Skip to main content
sharethis

ศาลไกล่เกลี่ย ไม่ออกหมายจับ


ประชาไท - 25 ก.ค.50   นายวิชัย ช้างหัวหน้า รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา ออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนคำร้องขออนุมัติหมายจับ 9 แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ทั้ง 9 คน คือ นายวีระ มุกสิกพงศ์ , นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายจักรภพ เพ็ญแข , นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ , น.พ. เหวง โตจิราการ , นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย , นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ , นายอภิวัน วิริยะชัย และ นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย ในข้อหา คือ มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาสั่งการหรือยั่วยุปลุกระดมให้กลุ่มบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยมีพล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวน เป็นผู้ร้องขอออกหมายจับ กรณีเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ และ ม็อบนปก. หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา



ทั้งนี้ ก่อนเริ่มการไต่สวน ฝ่ายแนวร่วม นปก. ซึ่งมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ , นายจักรภพ เพ็ญแข , นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ , น.พ.เหวง โตจิราการ , นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ , นายอภิวัน วิริยะชัย และ นายจรัญ ดิษฐาอภิชัย ได้เดินทางมายังห้องพิจารณาคดี พร้อมกับนำ วีดีโอเทป บันทึกภาพเหตุการณ์คืน เกิดเหตุมาประกอบคำร้องขอคัดค้านการออกหมายจับด้วย ซึ่งศาลรับเทปหลักฐานไว้พิจารณาแล้ว ให้มีการไต่สวนคำร้องต่อไป



อย่างไรก็ตาม ศาลได้แจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายทราบว่า กระบวนการออกหมายจับผู้ต้องหา ก็เพื่อให้ได้ ตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและฟ้องร้อง ดังนั้นหากพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา แก่ผู้ต้องหาโดยตรงก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีการไต่สวนคำร้องขอออกหมายจับต่อไปอีก คู่ความทั้งสองฝ่ายจะยินยอมให้ศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยหรือไม่ ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะรับฟังข้อเสนอของกันและกัน โดยได้ข้อสรุปว่า ผู้ต้องหาพร้อมจะรับฟังข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวน ตามคำร้องออกหมายจับ ขณะที่ฝ่ายพนักงานสอบสวนแถลงว่า หากผู้ต้องหาพร้อมจะเข้ารับฟังข้อกล่าวหาก็ไม่ประสงค์จะออกหมายจับ และจะขอถอนคำร้องออกหมายจับจากสารบบความของศาล โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น



ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้ต้องหาพร้อมที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนเพื่อต่อสู้คดีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไต่สวนคำร้องออกหมายจับ จึงมีคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับแจ้งข้อกล่าวหา ที่ห้องประชุมชั้น 10 อาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 ก.ค. นี้เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ให้นายธันว์ บุณยะตุลานนท์ เลขานุการศาลอาญา เป็นผู้ประสานงานทั้ง 2 ฝ่ายเมื่อผู้ต้องหารายใด รายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ให้แถลงต่อศาลเพื่อให้มีผลต่อการถอนคำร้องขอออกหมายจับของผู้ต้องหาคนนั้นเด็จขาด แต่หากผู้ต้องหาคนใดไม่มาศาลในวันดังกล่าวให้ยกคดีตามคำร้องขอออกหมายจับ เฉพาะผู้ต้องหาคนนั้นต่อไป



ด้าน พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการออกหมายจับก็เพื่อต้องการนำตัวผู้ต้องหาไปทำการสอบสวนแต่เมื่อผู้ต้องหามีความประสงค์ ที่ต้องการจะพบพนักงานสอบสวนและต้องการไกล่เกลี่ยก็เห็นพ้องกับวัตถุประสงค์ของตำรวจ นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าหากมี การไต่สวนต่อไปอาจต้องใช้เวลานานมาก เนื่องจากพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายซึ่งเป็นเทปบันทึกภาพ มีจำนวนมาก ศาลจะต้องใช้เวลาในการพิจารณานาน และคงไม่แล้วเสร็จในวันนี้ แม้กระทั่งวันพรุ่งนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเสร็จหรือไม่


 



