โรงงานไทยศิลป์แจ้งปิดกิจการแล้ว

ก.อุตสาหกรรมประสาน 4 สมาคมสิ่งทอจ้างคนงานต่อ ท็อปส์ยันไม่โละคนงาน ยันเงินบาทแข็งไม่ได้ส่งผลกระทบ รมต.แรงงานเดินสายพบนายจ้างเช็คชีพจรอุตสาหกรรม วอนนายจ้างอย่าลอยแพกะทันหัน

 

ปิดตัวไทยศิลป์แล้ว เตรียมตกงานหลายพันคน

20 ก.ค. ความคืบในการช่วยเหลือแรงงานบริษัทไทยศิลป์ฯ ที่ส่อว่านายจ้างจะปิดกิจการในรอบที่ 2 เนื่องจากไม่มีเงินทุนนั้น ล่าสุด บริษัท ไทยศิลป์ อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ได้ประกาศปิดกิจการเรียบร้อยแล้ว โดยบรรยากาศที่บริษัทไทยศิลป์ฯ สาขากิ่งแก้ว เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 กรกฎาคมว่า ได้มีการเรียกพนักงานและลูกจ้างทั้งหมด รวมสาขาสำโรง มารวมตัวกันที่บริเวณโรงอาหารของบริษัท โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก และมีตำรวจ สภ.ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี และชุดกองร้อยควบคุมฝูงชนเข้าไปตรวจสอบและสังเกตการณ์ภายในบริษัท 200 นาย รวมตัวกันอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนทางเข้าบริษัทไทยศิลป์ฯ

 

นายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า บริษัทไทยศิลป์ฯ ได้ออกประกาศว่าจะทำการปิดกิจการ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ โดยเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้า ซึ่งจะมีผลในงวดเงินเดือนครั้งต่อไป คือวันที่ 5 สิงหาคมนี้ การที่นายจ้างปิดกิจการเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานติดตามดูสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างทั้งหมด แต่ยังประเมินยอดเงินไม่ได้ พร้อมได้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการอย่างใกล้ชิดในการซักซ้อมแผนดำเนินการ เพื่อให้ลูกจ้างบริษัทไทยศิลป์ฯ มายื่นข้อเรียกร้องรับเงินค่าชดเชยกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรปราการต่อไป

 

ด้าน น.ส.จงรักษ์ จิตรชนะ แกนนำลูกจ้างบริษัทไทยศิลป์ฯ กล่าวว่า ขณะนี้ลูกจ้างยังไม่พอใจและยังรวมตัวกันประท้วงต่อไป ต้องการให้นายจ้างจ่ายเงิน 100% หลังนายจ้างแจ้งว่าจะจ่ายเงินค่าจ้างงวดสุดท้าย 50% ส่วนค่าชดเชยต้องรอขายทรัพย์สินเครื่องจักรก่อน ทำให้ลูกจ้างยังรวมตัวกันอยู่โดยไม่ให้นายจ้างออกจากโรงงาน จนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ

 

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสถาบันพัฒนาสิ่งทอว่า บริษัทไทยศิลป์ อาคเนย์ อิมปอร์ต เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด คงจะต้องปิดกิจการลง ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ เพราะไม่มั่นใจว่าบริษัทจะมีออเดอร์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เตรียมมาตรการรองรับแรงงานที่ครบกำหนดได้รับค่าแรงงานในงวดล่าสุด จำนวน 3,000 คน วงเงิน 20 ล้านบาทไว้แล้ว พร้อมประสาน 4 สมาคมด้านสิ่งทอ ได้แก่ สมาคมสิ่งทอ สมาคมฟอกย้อม สมาคมเสื้อผ้าสำเร็จรูป และสมาคมทอผ้ารับแรงงานจากบริษัทไทยศิลป์ ฯ จำนวน 3,000 คนเข้าทำงานต่อทันที อีกทั้งกรมจัดหางานตั้งโต๊ะรับสมัครทันที ลูกจ้างที่ต้องตกงานไม่ต้องกังวลเพราะใน จ.สมุทรปราการ มีโรงงานที่ต้องการรับคนเข้าทำงานอีกประมาณ 108 แห่ง 12,000 อัตรา

 

