Skip to main content
sharethis

28 ก.ค. 50 เว็บไซต์คมชัดลึก รายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีบรรดาญาติและประชาชนเดินทางเข้าเยี่ยมแกนนำทั้ง 9 คน ที่ถูกคุมขังอยู่ที่ สน.สามเสน พร้อมนำอาหาร ประเภทน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง มาให้รับประทาน และพูดคุยซักถามกันประมาณ 5 นาที ขณะเดียวกัน แกนนำบางคนได้ออกกำลังกายภายในห้องขังเพื่อคลายเครียด ส่วนใหญ่ยังมีสีหน้าแจ่มใส ที่ด้านหน้า สน.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นเปิดทางเข้าออกเพียงช่องเดียว โดยใช้กำลังตำรวจ 1 กองร้อย


 



กระทั่งเวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยังมีประชาชนเดินทางมาเป็นกลุ่ม ถือดอกไม้และสิ่งของเครื่องใช้ต่อแถวเข้าเยี่ยมแกนนำ นปก.ทั้ง 9 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดให้เข้าเยี่ยมครั้งละ 10 คน กลุ่มละ 3 นาที และให้นำบัตรประชาชนลงชื่อขอเข้าเยี่ยม


 



นอกจากนี้ยังมี นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางนวลพรรณ พรหมพันธุ์ ภรรยานายจตุพร ที่นำข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่มาเยี่ยมสามี นางนวลพรรณ กล่าวว่า สามีฝากดูแลบ้าน และตนได้ทำเรื่องขอประกันตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ประกัน จากนั้น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักเขียนชื่อดัง นายธนา เบญจาทิกุล อดีตเลขาธิการสภาทนายความ และยังมีนายเจษฎา จันดี ทนายความของแกนนำ นปก.ทั้ง 9 คน มาพบบรรดาแกนนำด้วย โดย นพ.ทศพร ซื้อข้าวหมูแดงมาเยี่ยม


 



จัดคิวเยี่ยมครั้งละ 5-10 คน


ด้าน พ.ต.อ.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผกก.สน.สามเสน กล่าวว่า ได้แยกขังแกนนำออกจากผู้ต้องหาคดีอื่นให้อยู่รวมกัน โดยทุกคนนอนหลับสบายดี ช่วงเช้ามีบรรดาญาติและประชาชนเดินทางมาเยี่ยม ซึ่งจัดคิวให้เข้าเยี่ยมครั้งละ 5-10 คน ตามเวลาราชการ หากมาเป็นกลุ่มใหญ่ส่งเสียงดังจะไม่ให้เข้าเยี่ยม พร้อมเตรียมกำลังปราบจลาจลผลัดละ 150 นาย สลับกับตำรวจนครบาล ตรึงผลัดละ 8 ชั่วโมง เพื่อกันไม่ให้ผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย


 



 สนธิกำลังนครบาล-ภูธร1, 2, 7-ตชด.


 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. ผบก.จร. และ รอง ผบก. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงดูแลความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ที่ประชุมประเมินสถานการณ์ภายหลังแกนนำทั้ง 9 คน ถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฉกรรจ์ มีการสนธิกำลังร่วมกับตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 ตำรวจสันติบาล ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจตระเวนชายแดน เชื่อว่าสามารถรับมือการชุมนุมได้แน่นอน ตำรวจจะไม่ปล่อยให้มีการกระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และคงต้องมีการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิด คนยั่วยุปลุกระดมทุกรายเหมือนเช่นที่ผ่านมา



ด้าน พล.ต.ท.อดิศร กล่าวว่า ไม่ว่าผู้ชุมนุมจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม มีคำสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้มีการเคลื่อนขบวนหรือออกมารวมตัวกันนอกถนน ได้เตรียมกำลังตำรวจไว้พร้อมรับมือกว่า 1,000 นาย และเตรียมการ ณ ที่ตั้งอีกเท่าตัว เพื่อรับมือสถานการณ์ สามารถเรียกมาเสริมได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีกองร้อยปราบจลาจลและชุดอรินทราช 191 ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจาก บก.น.1 จำนวน 150 นาย มีรถตำรวจจราจร สน.สามเสน นำขบวนดูแลความปลอดภัยแน่นหนาขณะนำตัวไปฝากขังศาล


 



โทษจำคุก 6 เดือน-10 ปี


พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (โฆษก บช.น.) กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้กลั่นแกล้ง และต้องคัดค้านการประกันตัว เพราะหากให้ประกันตัวเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและกระทำความผิดซ้ำอีก หากสำนวนพร้อมความเห็นทางคดีถึงมือพนักงานอัยการ พนักงานอัยการก็มีอำนาจขอหมายขังต่อศาลใหม่ได้ จนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น


 



คุมเข้มส่ง 9 แกนนำไปศาลอาญา


ต่อมา เวลา 14.45 น.พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.หัวหน้าพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ควบคุมตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ทั้ง 9 คน ผู้ต้องหาคดีมั่วสุม 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ขึ้นรถตู้สีขาวมาที่ศาลอาญา โดยนำผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าไปควบคุมไว้ที่ห้องควบคุมตัวงานฝากขัง บริเวณใต้ถุนศาลอาญา


 



ซึ่งกลุ่มแกนนำ นปก.หลายคน อาทิ นายจตุพร ได้เปลี่ยนชุดมาสวมเสื้อโปโลสีดำ เขียนข้อความ "WE VOTE NO ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ" โดยการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกองกำลังตำรวจปราบจลาจลประมาณ 50 นาย เฝ้ารักษาการณ์ความสงบเรียบร้อยและคุ้มครองผู้ต้องหาบริเวณศาลอาญาอย่างเข้มงวด ยืนเป็นแถวกั้นบริเวณทางเข้าหน้าห้องควบคุมตัว ป้องกันไม่ให้ผู้สนับสนุน นปก.ประมาณ 50 คน ที่มาให้กำลังใจแกนนำ นปก.ทั้ง 9 คน สร้างความวุ่นวาย ทั้งนี้ ระหว่างถูกควบคุมตัว นายจตุพร ผู้ต้องหาที่ 2 กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทั้งตน นายวีระ นายจักรภพ นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง นายวิภูแถลง พ.อ.ดร.อภิวันท์ และนายมานิตย์ จะไม่ขอยื่นประกันตัวแต่อย่างใด ซึ่งทั้งหมดพร้อมจะถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร


 



จรัลขอประกันตัว


ขณะที่ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ต้องหาที่ 8 กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวแล้ว โดยเหตุผลที่ใช้ยื่นคำร้องระบุว่า ต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนกรรมการสิทธิมนุษยชน 4 ชุด หากไม่ได้รับประกันตัวจะมีผลกระทบทำให้ขาดองค์ประชุมและดำเนินการประชุมต่อไปไม่ได้


 



ใช้เวลา 1 เดือนสรุปผลสอบสวน


ด้าน พล.ต.ต.เจตน์ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันและพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาทั้งหมด ตามขั้นตอนระเบียบตำรวจโดยครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ หากจะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมขณะที่ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขัง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดต้องถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พนักงานสอบสวนก็พร้อมจะไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดที่เรือนจำต่อไป แต่ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดประเด็นที่จะสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยคดีนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ แต่ก็เป็นประโยชน์อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม การสรุปผลสอบสวนคดีนี้ คาดว่าพนักงานสอบสวนน่าจะใช้เวลาประมาณเดือนเศษในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อสรุปความเห็นส่งให้พนักงานอัยการสั่งคดีได้ประมาณสิ้นเดือนสิงหาคม


 



เตรียมออกหมายจับคนอื่นอีก


เมื่อถามว่า จะมีสอบสวนดำเนินคดีและขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นอีกหรือไม่ พล.ต.ต.เจตน์ กล่าวว่า มี แต่ไม่สามารถตอบได้ว่ามีจำนวนกี่คน เพราะเท่าที่ได้ดูเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ มีผู้กระทำผิดจำนวนมาก ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะดำเนินการออกหมายจับต่อไป ส่วนข้อหาจะเป็นความผิดข้อหาเดียวกับแกนนำ นปก.ทั้ง 9 หรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์การกระทำความผิดของแต่ละบุคคล


 



