Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 26 กรกฎาคม 2550 ที่โรงแรมซีเอส ปัตตานี อำเภอเมืองจังหวัดปัตตานี ศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน ประธานองค์กรมูฮัมมาดิยาห์ ซึ่งเป็นองค์กรมุสลิมใหญ่อันดับ 2 ของประเทศอินโดนีเซีย และเขายังดำรงตำแหน่งรองประธานสภาอูลามาแห่งอินโดนีเซีย ได้บรรยายพิเศษระหว่างการพบปะกับผู้นำศาสนาและข้าราชการระดับสูงของไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ รวมทั้งเยี่ยมชมเยี่ยมชมสถานศึกษาที่มีการจัดการศึกษาหลักสูตรผสมผสานระหว่างศาสนาอิสลามกับหลักสูตรสามัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


ศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน กล่าวระหว่างการบรรยายพิเศษว่า ปัจจุบันมุสลิมทั่วโลกมีจำนวนมาก แต่สามารถสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจได้เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก แสดงว่ามุสลิมมีคุณภาพต่ำมาก ดังนั้นการต่อสู้หรือ ญีฮาด ของมุสลิมในปัจจุบันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเป็นการต่อสู้เพื่อการแข่งขันมากขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวมุสลิมให้ดีขึ้น การต่อสู้เรียกร้องหรือการประท้วงอย่างไม่ลืมหูลืมตาอย่างในอดีตจะไม่เกิดประโยชน์อีกแล้ว


ก่อนหน้านี้เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และประธานคณะกรรมการอิสลามทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้การต้อนรับ ศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน ที่เดินทางมายังจังหวัดชายแดนภาคใต้


ศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ในการมาเยือนจังหวัดปัตตานีในครั้งนี้ว่า ได้ทราบชื่อเสียงของปัตตานีมานานว่าเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านอิสลาม มีความสวยงามทางธรรมชาติ เมื่อได้มาถึงปัตตานีจึงได้รู้ว่าเป็นความจริง อิสลามเป็นศาสนาแห่งความสันติสุข หวังว่าสันติสุขจะเกิดขึ้นในชายแดนใต้และกระจายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


นอกจากนี้ยังได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีชาวมุสลิมในพื้นที่เข้าไปศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่อยู่ภายการอุปถัมภ์ขององค์กรมูฮัมมาดิยาห์ จำนวนมากทั้งสายสามัญและสายศาสนา


ขณะที่นายพระนายระบุว่า เป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความร่วมมือกันระหว่างศอ.บต.กับองค์กรมูฮัมมาดิยาห์ โดยเฉพาะในด้านการคึกษา เช่น อาจจะหาทุนการศึกษาให้กับผุ้ที่จะไปศึกษาที่นั่น นอกกจานนี้ในเดือนสิงหาคม 2550 จะมีการนำผู้นำศาสนาในพื้นที่ไปเยี่ยมชมกิจจการของ องค์กรมูฮัมมาดิยาห์ด้วย


จากนั้นศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีนพร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงเรียนเดชปัตตนยานุกูล ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ก่อนจะพบปะกับผู้นำศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โรงแรมซีเอสปัตตานี ในเวลา 14.30 น.ของวันเดียวกัน


นายพระนาย  เปิดเผยภายหลังพบปะกับศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน ว่า การเดินทางมาของศาสตราจารย์ ดร.เอ็ม ดิน ซัมซุดดีน เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศขอให้ทูตไทยประจำกรุงจาการ์ต้า ประทศอินโดนีเซีย ประสานไปยังองค์กรมูฮัมมาดียาห์ ซึ่งเป็นมุสลิมที่เคร่งครัดศาสนา เป็นสายกลาง เท่าที่ทราบเป็นองค์กรใหญ่ มีบทบาทที่กว้างขวางระดับประเทศ  จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มีโอกาสมาพบปะกับผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


นายพระนาย กล่าวอีกว่า ในเชิงนโยบายที่จะมีความร่วมมือต่อกันในหลายเรื่อง เพราะองค์กรมูฮัมมาดียาห์เป็นองค์กรที่ใหญ่มาก ซึ่งนอกจากมีบทบาททางศาสนาแล้ว ยังมีบทบาทด้านการสาธารณสุข เพราะมีโรงพยาบาล  100 กว่าแห่ง มีโรงเรียนในระดับมัธยมและอุดมศึกษา เป็นหมื่นแห่ง ซึ่งทางศอ.บต.มีโครงการที่จะนำครูผู้สอนศาสนาไปดูงานที่อินโดนีเซียในเดือนสิงหาคม 2550


"เขาบอกว่าอยากร่วมมือกับเราทุกแขนงโดยเฉพาะทางด้านการศึกษา ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเยาวชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่พูดภาษามลายู เชื้อสายมุสลิม ถ้ามีโอกาสได้เรียนไม่ต้องไปเรียนถึงตะวันออกกลาง อินโดนีเซียอยู่ใกล้และน่าสนใจมาก ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่า ซึ่งศอ.บต อาจจะขอทุนจากรัฐบาลไทยส่งไปเรียนที่อินโดนีเซียก็สามารถทำได้"


นายพระนาย กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาเรื่องความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ทุกคนคาดหวังจะเห็นความสันติสุขในโลกนี้ การมาเยือนของคณะจากอินโดนีเซียครั้งนี้เพื่อรับทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีอะไรที่จะให้ช่วยเขาก็ยินดี  ซึ่งเขาเห็นด้วยที่รัฐบาลไทยที่ใช้แนวทางสันติวิธีแก้ปัญหา ซึ่งถือว่าจะช่วยสร้างความเข้าใจของชาวมุสลิมอินโดนีเซีย ต่อนโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลไทยได้อีกด้วย


สำหรับ องค์กรมูฮัมมาดียาห์เป็นองค์กรเก่าแก่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ.1912 มีสมาชิก 35 ล้านคน จากประชากรมุสลิม 190 ล้านคนในอินโดนีเซีย เป็นองค์กรที่มิได้มุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเดียว เรามองเห็นถึงความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุขและสังคม สนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนในทุกระดับ มีโรงพยาบาลขององค์กร 121 แห่ง มีสถาบันที่เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ จัดตั้งสถาบันซะกาต มีการยืมเงินไปลงทุนโดยไม่มีดอกเบี้ย เป็นการช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากนโยบายทุนนิยมของรัฐบาลอินโดนีเซีย และเนื่องจากองค์กรมูฮัมมาดียาห์เป็นองค์กรมุสลิมที่เน้นให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องมุสลิมทั่วโลก  และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมและองค์กรมุสลิมในประเทศไทยในโอกาสต่อไปอย่างแน่นอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net