Skip to main content
sharethis

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายคำนูน สิทธิสมาน สนช.เรื่อง เหตุการณ์จลาจลย่อยที่สี่เสาเทวศร์เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยถามนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ก่อนที่นายคำนูนจะถามคำถามได้ขออนุญาตประธานที่ประชุมเปิดเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นที่กลุ่มประชาชนทำร้ายตำรวจนาน 5 นาที


 


จากนั้นนายคำนูน กล่าวว่า จากกรณีทีประชาชนกลุ่มหนึ่งภายใต้การนำของคณะบุคคลที่ใช้ชื่อว่า แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) พากันเดินขบวนมายังบริเวณสี่เสาเทเวศร์ หน้าบ้านพักของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. และปราศรัยโจมตีด้วยข้อความอันเป็นเท็จอย่างหยาบคายเป็นเวลา 6 ช.ม. พร้อมทั้งทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อการจลาจลขนาดย่อยขึ้นก่อนจะล่าถอยกลับไปชุมนุมต่อที่ท้องสนามหลวงจนรุ่งเช้า อันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่ล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น จากนั้นยังคงแถลงข่าวที่บิดเบือนความจริง



 


นายคำนูณ กล่าวว่า ขอใช้คำว่า "การจลาจลย่อย" กับเหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะหลักฐานตั้งแต่การยึดรถขนขยะ ทำร้ายคนขับ ตั้งแต่บ่าย มาจนการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยไม้ อิฐปูถนน เก้าอี้ และรั้วเหล็ก แล้วไปจบลงด้วยความพยายามขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจในตอนดึก มันไม่ใช่แค่ "การชุมนุม" หรือ "การเคลื่อนไหว" แล้ว แต่เป็นการ "ปรับยุทธศาสตร์ใหม่" ด้วยจงใจก่อการจลาจลย่อยครั้ง ขึ้นจึงขอถามว่า รัฐบาลบริหารจัดอย่างไรถึงได้ปล่อยให้พวกที่ "อยากเห็นสงครามประชาชน" ที่ประกาศชัดเจนว่าจะ "คว่ำ - ล้ม - โค่น" เดินขบวนไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์แล้วก่อความวุ่นวายอยู่ได้นานกว่า 6 ชั่วโมง แล้วยังกลับไปร้องรำทำเพลงต่อที่สนามหลวงถึงเช้า รัฐบาลบริหารจัดการการสลายฝูงชนอย่างไร ถึงต้องพยายามถึง 3 - 4 ครั้งอย่างค่อนข้างทุลักทุเล ระหว่าง 21.20 น.จนถึงเวลา 23.00 น.


 


เพราะว่าหลังจากการสลายไม่สำเร็จแต่ละครั้ง ย่อมไปเพิ่มความแค้นและฮึกเหิมของฝูงชนขึ้นมา จนทำให้การสลายครั้งต่อไปยากขึ้น รัฐบาลจะมีมาตรการทาง "บริหาร" และ มาตรการทาง "นิติบัญญัติ" อย่างไร ที่จะรับมือกับพวกที่มีเจตนาที่จะทำลายสถาบันเบื้องสูงที่อยู่คู่ประเทศไทย และเป็นที่พึ่งของประชาชน เพียงเพื่อหวังผลทางการเมือง และสุดท้ายเหตุใดรัฐบาลไม่ได้ใช้ความผิดพลาดของผู้ชุมนุมมาขยายผลเพื่อสื่อออกไปในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โฆษกรัฐบาลและรัฐบาลทำอะไรอยู่



 


พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้มาชี้แจงว่า รัฐบาลทุกคนมีความเจ็บปวดที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีความปรารถนาดีที่จะจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยสันติวิธี โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพประชาชน และมีมาตรการทางกฎหมายมารองรับ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย


 


ทางฝ่ายความมั่นคงนึกไม่ถึงว่าม็อบจะมีเจตนาใช้ความรุนแรง ในส่วนของฝ่ายความมั่นคงได้เตรียมการที่จะปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตามระเบียบปฏิบัติประจำ คือมีทั้งมาตรการของตำรวจและมาตรการของทหาร สำหรับมาตรการของตำรวจได้มีการปฏิบัติตามแผนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยใช้กำลังประมาณ 10 กองร้อย หรือประมาณ 1,500 นาย สำหรับทางทหารได้เตรียมกองร้อยปราบจราจลไว้ 4 กองร้อย แต่การปฏิบัติต้องเป็นไปตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก ในชั้นต้นเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมาตำรวจก็ประสบความสำเร็จพอสมควรในการเจรจากับกลุ่มผู้เดินขบวน และไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือละเมิดข้อตกลง ดังนั้นตำรวจที่รักษาความสงบจึงไปโดยที่ไม่มีอาวุธ มีเพียงโล่ แต่ไม่มีกระบองเพราะไม่อยากให้เห็นว่าเตรียมใช้มาตรการรุนแรงตอบโต้



 


"ที่สะพานมัฆวานถือเป็นด่านที่แข็งแรงที่สุด เมื่อผ่านด่านนี้ไปได้ ก็ไปบ้านสี่เสาได้ไม่ยาก แต่การดำเนินการอยู่ในกระบวนการของตำรวจในการเจรจาและผลักดัน ขอสรุปว่าการผลักดันหลายครั้งนั้น 3 ครั้งแรกใช้โล่อย่างเดียว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ครั้งสุดท้ายที่ประสบความสำเร็จคือม็อบเริ่มเหลือไม่มากนัก หรือน้อยลง และทางทหารให้ยืมไม้กระบองในการที่จะไปตอบโต้ และสรุปผลักดันได้สำเร็จ ถือว่าตำรวจใช้ความอดทนและอดกลั้นในการทำงานเป็นอย่างสูง จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะตำรวจ 227 นาย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายความมั่นคงทุกคนก็เสียใจ ที่ไม่สามารถยับยั้งเหตุการณ์นี้ได้ อย่างที่เรียนให้ทราบคือเหนือความคาดหมาย และเสียใจมากที่สุดคือ ทำให้ท่านประธานองคมนตรีมีความรู้สึกเจ็บปวด จากการฟังการโจมตีด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และไม่เป็นความจริง" พล.อ.บุญรอด กล่าว



 


พล.อ.บุญรอด กล่าวว่า มาตรการในการดำเนินการต่อไปนั้น ทางรัฐบาลได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และจะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเบื้องต้นจะให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเข้าไปควบคุมไม่ให้มีการก่อความไม่สงบในลักษณะนี้ แต่หากควบคุมไม่ได้ ก็จะเป็นหน้าที่ของทหารที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายทั้งพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก โดยใช้กำลังทหารที่ได้เตรียมพร้อมไปแล้ว อย่างไรก็ตามขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลยังมีนโยบายที่ไม่อยากจะใช้ความรุนแรง และอยากให้พวกที่หลงผิดมาต่อสู้ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เพราะเราจะมีการเลือกตั้งใน 5 เดือนอยู่แล้ว


 


เรียบเรียงจาก คม ชัด ลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net