ไนกี้รับลดการผลิตเลิกจ้างบางส่วน

ส่วนกระแสข่าวของบริษัท รามาชูส์ อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานรับจ้างผลิตรองเท้ายี่ห้อ "ไนกี้" และบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอีก 6 บริษัท จำนวนพนักงานรวมกัน 6,985 คน จ.ชลบุรี เตรียมปิดกิจการนั้น นายอภัย กล่าวว่า ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า มีการลดจำนวนการผลิตเหลือ 68% ซึ่งอาจมีผลทำให้มีการเลิกจ้างบางส่วน ส่วนสาเหตุยังไม่มีการยืนยัน แต่เนื่องจากบริษัทนี้พึ่งการส่งออก 100% จึงได้รับผลกระทบมาก ออเดอร์ที่ลดลงเป็นการส่งสัญญาณที่กระทรวงแรงงานจะต้องเข้าไปช่วยเหลือจับตาดูอย่างใกล้ชิด ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ จะเชิญผู้ประกอบการทั้ง 7 แห่ง เข้าหารือเพื่อรับทราบปัญหาหรือชะลอการเลิกจ้างหรือจำเป็นต้องมีการเลิกจ้างต้องให้นายจ้างทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และสั่งการให้หาตำแหน่งงานเพื่อรองรับการจะปิดตัวของโรงงานโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้สวัสดิการเข้าไปสอดส่องโรงงานในนิคมของรัฐและของเอกชน มีบริษัทในเครือสหพัฒนพิบูล และสหยูเนี่ยน หากมีการเลิกจ้างจะมีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก

 

ผู้ว่าชลบุรียัน "รามาชูส์" ไม่ปิดกิจการ

ขณะที่ นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวยืนยันว่า บริษัทรามาชูส์ฯ จะปิดกิจการอีกราย ซึ่งจะทำให้พนักงานกว่า 4,600 คนเดือดร้อนว่า โรงงานดังกล่าวไม่ได้ปิดกิจการ เพียงแต่ทางโรงงานให้ตัวแทนเข้าหารือกับทางจังหวัดและแรงงานจังหวัด เกี่ยวกับการเตรียมตัวรับสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า และการรับมือหากยอดสั่งผลิตสินค้าลดลง ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายแรงงาน อย่าตื่นตระหนกตกใจ อีกทั้งโรงงานยืนยันว่า ไม่ได้เตรียมปิดกิจการ ถึงแม้อนาคตหากต้องปิดจะต้องจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานตามกฎหมายอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ใน จ.ชลบุรีมีหลายโรงงานปิดตัวลง ขณะเดียวกันก็มีโรงงานหลายแห่งตั้งขึ้นใหม่ และไม่ประสบปัญหา ส่วนบรรยากาศของโรงงานดังกล่าว ยังคงเปิดทำการตามปกติ โดยผู้บริหารงานยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่มีการหยุดงานหรือปลดพนักงานออก และยังประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่ม เพื่อรองรับการขยายการผลิตที่เพิ่มขึ้น

 

ก.แรงงานรับ "ท็อปส์" เลิกจ้างจริง ด้าน "ท็อปส์" ยันไม่มีแผนปลดคนงาน

กรณีกระแสข่าวว่า ห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จำกัด มีนโยบายเลิกจ้างพนักงานทุกสาขาเพื่อลดต้นทุนนั้น นายอาทิตย์ อิสโม ผอ.สำนักแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบไปยังผู้บริหารระดับสูงของท็อปส์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากห้างท็อปส์หลายสาขากำลังถูกไล่ที่จากห้างเซ็นทรัลพัฒนาเจ้าของที่ เพื่อต้องการปรับปรุงซูเปอร์มาร์เก็ตในส่วนของเซ็นทรัลเอง ทำให้ห้างท็อปส์วันนี้จำเป็นต้องลดสัดส่วนการลงทุนและจำนวนพนักงานลง เนื่องจากสถานประกอบการขณะนี้ มีแต่ทรงกับทรุดไม่สามารถแข่งขันกับห้างใหญ่ได้ และได้ทยอยลดพนักงานสาขาละ 7-8 คน และต้องลดคนอีก หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นเพื่อให้กิจการอยู่ได้ สำหรับข้อร้องเรียนที่ระบุว่าท็อปส์บังคับให้ลูกจ้างเขียนใบลาออกนั้น ไม่สามารถทำได้เพราะผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ขอแนะนำให้ลูกจ้างยื่นคำร้องมาที่ กสร. โดยจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องต่อไป

 

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้บริษัทในกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีสาขาจำนวนมาก เริ่มใช้มาตรการเลิกจ้างฝ่ายที่ปฏิบัติการตรวจพิสูจน์อาหาร สาขาละ 5-6 คน และมีแนวโน้มมากขึ้น

 

นางภัทราพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ห้างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวยืนยันว่า ท็อปส์ไม่มีปัญหาดังกล่าว เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกที่ท็อปส์ทำอยู่ยังมีแนวโน้มที่ดี และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และขอปฏิเสธกรณีกระแสข่าวที่ว่าท็อปส์พยายามจะลดพนักงานในส่วนของศูนย์ตรวจสอบคุณภาพอาหาร สาขาละ 5-6 คน เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมภายในปีนี้อีก 5-10 สาขาทั่วประเทศ และยังมีความต้องการพนักงานเพิ่มในแต่ละสาขาที่มีขนาดแตกต่างกันอย่างน้อย 500-600 คน ปัจจุบันท็อปส์มีสาขาทั่วประเทศ 96 สาขา มีพนักงานกว่า 6,000 คน ซึ่งได้ดำเนินกิจการค้าปลีกและประสบความสำเร็จมาตลอด จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดพนักงาน

 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต กล่าวว่า กระแสข่าวที่บริษัทได้ปลดพนักงานกว่า 5,000 คนนั้นไม่เป็นความจริง เพราะพนักงานทั้งหมดในเครือมีทั้งหมด 6,000 คน หากมีการปลดคนงาน 5,000 คนจริง คงไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ อีกทั้งผลกระทบจากการเมือง เศรษฐกิจ และปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ จึงไม่มีเหตุผลที่จะปลดพนักงานออกโดยบริษัทจะติดต่อไปยังกรมแรงงานเพื่อชี้แจงข้อเท็จ

 

เดินสายพบนายจ้างฝากอย่าเลิกจ้างกะทันหัน

ด้านนายอภัย จันทนะจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตนได้รับทราบจากนายจ้างบริษัทไทยศิลป์ฯ ว่า จะปิดกิจการในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ซึ่งได้ให้กรมสวัสดิการแรงงานดูสิทธิประโยชน์ และได้ประสานกับผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เพื่อเตรียมแผนรองรับ กรณียื่นขอคำร้องรับค่าชดเชย ทั้งนี้ มั่นใจว่า ตำแหน่งงานว่าง ทั้งสมุดปราการและใกล้เคียงจะว่างรองรับพอ ซึ่งทราบจากกรมการจัดหางาน ทราบว่า มีโรงงานต้องการรับคนเข้าทำงาน 1,200 อัตรา จากสถานประกอบการ 118 แห่ง ซึ่งกรมการจัดหางานจะเข้าไปตั้งโต๊ะรับสมัครงานทันที

 

วันเดียวกัน นายอภัยยังได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เพื่อติดตามสถานการณ์การเลิกจ้างในพื้นที่ พบว่า ลำปางมีอัตราความเสี่ยงสูงกว่าลำพน โดยลำปางมีสถานประกอบการที่เสี่ยงต่อการปิดที่เสี่ยงคือ อุตสาหกรรมเซรามิกส์ และเครื่องเรือน

 

ขณะที่นายอมรทัต นิรัติศยกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ชี้แจงว่า สถานการณ์แรงงานในปัจจุบันว่า จ.ลำปางมีสถานประกอบกิจการทั้งสิ้น 3,348 แห่ง จำนวนลูกจ้าง 47,161 คน มีสถานประกอบกิจการประเภทส่งออก 51 แห่ง โดยเป็นกิจการเซรามิก ผลิตภัณฑ์จากไม้ อาหารสำเร็จรูปเป็นหลัก จากภาวะค่าเงินบาทแข็งทำให้สถานประกอบกิจการประเภทส่งออกใน จ.ลำปาง มีแนวโน้มการผลิตที่ชะลอตัวลง และอาจมีการลดจำนวนลูกจ้างหรือปิดกิจการหรือเลิกจ้าง กลุ่มเสี่ยง กลุ่มกิจการเซรามิก กิจการผลิตภัณฑ์จากไม้ที่วัตถุดิบเริ่มน้อย

 

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ยังได้ส่งผลกระทบไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยนายกฤษณะ เอี่ยมวงศ์นที รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ และประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง ระบุว่าอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และกำลังประสบปัญหาอย่างหนักใน 3 กลุ่ม ได้แก่ อุตสาหกรรมสับปะรด ผลไม้ และอุตสาหกรรมแปรรูปสัตว์น้ำ เนื่องจากออเดอร์การส่งออกลดลง ผู้ซื้อได้หันไปสั่งซื้อสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกกว่าแทนโดยเฉพาะจากจีนและเวียดนาม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ซึ่งถือเป็นหัวเรือใหญ่ได้เตรียมเรียกประชุมสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศในปลายเดือนกรกฎาคมนี้เพื่อระดมสมอง หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะยาว เสนอต่อรัฐบาลให้ดำเนินการต่อไป

 

เรียบเรียงจาก เว็บไซต์คมชัดลึกและแนวหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท