Skip to main content
sharethis

หมายเหตุ : ชื่อบทความเดิม "คำประกาศของหญิงนักสู้แห่งบ้านป่างาม : กรณีการวางท่อก๊าซจากโรงแยกก๊าซไปยังโรงไฟฟ้าจะนะ"


 


 


สุรัตน์ แซ่จุ่ง


 


"ดายของกับแผ่นดิน ดายของที่ "กู" พามาแค่ 50 ปีเหลือแล้ว นึกดายของจะให้ก็ดายของ เลยไม่ให้ ไม่เห็นกับเบี้ย ไม่เห็นกับชีวิต หวงไว้ให้ลูกหลาน ดายของถ้าปตท.มาเจาะ"


 


 


นางเน๊าะ  หัดยุมสา เจ้าของที่ดินที่บริษัทปตท.กำลังจะขโมยเจาะใต้ผืนแผ่นดิน


 


 


คือเหตุผลที่นางเน๊าะ หัดยุมสาหรือ "วอเน๊าะ"ของคนค้านท่อฯ หญิงวัยหกสิบอายุแห่งบ้านป่างามที่ค่อยบอกกับใครต่อใครว่า ทำไมตนต้องคัดค้านการวางแนวท่อส่งก๊าซจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียด้วย โดยไม่ยอมให้แนวท่อดังกล่าวผ่านที่ดินของตนเอง


 


วอเน๊าะและลูกๆ คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซียมาตั้งแต่เริ่มแรก ปีนี้ย่างสู่ปีที่เก้าแล้ว


 


ขบวนการเริ่มแรกของบริษัทปตท.ต่อครอบครัวของวอเน๊าะ คือต้องการเอาที่ดินแปลงนี้ฟรีๆ เพราะคิดว่าเป็นที่ดินสาธารณะประโยชน์ แต่เมื่อวอเน๊าะและครอบครัวออกมายืนยันและท้าทายอย่างหนักแน่นว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นของตน ทำกินมายาวนานสามชั่วอายุคนแล้ว และยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้ปตท.เข้ามาวางแนวท่อก๊าซในที่ดินแปลงนี้โดยเด็ดขาด ใครกล้าก็เข้ามาเอา


 


ที่ดินแปลงนี้ เดิมทีเป็นที่นามีเอกสารทำกินยืนยันได้ วอเน๊าะยืนยันต่อสู้จนถึงที่สุดพร้อมทั้งลูกสาวอีกสามคนที่ยืนสู้เคียงข้างมาตลอด เมื่อปตท.เริ่มรู้ถึงอุปสรรคของความสำเร็จที่กำลังเกิดขึ้น จึงเริ่มมีการส่งนายหน้าที่ดินเข้ามาเสนอราคาที่ดินให้กับวอเน๊าะ เริ่มจากราคาหนึ่งแสนบาท แต่นายหน้าถูกปฏิเสธและถูกไล่ตะเพิด เมื่อปตท.เห็นว่าไม่ได้ผล จึงให้นายหน้าที่ดินเข้ามาขู่ว่า หากไม่รับเงิน "เดี๋ยวบริษัทปตท.เขาเจาะเอาฟรีๆ หรอกไม่จ่ายเบี้ยให้หรอก ให้รีบรับเบี้ยเสีย"


 


นางเน๊าะยังหนักแน่นว่า "กูไม่ขาย"และไม่หวาดกลัวใดๆ จนถึงขั้นนายประสิทธิ์ วิสุทธิ์จินดาภรณ์ นายอำเภอจะนะ ส่งอส.มาเรียกตัววอเน๊าะให้ขึ้นไปพบที่ว่าการอำเภอจะนะ เพื่อต้องการเจรจาให้เซ็นชื่อยินยอมขายที่ดินให้กับบริษัทปตท. แต่อส.ดังกล่าวกลับถูกตอกกลับไปว่า หากนายอำเภออยากพบตน ให้ลงมาพบที่บ้าน


 


ปัจจุบันราคาที่ดินของวอเน๊าะสูงถึงห้าแสนบาท แต่นางเน๊าะบอกอย่างหนักแน่นว่า "ไม่เห็นกับเบี้ย ไม่เห็นกับชีวิต จะเก็บรักษาที่ดินผืนนี้ให้กับลูกหลาน" เงินเพียงไม่กี่บาทใช้ไม่กี่วันก็หมดแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นกลับทำลายบ้านเกิด ทำลายวิถีชีวิต แนวท่อเส้นนี้อยู่ใกล้บ้านเรือน ที่ทำกิน มัสยิด กุโบร์ จะให้เราละหมาดด้วยใจที่สงบนิ่งได้อย่างไรในเมื่อสิ่งไม่ดีเหล่านี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากมัสยิดเรา


 


ต่อคำถามว่า เวลานี้ยืนหยัดสู้มานานรู้สึกอย่างไร วอเน๊าะบอกด้วยเสียงเครือว่า "นึกในหัวใจแล้วมันแสบ แสบบอกให้ไม่ได้ ดายของว่าชิ้นนี้แหละเก็บไว้ให้ลูกหลาน" จากการต่อสู้ที่ผ่านมาได้บทเรียนว่าต้องช่วยตัวเองสิ่งเดียว เพราะหวังพึ่งรัฐบาล หวังไม่ได้ คนงานปตท.บอกว่านายอำเภอจะนะ ผู้ว่าราชกาจังหวัดสงขลา ว่าจะลงมาในวันนี้ ก็ไม่มา "พวกเรามันไม่เอา มันช่วยบริษัท ชาวบ้านมันไม่เอา" แม้แต่เรื่องที่ดินวะกัฟตามหลักการศาสนาอิสลามที่บริษัทปตท. บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย (ทีทีเอ็ม) ฮุบไปสร้างโรงแยกก๊าซก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ ซึ่งถือว่ารัฐบาลย่ำยีพี่น้องมุสลิมอย่างมาก นี่คือคำตัดพ้อของวอเน๊าะต่อระบบราชการไทย


 


ตอนนี้ตนและลูกหลานต้องเฝ้าระวัง ต้องหอบหลานมานอนเฝ้าในขนำทั้งกลางวันกลางคืน เพราะเราไม่รู้ว่าบริษัทปตท.จะขโมยเจาะที่ดินเมื่อไร ตลอดจนมีพี่น้องกลุ่มคัดค้านฯ พลัดเปลี่ยนมาเยี่ยมและเฝ้าระวัง


 


เมื่อวานนี้ (9 ก.ค) พี่น้องจากบ้านสะกอม ต.สะกอม มาเยี่ยมให้กำลังใจ กลับถูกคนงานของบริษัทขู่จะทำร้ายร่างกาย พอพี่น้องบ้านสะกอมเดินทางกลับมีคนงานเดินมาโวยวายท้าทายที่ขนำซึ่งตนนอนอยู่


 


"เราเฝ้าระวังกันมานานนับเดือน และช่วงหลังต้องมานอนเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน ช่วยนี้ลำบากเพราะฝนเริ่มตกทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบาย ตั้งแต่ปตท.เข้ามาวางแนวท่อก๊าซในบ้านป่างาม ทำให้พวกเราและชาวบ้านที่ออกมาคัดค้านฯ ไม่สามารถทำมาหากินได้ปกติ เพราะต้องมาค่อยเฝ้าระวัง เพราะหากอยู่บ้านเราสามารถทำงานโน่นงานนี้ได้มากมาย แต่ตอนนี้บริษัทปตท.กำลังก่อความเดือดร้อนให้เรา ต้องทิ้งงานบ้านในชีวิตประจำวันบางส่วนไป แต่การงานนี้เราก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกัน ถือเป็นหน้าที่หลักเกี่ยวกับบ้านเกิดของเรา"


 


 


เครื่องมือเจาะลอดใต้ดินเพื่อวางแนวท่อก๊าซปตท.นำมาติดตั้งไว้พร้อมแล้ว รอโอกาสที่ชาวบ้านเผลอ


 


 


และเล่าทิ้งท้ายว่า ประมาณสองวันที่แล้ว คนงานของบริษัทขนอุปกรณ์ เครื่องจักร และสารเบนโทรไนต์จำนวนมากลงมามาแปลงข้างเคียงที่เป็นฐานตั้งแท่นขุดเจาะ และเอาสังกะสีมาปิดกั้นเพื่อไม่ให้พวกตนมองเห็นว่าคนงานกำลังทำอะไร คนงานกำลังจะทำการเจาะดิน เวลานั้นอยู่กับลูกสาวอีกสองคน ไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนงาน ยืนยันว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินและไม่อนุญาตให้ขุดเจาะใดๆ ไปในใต้ดินของตน คนงานเอาโฉนดออกมาฉบับหนึ่งยืนยันว่า ที่ดินที่กำลังจะเจาะเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่เมื่อดูโฉนดดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นโฉนดคนละแปลง ซึ่งโฉนดดังกล่าวเป็นที่ดินแปลงถัดไปจากที่ดินนั้น


 


เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเอาเอกสารของให้ดูบ้าง คนงานเห็นแล้วตกใจเพราะระบุชัดว่า เป็นที่นาทำกิน คนงานจึงไม่กล้าทำอะไร จึงท้าทายว่า หากจะเจาะลอดที่ดิน ให้เอาคนอนุญาตลงมาคุยก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอจะนะ


 


สังคมไทยกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้านนี้เมืองนี้มีกฎหมาย มีขื่อมีแปอยู่ไหม หญิงสาวครอบครัวหนึ่งกำลังถูกรัฐทอดทิ้ง ไม่เห็นความสำคัญจึงไม่หันมาเหลียวแลเพื่อแก้ไขปัญหาให้ หรือคิดว่าเธอเกิดมาเป็นเพียงคนชายขอบของสังคมไทย การศึกษาน้อย บ้านนอก ที่สำคัญเป็นหญิงสูงอายุชาวมุสลิมคนหนึ่ง จึงปล่อยให้บริษัทปตท.ซึ่งเป็นบริษัทของนายทุนเข้ามารังแก กดขี่ ข่มเหงอย่างไรก็ได้ รัฐและปตท.อาจไม่รู้ว่าการปล่อยให้คนหนึ่งสู้จนหลังชนฝาจะเกิดอะไรขึ้น แทนที่จะถอยหมดกำลังใจในการต่อสู้ไปเอง อย่าลืมว่าคนเรามีเลือดเนื้อและความรู้สึกแรงกดดันที่หวังจะทำให้ "เธอถอย" อาจกลับแปรเปลี่ยนเป็นพลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net