 9 แกนนำร้องคัดค้านฝากขัง


ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการส่งตัว 9 ผู้ต้องหาแนวร่วม นปก.ไปคุมขังว่า เมื่อเวลา 17.00 น.แกนนำ นปก.ทั้ง 9 คน ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง ระบุว่า 1.คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาให้ทราบตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 2.ที่พนักงานสอบสวนระบุในคำ-ร้องฝากขังครั้งนี้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 9 ให้การปฏิเสธนั้นเป็นความเท็จ จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่ง 3.ผู้ต้องหาทั้ง 9 ได้มายังศาลอาญาตามที่องค์คณะผู้พิพากษา ซึ่งมี นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เป็นเจ้าของสำนวนนั้น ในการไต่สวนคำร้องขอให้ออกหมายจับในคดีหมายเลขดำที่ จ.1605/2550 ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาให้เสร็จสิ้น


 



 จึงขอได้โปรดให้ศาลพิจารณาสำนวนคดีดังกล่าว โดยพิจารณาประกอบคำแถลงคัดค้านของผู้ต้องหาทั้ง 9 ซึ่งจะพบความจริงหลายประการ และ 4.ข้าพเจ้าผู้ต้องหาที่ 9 ถูกเจ้าพนักงานตำรวจใช้กำลังบังคับอุ้มข้าพเจ้ามาจากที่นั่งของผู้ต้องหา อันเป็นการกระทำที่ละเมิดอำนาจศาล ขอได้โปรดไต่สวนให้ปรากฏความจริงด้วย อนึ่ง ขอกราบเรียนต่อศาลโดยเฉพาะอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาว่า ข้าพเจ้าเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญานี้มาก่อน ไม่ควรถูกปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมากระทำกับข้าพเจ้าเช่นนี้ ขอให้ท่านได้โปรดรับผิดชอบดูแลเพื่อชื่อเสียงของศาลสถิตยุติธรรมในอนาคตด้วย ลงชื่อ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และแกนนำ นปก.รวม 8 คน ยกเว้น นายจรัล ที่ขอประกันตัว


 



 โดยศาลพิจารณาหนังสือคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่า คำร้องดังกล่าวเป็นเพียงลายมือเขียนบันทึกข้อความในแผ่นกระดาษเท่านั้น จึงมีคำสั่งให้พวกจำเลยไปจัดพิมพ์คำร้องตามแบบฟอร์มราชการศาล จึงจะรับพิจารณาเพื่อจะมีคำสั่งต่อไป ต่อมาเวลา 17.30 น.ทีมทนายความของแกนนำ นปก. ได้นำคำร้องคัดค้านการฝากขัง ที่จัดพิมพ์อย่างเป็นทางการยื่นต่อผู้พิพากษา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำร้อง


 



 "จรัล"ศาลอนุญาตประกัน2แสน


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ต่อมาเวลา 17.35 น. สำหรับ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ผู้ต้องหาที่ 8 ที่ยื่นคำร้องขอประกันตัวเพียงคนเดียวนั้น ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท และปล่อยตัวออกไป นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวผู้ต้องหาอีก 8 คน ส่งไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่ปรากฏว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 ไม่ยอมเดินทางไปเรือนจำโดยไม่มีเหตุอันสมควร ราชทัณฑ์จึงทำรายงานเสนอศาลขออนุญาตใช้อำนาจตามกฎหมายราชทัณฑ์ เพื่อใช้วิธีการตามสมควรนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คนไปเรือนจำได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งอนุญาตนั้น เมื่อเวลา 18.00 น. ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนกลับยินยอมขึ้นรถเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ


 



เลื่อนสั่งคำร้องไปวันที่ 1 ส.ค.


ด้านนางจิรวรรณ สุญาณวนิชกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ส่วนคำร้องคัดค้านการขอฝากขังของผู้ต้องหาทั้ง 8 คนนั้น ศาลรับคำร้องไว้แต่ยังไม่พิจารณา เนื่องจากหมดเวลาราชการ โดยคำร้องคัดค้านของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตนจะเป็นผู้วินิจฉัยและมีคำสั่งในคำร้องคัดค้านดังกล่าวเอง ในวันที่ 1 สิงหาคม เนื่องจากติดวันหยุดนักขัตฤกษ์ติดต่อกันหลายวัน


 



ส่ง 8 แกนนำนปก.ฝากขังเรือนจำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวแกนนำ นปก.8 คน คือ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ และ พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย ขึ้นรถเรือนจำนำไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามคำร้องฝากขัง ซึ่งมีกำหนดฝากขังได้เป็นเวลา 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม-6 สิงหาคม 2550


