลุ่มนี้เท่าใดนัก
กรณีต้องการหาคู่แต่งงาน ยอด 30,000 บาทนี้ คือการโต้ตอบจนดหมายกระทั้งได้ชายที่คิดว่าจะเป็นคนที่ลูกค้าพอใจมาให้ลูกค้าเลือก 3 คน
"ส่วนใหญ่คนที่สนใจสมัครมักจะลงทะเบียนแบบเลือกคู่แต่งงานเสียมากกว่า เพราะทุ่มทีเดียวก็คุ้ม ซึ่งราคาที่กำหนดไว้ถือว่าถูกมาก แต่ได้คุณภาพ น่าเชื่อถือ ไม่หลอกลวงใคร"
แต่น้อยก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมาที่มีกรณีสาวไทยถูกชาวต่างชาติหลอกออกนอกประเทศเพื่อขายบริการ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัทฯ แล้ว เพราะเมื่อผู้สมัครพอใจจะแต่งงานกับชายคนใดก็ถือว่าเป็นการสิ้นสุดภารกิจของบริษัทจัดหาคู่แล้ว แต่หากต้องการขอคำปรึกษาก็ยินดี และให้ข้อมูลเท่าที่จะทำได้ ซึ่งอาจตรวจสอบไปตามประวัติที่ผู้สมัครชาย-หญิงที่ส่งมา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้หญิงจะให้ข้อมูลที่เป็นจริงและรอบด้านกว่า เพราะต้องการให้ฝ่ายชายเลือก แต่ฝ่ายชายที่เป็นชาวต่างชาติและเป็นผู้เลือกจะมีเพียงข้อมูลทั่วๆ ไม่มีรายละเอียดมากนัก ซึ่งอาจจะจริงหรือเท็จก็ได้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาควรจะปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า
"ที่อื่นจะร้ายกว่านะ เท่าที่รู้มา บริษัทอื่นๆมักจะยัดเยียดให้แต่งอย่างเดียว ไม่มีสิทธิ์เลือกได้ เหมือนเรา เพราะอย่างเรายังหามาให้เลือก 3 คน ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องแต่ง อาจหมั้นก่อน หรือดูๆกันไปสักพักก็ได้ เพียงแต่คุณต้องเสียเงินตามที่ตกลงไม่ว่าจะกรณีใด ทั้งจะสมหวัง หรือแยกทางใดๆก็ตาม เพราะเมื่อคุณสมัครเข้ามาโปรดตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทมีความจริงใจมากแค่ไหน และคนที่คุณเลือกเมื่อได้พูดคุยกันก็ต้องแน่ใจเขาไม่ได้มาหลอก อยากจะมีชีวิตคู่ที่สดใสก็ต้องฉลาด มีเหตุผล และมีข้อมูลเกี่ยวกับคู่ให้มากเข้าไว้ อย่าให้ใครหลอกได้ เพราะชีวิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่เป็นหมากที่ต้องเลือกเล่นให้ถูกทาง"
น้อยเล่าว่า อย่าคิดกลัวแค่ว่าฝรั่งมาหลอกคนไทย เพราะสาวไทยก็ใช่ย่อย หลายต่อหลายคู่ต้องแยกทางเพราะความไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจ มีตัวอย่างเช่น เจมส์ ชาวอังกฤษ วัย 60 ปีเพิ่งเกษียณราชการมาหมาดๆ หอบเงินทั้งชีวิตที่เก็บสะสมมากว่า 5 ล้านบาทหวังมาสร้างครอบครัวกับสาวไทยและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่กลับถูกสาวไทยหลอกว่าแต่งงาน ด้วยความที่ไว้ใจก็ให้เงินสด บัตรเอทีเอ็ม บัตรชีธนาคารหลายแห่งเก็บไว้ สุดท้ายถูกเชิดเงินหนี หมดตัวไม่เงินแม้แต่จะซื้อข้าวในแต่ละมื้อ ตกอับถึงกับต้องไปเป็นกรรมกรแบกวัสดุก่อสร้างย่านช้างเผือก
ขณะที่นางรุจี ฮาร์ด(นามสมมติ) แม่บ้านฝรั่งแดนหมีขาว เป็นสาวไทยที่ใช้บริการบริษัทจัดหาคู่นี้ เล่าให้ฟังว่า แรกๆรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับการหาคู่ที่ต้องอาศัยตัวกลาง และหวั่นว่าจะโดนหลอกให้เสียเงินหรือไม่ก็ถูกจับไปขายออกนอกประเทศ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจสมัครเพราะเพื่อนแนะนำ โดยให้รูปถ่ายพร้อมประวัติว่า อายุ 40 ปีเคยแต่งงานมาแล้วกับผู้ชายไทย มีภาระเลี้ยงดูลูก 1 คน จากนั้นมีจดหมายจากหนุ่มๆต่างชาติกว่า 150 ฉบับ
ซึ่งทางบริษัทจะให้เราเลือกได้ตามใจชอบ 3 คน แต่เลือกที่ถูกใจมากที่สุด 1 คนสำหรับนัดดูตัว โดยชายที่เลือกเป็นชาวรัสเซีย วัย 63 ปี เป็นช่างเทคนิคในบริษัทรถยนต์ชั้นนำแห่งหนึ่งในรัสเซีย ซึ่งที่เลือกเขาก็เพราะเขาไม่มีพันธะใดๆและยินดีจะรับผิดชอบดิฉันและลูกสาว กระทั่ง3-4 เดือนนับจากนั้นเราก็ได้แต่งงานกัน หลังจากการแต่งงานชีวิตคู่ที่เคยขมขื่น จากสามีไทยที่เคยกลับบ้านดึก เจ้าชู้ ทุบตีเมียและลูกผิดกับจอนห์ซึ่งเป็นผู้ชายที่ดีมาก แม้ว่าเรา 3 คนพ่อแม่ลูกติดต่อกันทางโทรศัพท์เนื่องจากเขาต้องทำงานที่รัสเซีย แต่เขาก็เอาใจใส่เราเป็นอย่างดี ทั้งให้ซื้อบ้าน ให้ค่าใช้จ่ายตลอดทุกเดือนไม่เคยขัดสน จึงนับว่าโชคดีที่ชีวิตกลับเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"ก็น่าแปลกที่เพื่อนหลายคนที่ใช้วิธีการนี้หาคู่ แต่ฝรั่งหลายคนไม่เล่นด้วย ทั้งที่มีการดูตัวทั้ง 2 ฝ่าย จะดีสุดก็เพียงแต่หมั้นไว้ก่อน ยังไม่ยอมแต่ง ซึ่งบางคนต้องรอเป็นปี ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าฝรั่งเขาก็คงกลัวจะโดนหลอก โดยเฉพาะสาวไทยเอ๊าะๆ อายุ 20 -27 ยิ่งไม่น่าไว้ใจ แต่สำหรับผู้หญิงที่อายุ 30 ปีขึ้นไปมักจะประสบความสำเร็จสูง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความจริงใจที่คนหาคู่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมีให้กัน เพราะการตัดสินใจแต่งงานกับใครสักคนนั่นก็หมายถึงความสุขหรือทุกข์ทั้งชีวิตของเขา
"พลเมืองเหนือ"ยังพบบริษัทจัดหาคู่ปรากฏอยู่บนเว็บไซต์อีกเพียบ อย่างตัวอย่างเว็บของ T......com(ชื่อสมมติ)ที่ระบุไว้ว่าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการหาแฟน หาคู่ ต่างชาติ ต่างแดน ออฟฟิศของเราอยู่ที่สุขุมวิท 21 เป็นเว็บที่มีคนใช้บริการมากที่สุดทั้งต่างชาติและผู้หญิงไทย ไม่ใช่เว็บไซต์เพื่อแชท หรือหาเพื่อนคุย เพราะการแชทนั้นโอกาสน้อยมากที่จะได้แต่งงาน เพราะผู้ชายสามารถที่จะแชทกับผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในเว็บ