'เสรีพิศุทธ์'เดือด ยันไม่ถอนหมายจับ 9แกนนำ


ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ศาลนัดไกล่เกลี่ยตามที่ตำรวจได้ขอหมายจับแกนนำ นปก. ว่า ตำรวจขอหมายจับไปแล้ว ศาลควรมีคำสั่งว่าให้หรือไม่ให้ก็ว่ามาเลย เราไม่ขัดข้อง ถ้าให้เราก็ไปจับ ใครจะมอบตัวก็มามอบ แต่เมื่อศาลออกมาให้ไกล่เกลี่ยแบบนี้ และตำรวจขอหมายจับไปแล้วจะทำอย่างไร ตำรวจคงถอนหมายจับไม่ได้เพราะถ้าถอนตำรวจก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง ทำอะไรทำเล่นๆ ไม่ได้ ถ้าเป็นเพราะข้อมูลพร้อมหรือไม่พร้อมก็ว่ามา ถ้าไม่พร้อม ศาลสั่งมาก็จบ


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลอนุมัติออกหมายจับแล้วแกนนำบอกว่าจะไม่มามอบตัว แต่ให้ตำรวจไปจับได้ที่สนามหลวง ตำรวจต้องจับใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เห็นหรือไม่ว่าเป็นการท้าทายเจ้าหน้าที่ ถ้ามีการออกหมายจับจะมามอบหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าไม่มาตำรวจก็ไปจับ ถ้ามอบตัวเราก็อำนวยความสะดวกให้ แต่ถ้าไม่มอบตัวแล้วไปปรากฏตัวที่ไหน เราก็ต้องไปจับ จะขึ้นไปยืนปราศรัยหากมีใครมาคอยป้องกันไม่ให้ไปจับถือว่าคนเหล่านั้นขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานจำเป็นต้องว่าไปตามกฎหมายจะใช้กำลังก็ต้องใช้ ถึงขณะนี้ ตนเองก็ยืนยันว่าได้ขอหมายจับไปแล้วศาลจะให้ไม่ให้ก็ว่ามา บอกว่าพยานหลักฐานไม่พอไม่ออกหมายให้เราก็ยอมรับได้ก็ว่ากันไป แต่ถ้าพยานหลักฐานพอก็ต้องออกหมายจับให้


        


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีกลุ่ม นปก.ไปแจ้งความที่กองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะทำอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา แสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ไปแจ้งความกระทำผิดถึงได้บาดเจ็บ เป็นกลุ่มม็อบที่มาสร้างความไม่สงบเรียบร้อย มาแจ้งความ ตนจะรวบตัวให้เป็นผู้ต้องหาให้หมดเลย ตนจะได้ไม่ต้องไปตามหาใครมาแจ้งมาเลย ตนเองไม่ต้องไปควานหาใครอยากแจ้งอีกก็มาเลยมาปรากฏตัว


        


เมื่อถามว่า กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวปราศรัยโจมตีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรักษาการ ผบ.ตร.จะดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ พล.ต.อ.เรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนเก่งอยู่แล้วเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงใครทะลึ่ง ตนฟาดหมด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมที่สนามหลวงจะไม่มีปัญหา เรื่องการท้าทายเจ้าหน้าที่หรือพยายามสร้างความรุนแรง ก็ได้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ถ้าจำเป็นต้องใช้กำลังก็ต้องใช้เพื่อส่วนรวม


        


ต่อข้อถามที่ว่า นายกรัฐมนตรีไฟเขียวให้ใช้กำลังหรือไม่ รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งแบบนี้ แต่สั่งให้ตนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่มีการต่อว่าต่อขาน และไม่ได้ตำหนิเรื่องการใช้ความรุนแรง เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรรุนแรง ลองไปดูประเทศอื่นซิ อย่างจีนก็ยิงกันที 2 พันศพ นี่ประเทศไทยไม่อยากทำถึงขนาดนั้น ถ้าทำก็ทำได้ จะมาสู้กับตำรวจทหาร และเราก็ได้ใช้ความผ่อนปรน อ่อนโยนมานานหลายเดือนไม่รู้จักจบสักที ตำรวจของตนเองจะไปดูแลพี่น้องประชาชนส่วนอื่นก็ไม่ได้ต้องมานั่งระมัดระวัง เดี๋ยวยิง เดี๋ยวฆ่ากันที่อื่นเราก็ไม่มีกำลังไปดูแล


 


"บิ๊กบัง" แนะทุกฝ่ายฟังคำ "ป๋าเปรม"