 



ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของนายมานิตย์ ผู้ต้องหาที่ 9 กล่าวว่า แม้ว่าวันนี้ศาลจะไม่รับคำร้องการคัดค้านการฝากขัง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการยื่นเกินเวลาราชการ แต่ตนจะพิจารณาเพื่อยื่นคำร้องคัดค้านต่อไป ซึ่งจะได้ยื่นอีกครั้งในวัน-เวลาทำการของราชการต่อไป


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ 8 แกนนำถูกควบคุมตัวขึ้นรถเรือนจำ กลุ่มผู้สนับสนุน นปก.ได้ร่วมกันตะโกนว่า "นปก.สู้ๆ" พร้อมโห่ไล่ คมช. และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. โดยทั้ง 8 แกนนำ นปก. ได้หันมายิ้มพร้อมโบกมือให้กลุ่มผู้สนับสนุน


 



8 แกนนำ นปก.ถึงเรือนจำแล้ว


เมื่อเวลา 18.30 น. รถขนนักโทษของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็นำนายวีระ นายจตุพร นายจักรภพ นายณัฐวุฒิ นพ.เหวง นายวิภูแถลง นายมานิตย์ และ พ.อ.ดร.อภิวันท์ แกนนำ นปก. เข้ามาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยนายมานิตย์ได้โบกมือให้นักข่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายใน


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รับประทานอาหารมื้อเย็นและกลับขึ้นเรือนนอนไปหมดแล้ว ทางเรือนจำจึงไม่ได้จัดอาหารไว้ให้ นปก.ทั้ง 8 คน โดยทราบว่า ญาติของผู้ต้องขังได้ฝากอาหารมื้อเย็นไว้ให้ทั้ง 8 คนแล้ว ซึ่งเรือนจำจะเปิดให้เยี่ยมในวันจันทร์ สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ หากผู้ต้องหาไม่สามารถรับประทานอาหารสำหรับนักโทษได้ ก็สั่งซื้อได้จากร้านอาหารสวัสดิการของเรือนจำ โดยผู้ต้องขังจะต้องฝากเงินสดทั้งหมดที่ติดตัวมาไว้กับเจ้าหน้าที่ และหลังจากเข้าเรือนจำตามระเบียบ จะต้องพิมพ์ลายนิ้วมือจัดทำประวัติผู้ต้องขังและตรวจร่างกาย เพื่อให้ทราบว่าผู้ต้องหามีโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษหรือไม่


 



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ สำหรับกลุ่มผู้สนับสนุน นปก.ได้เดินทางมาเพื่อขอเข้าเยี่ยม 2 คน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตเพราะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว โดยมีผู้สื่อข่าวของพีทีวีติดตามมาทำข่าวด้วย แต่ไม่สามารถเข้าไปทำข่าวภายในได้เช่นกัน


 



เรือนจำตั้งด่าน 3 ชั้นสกัดผู้ชุมนุม


ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า เมื่อเวลา 19.00 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่นำตัวแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน เข้าไปควบคุมในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้ผู้สื่อข่าวเดินทางกลับ เนื่องจากจะปิดเรือนจำเพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น มีตำรวจจาก สน.ประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ของเรือนจำกลางคลองเปรม กว่า 30 นาย ตั้งด่านสกัด 3 ชั้น เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุม นปก. เดินทางเข้าไปภายในเรือนจำ โดยจะอนุญาตเฉพาะรถยนต์ของเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวที่มาติดตามทำข่าวอยู่เท่านั้น


 



ด้านนายฐานิส ศรียะพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะต้องตรึงกำลังด้านหน้าเรือนจำตลอดทั้งคืน โดยที่ผ่านมามีกลุ่มผู้สนับสนุน นปก.ได้นำรถยนต์ส่วนตัวจะขอเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาประมาณ 20 คัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม พร้อมผลักดันให้เดินทางกลับบ้านไป


 