เว็บนี้ ได้อ้างความสำเร็จของหญิงไทยชื่อ Vicky (นามสมมติ) โดยอ้างว่าสมัครไว้เพียง 2-3 อาทิตย์ก็ได้เจอกับ Bernardชาวฮอลแลนด์ โดยBernard ได้เดินทางมาเมืองไทย และให้ทางเว็บนัดเจอให้ที่ในกรุงเทพ วันที่ เจอกัน Bernard ได้มอบดอกไม้ช่อโตเซอร์ไพรส์เธอ เธอบอกว่า Bernard ไม่เหมือนคนอื่น นิสัยดี สุภาพมาก แต่ไม่รู้ว่าเขาจริงจังกับเธอแค่ไหน แม้ตอนนี้เขาจะให้แหวน (วงค่อนข้างใหญ่เลย) Vicky ก็รับไว้และประทับใจมาก แต่ก็บอกเขาว่ามันแค่เริ่มต้นนะ การแต่งงานเป็นเรื่องของอนาคตอีกยาว คิดว่าคงต้องศึกษากันมากกว่านี้
ดร.ร่มเย็น โกไศยกานนท์ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุถึงการศึกษาวิจัย "การแต่งงานข้ามชาติ : กรณีศึกษาหญิงไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติผ่านเว็บไซต์จัดหาคู่ในไทย"ในการประชุมวิชาการ "การค้ามนุษย์ข้ามชาติในมุมมองสตรีนิยม" เมื่อวันที่ 25มิถุนายน 2550 ที่ศูนย์สตรีศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้ศึกษากลุ่มตัวอย่างเว็บไซต์ทั่วประเทศจำนวน 10 เว็บไซต์ โดยการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการทั้งสมาชิกและเจ้าของบริษัท และ 7 บริษัทในนั้นพบว่าเจ้าของบริษัทเคยผ่านการแต่งงานจากกรณีหาคู่จากเว็บไซต์ด้วยเช่นกัน ขณะที่อีก 3 บริษัทในนั้นตั้งอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย
จากการศึกษาพบว่าเมียสั่งทางอินเตอร์เน็ตต่างจากธุรกิจ online dating net dating ซึ่งเป็นปัจเจกบุคคลที่แชตผ่านอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีการจับคู่ แต่พูดคุยได้อิสระกว่าเพราะจะคุยกับใครก็ได้ทั้งชายหาหญิงหรือหญิงหาชายก็ได้ ผิดจากเว็บเมียสั่งได้ที่ฝ่ายหญิงโพสต์รูป และประวัติส่วนตัวทิ้งไว้ในแค็ตตาล็อกรอให้ฝ่ายชายเข้ามาดูหากสนใจถึงจะจะมีการโต้ตอบกัน
จากการสุ่มตัวอย่างไปยังเว็บไซต์หาคู่ต่างชาติจำนวน 3-4 แห่ง เป็นที่น่าสังเกตว่ามักจะถามในลักษณะเดียวกันคือจะให้ความสนใจในเรื่องของสัดส่วน หน้าตา และสถานภาพแต่งงานหรือไม่แต่งงาน มีลูกติดกี่คน แต่ไม่ให้ความสำคัญเรื่องหน้าที่การงานนัก
และน่าสนใจที่หลายเว็ปไซด์ในกรณีนี้มักมีการบอกสรรพคุณนานาประการ ทั้ง "เว็บของเรามีการประกวดมิสบิวตี้ " "ผู้หญิงเหล่านี้น่าเคารพนับถือ" "การันตีผู้หญิงของฉันตามหาความรักอย่างแท้จริง" "อัพเดทสาวๆหน้าใหม่ มีมากมายให้เลือก" และบางเว็บยังอ้างถึงการบริการครบวงจรแก่ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยทางบริษัทจัดให้พบกับผู้หญิงไทย 40 คนตลอดระยะเวลา 10 วัน
การวิจัยยังพบว่าโดยเฉลี่ยคนที่เข้ามาสมัครกับบริษัทจัดหาคู่ผ่านอินเตอร์เน็ตเทียบสัดส่วนเพศหญิงและชาย คิดเป็น 240 : 43 และผู้ชายส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุดคือ ชาวอเมริกัน ออสเตรเลีย อังกฤษ นิวซีแลนด์ และเอเชียตามลำดับ ขณะที่ฝ่ายหญิงนิยมหาคู่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี 25 % ปวส. 30% มัธยม 20 % และอื่นๆ25 %ขณะที่สถานภาพส่วนใหญ่หย่าร้าง 50 % และเกือบ 40 % เป็นโสด สำหรับอายุเพศชายเฉลี่ยอยู่ที่ 57 ปีขณะที่หญิงอายุ 30 ปี น้อยที่สุด 18 ปี
โดยสรุปจากสมมติฐานของการวิจัยชิ้นนี้ซึ่งได้ตั้งไว้ 3 ประเด็นคือ 1.)ตลาดการแต่งงาน=ดุลยภาพของความรัก 2.)เว็บไซต์เมียสั่งก็ไม่ต่างอะไรกับเอเย่นต์ค้ามนุษย์ และ 3.)เว็บไซต์เมียสั่งเป็นพื้นที่ของการต่อรองของเพศหญิงจริงหรือ ? โดยได้ข้อสรุปอย่างไม่เป็นทางการว่า ในตลาดการแต่งงานผ่านเว็บที่พบว่าเพศหญิงมีมากกว่าชายถึง 6 เท่าและราคาของชายและหญิงจะจ่ายไม่เท่ากัน ซึ่งต้องเป็นไปตามกลไกของตลาด ขณะที่ผู้หญิงไม่สามารถรู้ข้อมูลฝ่ายชายได้มากเท่าฝ่ายหญิง และยังเป็นฝ่ายรอชาย โดยที่ผู้ชายมีสิทธิ์ที่จะเลือกหญิงได้มากกว่า จึงเห็นว่าเป็นแพ็คเกจที่ไม่เท่าเทียมกันทางด้านเพศภาวะ ซึ่งบริษัทต่างทำไปเพื่อป้อนข่าวสารให้ชาย และปกป้องข้อมูลของฝ่ายชายไว้อีกด้วย
ส่วนประเด็นที่ 2 เว็บไซต์เมียสั่งก็ไม่ต่างอะไรกับเอเย่นต์ค้ามนุษย์ นั้นพบว่าเป็นกลไกที่มีความสลับซับซ้อน ขายสินค้าไม่ได้ขายผู้หญิง โดยอ้างว่าผู้หญิงก็มีโอกาสเลือก แต่ต้องให้ชายเข้ามาโพสท์ ซึ่งทางฝ่ายหญิงไม่มีทางที่จะแน่ใจได้เลยว่าข้อมูลของชายที่ปรากฏเป็นข้อมูลจริง จึงเกิดภาวะความเสี่ยงขึ้น ยิ่งหากแต่งงานแล้วเกิดไม่พอใจกลางคันก็จะถอนตัวออกมายาก ซึ่งก็ไม่สามารถฟันธงได้ว่าเป็นธุรกิจค้ามนุษย์อย่างแท้จริงเพราะแง่หนึ่งหญิงก็เลือกได้ แต่อีกนัยหนึ่งผู้ชายได้สิทธิ์ที่จะเลือกมากกว่าหญิงซึ่งเป็นกลไกตลาดค่อนข้างซับซ้อน เพราะต่างฝ่ายต่างถวิลหาความรัก อย่างลุมุนละม่อมไม่ได้มีการบังคับขืนใจใคร พอใจก็แต่ง ไม่พอใจก็เลิก
และประเด็นสุดท้ายของสมมติฐานที่ว่าเว็บเมียสั่งเป็นพื้นที่ของการต่อรองของเพศหญิงจริงหรือไม่นั้นเกิดจากผู้หญิงตัดสินใจใช้บริการกับบริษัทหาคู่ มีแรงจูงใจจากสภาพครอบครัวดั้งเดิม จึงเสนอตัวเองเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม แต่ผู้หญิงกลับไม่เลือกอย่างอิสระเหมือนชายแต่เลือกเพียงชายที่เข้ามาติดต่อด้วยเท่านั้น ทั้ง2 ฝ่ายจึงอยู่ในฐานของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศภาวะ
ทัศนะที่ตีตราชายไทยว่าเป็นประเภทคาสสิโนวา ไร้ความรับผิดชอบ ดูถูกเพศสตรี ดีแต่ใช้กำลัง เลี้ยงเมียด้วยลำแข้ง เป็นกรรมให้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยถึงกับเมินไปนิยมของนอกแทน แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องใช้วิจารณญาณ + ดวงยกกำลัง 2 หากโชคดีอาจจะได้ทั้งคู่ชีวิตและเงินทบทั้งต้นทั้งดอก แต่ทางกลับกันหากเลือกไม่ดีก็ต้องชีช้ำไปอีกยาว นาทีนี้
"ตาดีได้ ตาร้ายเสีย"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)