ประชาไท - 27 ก.ค. 50 สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์กรณีการจับกุมแกนนำ นปก. 9 คน ระบุเมื่อผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าจะมีการปล่อยตัว แต่ พนง.สอบสวนกลับขอหมายขังเพื่อควบคุมตัวผู้ต้องหาทันที โดยศาลพิจารณาอนุญาตตามที่ร้องขอ ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่า ถูกพนักงานสอบสวนเล่นกลเกม หรือ "หักหลัง" กรณีนี้แม้ศาลจะมีเจตนาดีในการอำนวยความยุติธรรมแก่คู่กรณี แต่ศาลควรจะได้ใช้ความระมัดระวังมิให้เกิดเหตุเช่นนี้ อันจะนำไปสู่ความเคลือบแคลงได้ว่าศาลอาจจะเป็นเครื่องมือในการจัดการผู้มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐได้

นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังเรียกร้องให้ผู้ต้องหาทั้ง 9 คนได้สิทธิในการประกันตัวทันที และไม่ควรมีข้ออ้างใด เพื่อคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการอนุญาตให้ประกันตัว ศาลสามารถกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำผิดซ้ำหรือการยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้

แถลงการณ์

เรื่อง

กรณีการจับกุมแกนนำ นปก. 9 คน

            ตามที่ได้มีการจับกุมแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.)จำนวน 9 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายจักรภพ เพ็ญแข, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย, นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ, พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย และนายจรัล ดิษฐาอภิชัยในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาสั่งการหรือยั่วยุปลุกระดมให้กลุ่มบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม นั้น

            สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ขอยืนยันว่าการแสดงความคิดเห็นโดยการชุมนุมโดยสงบเป็นพื้นฐานสำคัญในการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่หากมีการใช้เสรีภาพในการชุมนุมหรือการสลายการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความรุนแรงก็ควรดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมโดยเที่ยงธรรมอย่างเสมอหน้ากัน สสส.จึงมีข้อเห็นคิดและข้อเสนอแนะต่อการจับกุมแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)จำนวน 9 คน ดังต่อไปนี้

1. กรณีที่พนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลให้ออกหมายเพื่อจับกุมแกนนำทั้งเก้าคน นั้น ฝ่ายแกนนำได้ขอนำเสนอพยานหลักฐานขอให้ศาลไต่สวนเพื่อคัดค้านการออกหมายจับ และศาลได้ทำการไต่สวนการออกหมายจับ เพื่อให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาได้โต้แย้งการออกหมายจับได้ นั้น นับเป็นกรณีที่น่าสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่ผู้ถูกกล่าวหาทุกคนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

2. แต่ในกรณีที่ศาลดำเนินกระบวนพิจารณา โดยมีข้อตกลงว่าหากฝ่ายแกนนำมารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน ต่อหน้าศาล พนักงานสอบสวนจะถอนคำร้องการขอออกหมายจับ ซึ่งเมื่อผู้ถูกกล่าวหามารายตัวต่อพนักงานสอบสวนและลงนามรับทราบข้อกล่าวหาตามข้อตกลงนี้แล้ว ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจว่าจะมีการปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาด้วย แต่พนักงานสอบสวนกลับขอหมายขังเพื่อควบคุมตัวผู้ต้องหาทันที ซึ่งศาลจึงพิจารณาอนุญาตตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ อันเป็นเหตุให้ผู้ถูกกล่าวหา เข้าใจว่าพวกตนถูกพนักงานสอบสวนเล่นกลเกม หรือในภาษาที่เข้าใจโดยทั่วไปว่า เป็นการ "หักหลัง" กรณีเช่นนี้แม้ศาลจะมีเจตนาดีในการอำนวยความยุติธรรมแก่คู่กรณี แต่ศาลควรจะได้ใช้ความระมัดระวังมิให้เกิดเหตุเช่นนี้ อันจะนำไปสู่ความเคลือบแคลงได้ว่าศาลอาจจะเป็นเครื่องมือในการจัดการผู้มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐได้

3. ตามหลักการสิทธิมนุษยชน ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการประกันตัวในการต่อสู้คดี การไม่ให้ประกันตัว ถือเป็นข้อยกเว้นที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พ.ศ. 2509 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ในข้อ 9 ข้อย่อย 3 ที่สรุปว่า "ผู้ต้องหาในคดีอาญาจะต้องได้รับการปล่อยตัวไป มิให้ถือเป็นหลักทั่วไปว่าจะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ระหว่างการพิจารณาคดี

ดังนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ต้องได้รับสิทธิในการประกันตัวโดยทันที และไม่ควรมีข้ออ้างใด เพื่อคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการอนุญาตให้ประกันตัว ศาลสามารถกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ต้องหาปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำผิดซ้ำหรือการยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้

4. ผู้ต้องหาได้รับสิทธิการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมจากศาลที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงเพื่อจะเป็นหลักประกันสิทธิผู้ถูกกล่าวหาให้สามารถต่อสู้คดีอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา รวมทั้งเพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของกระบวนยุติธรรมให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนต่อไป

         แถลง ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2550

         สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)