แจกคู่มือติดคุก-แยกขังมานิตย์นอนห้องนักโทษชรา


นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่า ผู้ต้องหาแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน ถูกควบคุมตัวไว้ในแดนแรกรับ โดยแยกนายมานิตย์ขังไว้ในห้องควบคุมชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องขังนักโทษชรา ส่วนอีก 7 คนให้นำไปควบคุมไว้ในห้องขังชั้นบน โดยให้นอนรวมกันทั้ง 7 คน ซึ่งให้แยกนอนจากผู้ต้องขังรายอื่นๆ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้อธิบายระเบียบของเรือนจำให้ทุกคนรับทราบ พร้อมทั้งแจกคู่มือติดคุกให้คนละ 1 เล่ม โดยผู้ต้องหาทั้ง 8 คนก็ไม่ได้ขัดขืน ยอมปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำโดยดี ซึ่งทั้งหมดมีสีหน้าอิดโรย


 



 "สุรยุทธ์"เชื่อการเมืองคลี่คลาย


 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนี้ไปคิดว่าสถานการณ์ในเรื่องทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลงไปได้ระดับหนึ่ง และตนคิดว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนส่วนใหญ่ได้ว่า การดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง ไม่ได้เป็นการไปฉวยผลประโยชน์ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด ตนคิดว่าด้วยเหตุผลและการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็เห็นว่าเราไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการตั้งเป้า หรือตั้งธงแต่อย่างใด เราอยากให้เป็นเรื่องของกระบวนการพิจารณาของกฎหมายอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ทางเลขาธิการศาลฎีกาได้ชี้แจงรายละเอียดแล้ว ซึ่งชัดเจน คงไม่ได้เป็นเรื่องของการหักหลัง เพราะทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลยุติธรรม


 



"สนธิ" ฟุ้งปชช.แซ่ซ้อง ตร.จับ 9 นปก.


 ด้าน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังจับกุม 9 แกนนำ นปก.ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาจริงเองจังต่อการรักษากฎหมาย ซึ่งการเอาจริงเอาจังอย่างนี้ เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่พอใจ และการที่ตำรวจดำเนินการจับกุมแกนนำ ถือเป็นการตัดสินใจที่น่าชื่นชม และเป็นการรักษากฎหมายที่ชัดเจน ตนเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศแซ่ซ้องสรรเสริญ แสดงความชื่นชมยินดีกับตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ การกระทำใดที่อยู่นอกกรอบของกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ยังไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ


 



"เรากำลังจะเพิ่มมาตรการทางกฎหมาย เอาจริงเอาจังทางกฎหมาย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ต้องเข้าไปช่วยให้เต็มที่ ซึ่งได้สั่งการแม่ทัพภาคที่ 1 ว่าให้ทหารลงไปช่วยตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะใช้กฎหมายเดิมในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมาเราไม่เข้มงวดต่อการรักษากฎหมาย" พล.อ.สนธิ กล่าวและว่า การจับแกนนำอย่าไปคิดว่าจะเป็นชนวนความรุนแรงอย่างเหตุการณ์ 14 ตุลา หากรักษากฎหมาย ทำอย่างไรก็ไม่เป็นไร ต้องใช้กฎหมายเป็นตัวตั้ง ทุกประเทศที่มีระเบียบวินัยจะมีความสงบเรียบร้อย เพราะประชาชนรักษากฎหมาย ทั้งนี้ ตนไม่กลัว หากอยู่ในกฎหมาย ต้องว่ากันตามกฎหมาย


 



คมช.เชื่อวันหยุดยาว 4 วันไม่มีเหตุร้าย


 ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยในช่วงวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน ว่า ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลอะไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทหารจะเตรียมความพร้อมในส่วนกำลัง คือ กองทัพภาคที่ 1 ได้แบ่งพื้นที่ กทม.ออกเป็น 14 โซน ในใจกลาง กทม.เป็นหลัก แต่ละโซนมีกำลังทหารเตรียมการอย่างน้อยโซนละไม่ต่ำกว่า 1 กองร้อย โดยจะปฏิบัติร่วมเรื่องการตั้งจุดตรวจ การลาดตระเวน และการแสดงกำลังเพื่อป้องปราม และพร้อมเข้ารักษาพื้นที่เป็นจุดสำคัญ มั่นใจว่า สถานการณ์ในช่วง 4 วันไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไร" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว



 


 


 


เรียบเรียงจากเว็บไซต์คมชัดลึก


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net