ส่วน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวว่า การออกมาแสดงความเห็นห่วงสถานการณ์ภายในบ้านเมืองของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษนั้น เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องรับฟัง และนำมาวิเคราะห์ เพราะ พล.อ.เปรม ถือเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและมีประสบการณ์ ทางด้านการเมืองมายาวนาน ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี อ่านแถลงการณ์ต่อหน้า พล.อ.เปรม ว่า กลุ่ม นปก. มีเจตนาที่จะทำลายสถาบันเบื้องสูงนั้น พล.อ.สนธิ ได้ระบุว่า ในสิ่งที่ นปก. กระทำควบคู่กันไปและหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะให้มาตรการทางกฎหมายควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเข้มงวด  ส่วนกรณีที่ แกนนำกลุ่มไทยรักไทย เตรียมเดินทางไปอวยพรวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างประเทศ วันที่ 26  ก.ค.นี้ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ทาง คมช. ไม่มีปัญหา


 


กลุ่มธรรมภิบาล ยื่นจดหมายกก.สิทธิ ตรวจสอบ "จรัล ดิษฐาอภิชัย"


นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ หัวหน้ากลุ่มธรรมาภิบาล ได้ยื่นหนังสือต่อนายเสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน เรื่อง ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าขัดต่อ พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือไม่ เนื่องจากในระหว่างการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย พบว่า มี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย ซึ่งเป็น 1 ใน 8 แกนนำ ในขณะเดียวกัน ก็ยังดำรงสถานภาพเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ในเหตุการณ์อยู่ด้วย และก่อนหน้านี้ นายจรัล ยังได้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นในหลายวาระหลายโอกาส ทำนองปกป้องระบอบทักษิณที่กำลังถูกตรวจสอบจากกระบวนการยุติธรรม         


 


กลุ่มธรรมาภิบาลระบุให้ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สร้างความกระจ่างให้ประชาชนภายใน 3 วัน หากไม่มีคำตอบทางกลุ่มจะยื่นร้องต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.เพื่อให้ดำเนินการถอดถอน นายจรัล ออกจากตำแหน่งต่อไป


 


ต่างประเทศไม่ติดใจสงสัยเหตุการณ์ปะทะ


นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการชี้แจงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ต่างชาติเข้าใจเป็นระยะๆ นับตั้งแต่เหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 และยังได้รับความร่วมมือจากทูตทหารและทูตพาณิชย์ด้วย และจากเหตุการณ์ผู้ชุมนุมกลุ่ม นปก. ที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ก็ไม่พบว่ามีสื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวในทางลบ ส่วนใหญ่เป็นการนำเสนอในข้อเท็จจริง ส่วนปฏิกิริยาจากฝ่ายรัฐบาลของประเทศต่างๆ ก็ไม่พบว่าจะดำเนินการอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีประเทศใดติดใจสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจมีบางประเทศที่เก็บประเด็นไปเล่าให้ประชาชนฟังว่าต้องระมัดระวัง หากเดินทางมาเที่ยวแล้วเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ก็เป็นการเตือนตามปกติทั่วไป ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้มอบข้อมูลทั้งหมดให้กับทูตไทยในประเทศต่างๆ ไว้แล้ว เผื่อมีความจำเป็นต้องใช้


 


ครม.ให้เผยแพร่คลิปวีดิโอตำรวจโดนทำร้าย


ผู้สื่อข่าวถามนายธีรภัทร เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ทางพล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้ให้ครม.และหน่วยงานที่รับผิดชอบให้นำคลิปวีดีโอการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและ นปก.โดยเฉพาะที่ นปก.ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเผยแพร่ นายธีรภัทร กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเริ่มเผยแพร่ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่อง 9 ที่ได้เผยแพร่ในรายการข่าวเด่นประเด็นร้อน ช่อง11 ได้มีการเผยแพร่ในรายการกรองสถานการณ์ และเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ในช่วงการประชุมครม.ได้มีการคุยกันว่าเรื่องเมื่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ควรจะให้สาธารณะทราบ เพราะความจริงแล้วตำรวจไมได้ทำร้ายประชาชนผู้ชุมนุมแต่ผู้ชุมนุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากตำรวจมีแต่โล่ไม่มีกระบอง มีการขว้าง ปา ทุบตี ใช้ไม้ ของแข็งทำให้ตำรวจได้รับการบาดเจ็บมากมายตรงนี้จะให้เผยแพร่ออกไป ให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องกัน


 


ไอซีทีเตรียมทำเว็บไซต์อธิบายข้อเท็จจริง


นายธีรภัทร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้มีการหารือ 1.ข้อมูลที่จะเผยแพร่ทางเว็บไซต์หรือไม่เว็บไซต์ ซึ่งคงเป็นเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง  2.เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ก็จะมีการนำเผยแพร่เพราะประชาชนจะต้องรับทราบ และ3.การที่ครม.ไปให้กำลังใจไปให้กำลังใจพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี เพราะไม่สามารถปกป้องพล.อ.เปรมได้ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อประเทศไม่ควรมีกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ใช้พฤติการณ์ที่ก้าวร้าว หยาบคาย ต่อพล.อ.เปรม ซึ่งพล.อ.เปรมไม่ได้ติดใจและบอกว่ารัฐบาลเองได้พยามแก้ไขแล้ว


         


นายธีรภัทร กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในขณะนี้ในส่วนของวอร์รูม มีเว็บไซต์อยู่แล้วคือเว็บไซต์รักเมืองไทย ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับใหม่ หรือเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์หรือไม่ คงจะต้องคุยกันกับรมว.ไอซีทีต่อไป ทั้งนี้สำหรับผลการตอบรับนั้นคงจะต้องมีการประเมินผล ซึ่งคงจะต้องดูว่ามีคนเข้าชมจำนวนเท่าไร อย่างไร มีการวิจารณ์ หรือเสนอแนะอย่างไร และเราสามารถทำเป็นภาคภาษาอังกฤษหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เว็บไซต์รักเมืองไทยคงจะสามารถประเมินได้แล้วเพราะมีการเปิดมานานหลายเดือน  แต่คงจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการของวอร์รูมอีกครั้งและจะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมด้วย


 


ไม่ตอบประเด็นไอทีวีเสนอภาพของฝ่าย นปก.มากกว่าฝ่ายรัฐ        


ต่อข้อถามว่าในการประชุมครม.24 ก.ค.มีการติติงการนำเสนอภาพข่าวของทีไอทีวีในการนำภาพ


กลุ่มม็อบนปก.มาแพร่ภาพมากกว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกทำร้าย นายธีรภัทร กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบในประเด็นนี้


 


"หมอเหวง" เตรียมยื่นหลักฐาน VDO ให้ยูเอ็น


นายแพทย์เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำ นปก. กล่าวว่า พรุ่งนี้ที่ศาลอาญารัชดานัดให้เข้าพบพนักงานสอบสวน ตนและแกนนำอีก 8 คน จะเดินทางไปอย่างแน่นอน เนื่องจากต้องการแสดงความบริสุทธิ์ และต้องการต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย


 


โดยแกนนำจะประชุมหารือถึงกรณีจะนำภาพวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคม กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชน ไปยื่นต่อสหประชาชาติ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ส่วนความเคลื่อนไหวการปราศรัยที่ท้องสนามหลวงในช่วงเย็นของทุกวัน ยังคงมีต่อไปจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา


 


กลุ่มรวมพลคนรักป๋าเปรมขู่บุกบ้าน "วีระ" พรุ่งนี้


ด้านนายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา ในฐานะแกนนำกลุ่มรวมพลคนรักป๋าเปรม ยืนยันว่า ในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ทางกลุ่มฯ เตรียมที่จะระดมพลังประชาชนจากทุกภาคส่วน เดินทางไปยังบ้านพักของนายวีระ มุสิกพงศ์ หนึ่งในแกนนำ นปก. ที่ อ.ระโนด จ.สงขลา เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกให้กับบิดา-มารดาของนายวีระ ให้บอกกล่าวนายวีระ หยุดกระทำการที่เนรคุณต่อแผ่นดิน หยุดสร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง


 


ขณะที่ที่ศาลาประดู่หก ถ.ราชดำเนิน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนชาวนครศรีธรรมราช รวมทั้งนักเรียนนักศึกษากว่า 500 คนได้มารวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนต่อต้ายการกระทำของ นปก.โดยมี นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีต ส.ว.นครศรีธรรมราช เป็นแกนนำในการปราศรัย และมีนักเรียน ประชาชน ข้าราชการบำนาญหลายคนคอยขึ้นมาผลัดเปลี่ยนปราศรัยโจมตีการกระทำของนายวีระ มุสิกพงศ์ พร้อมทั้งแกนนำทั้งหมดว่าที่มีพฤติกรรมก้าวล่วงอย่างรุนแรง  พร้อมทั้งกล่าวว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษจะเดินทางมาที่นครศรีธรรมราช ในวันที่ 15 ส.ค.2550 นี้จะมีประชาชนชาวนครศรีธรรมราชจำนวนมากมาให้กำลังใจอย่างแน่นอน


 


 


-------------------------------------------


เรียบเรียงจาก - เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น, เว็บไซต์แนวหน้า, เว็บไซต์เดลินิวส์, ผู้จัดการออนไลน์  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net