ประชาไท - 7 ก.ค. 50 เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ในการสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 11 ที่อิมแพคเมืองทองธานี คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) ออกแถลงการณ์จากมุมมองของภาคประชาชน เรียกร้องให้คนทำงานเอดส์ทั้งภาครัฐและเอ็นจีโอเปลี่ยนวิธีคิด ทัศนคติของตนเอง โดยเลิกใช้คำที่มีลักษณะประณาม ตีตรา ตอกย้ำ หรือมีลักษณะเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนต่างๆ ในสังคม เช่น ส่ำส่อน มั่วเซ็กส์ หรือกลุ่มเสี่ยง
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐจัดอุปกรณ์ในการป้องกันเอดส์อย่างเพียงพอแก่ทุกคนในสังคม พัฒนาระบบบริการสุขภาพในประเทศไทยให้มีมาตรฐานเดียวทุกกองทุน ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดบริการด้านการดูแลรักษา เพื่อให้เกิดบริการที่เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่ม
ทั้งนี้ แถลงการณ์ระบุด้วยว่า รัฐบาลไทยต้องไม่มีนโยบายใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการปัญหาเอดส์ของประเทศ เช่น ต้องไม่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ กับสหรัฐอเมริกา
แถลงการณ์คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์
ประเด็นท้าทายการทำด้านเอดส์ในประเทศไทย : มุมมองของภาคประชาชน
เครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านเอดส์ ได้แก่ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) เครือข่ายเอดส์และยาเสพติด เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ เครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ เครือข่ายผู้สูงอายุ คณะทำงานเรื่องผู้หญิงในงานเอดส์ เครือข่ายชุมชน เครือข่ายเพศศึกษา เครือข่ายศาสนา เครือข่ายชาติพันธุ์ เครือข่ายพนักงานบริการ เครือข่ายแรงงานข้ามชาติ เครือข่ายคนทำงานด้านเด็ก เครือข่ายสิทธิมนุษยชนด้านเอดส์ เครือข่ายผู้หญิงติดเชื้อ เป็นต้น ขอเสนอประเด็นท้าทายการทำงานเอดส์ในอีก 5 ปีข้างหน้าดังต่อไปนี้
1. งานด้านการส่งเสริมป้องกันเอดส์
- เราอยากเห็นกระบวนการร่วมกันพัฒนาเนื้อหาที่จะรณรงค์สื่อสารเรื่องเอดส์กับคนในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนสามารถประเมินความเสี่ยงของตัวเองได้ และเป็นเนื้อหาที่ช่วยให้คนปลอดภัยจากเอดส์ได้อย่างเป็นจริง โดยคนทำงานเอดส์ทั้งภาครัฐและเอ็นจีโอต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ทัศนคติของตนเองก่อน และต้องเลิกใช้คำที่มีลักษณะประณาม ตีตรา ตอกย้ำ หรือมีลักษณะเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนต่าง ๆในสังคม เช่น ส่ำส่อน มั่วเซ็กส์ กลุ่มเสี่ยง เป็นต้น
- ต้องจัดให้มีบริการสารทดแทนเมทาโดน และเข็มสะอาดสำหรับผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดอย่างทั่วถึง และไม่คิดค่าใช้จ่าย
- รัฐต้องจัดให้มีเครื่องมือ อุปกรณ์การป้องกันเอดส์ที่เพียงพอ เหมาะสมกับกลุ่มคนต่าง ๆในสังคม ได้แก่ ถุงยางอนามัย ถุงอนามัยสตรี แผ่นเลีย สารหล่อลื่น เข็มสะอาด เป็นต้น
2. ด้านการดูแลรักษา
- เราต้องการเห็นการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในประเทศไทยมีมาตรฐานเดียวทุกกองทุน ลดความยุ่งยาก ซับซ้อนที่เป็นอุปสรรคทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึงบริการ
- ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดบริการด้านการดูแลรักษา เพื่อให้เกิดบริการที่เป็นมิตร หลากหลาย และเหมาะสมสำหรับประชากรทุกกลุ่ม
- เราสนับสนุนการใช้มาตรการซีแอลของรัฐบาลไทย แต่เราต้องการเห็นการดำเนินการที่รวดเร็ว กระฉับกระเฉง เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ความต้องการของผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยา และมีฐานข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจน โดยกระทรวงสาธารณสุขต้องทำหน้าที่สนับสนุนทางวิชาการ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาโรคเอดส์
- รัฐบาลไทยต้องไม่มีนโยบายใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการปัญหาเอดส์ของประเทศ เช่น ต้องไม่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอกับสหรัฐอเมริกา
- ต้องจัดให้มีระบบรัฐสวัสดิการ ครอบคลุมประชากรในเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ครอบคลุมด้านการศึกษา การสาธารณสุข ที่อยู่อาศัย การประกันการว่างงาน การยังชีพที่เหมาะสมเพียงพอของผู้สูงอายุ
-วาระเอดส์ภาคประชาชน จะต้องได้รับการยอมรับและต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อให้เกิดการปฏิบัติการจริง ควบคู่ไปกับแผนเอดส์ชาติ
สุดท้าย การสร้างพื้นที่ในการเชื่อมประสานความร่วมมือการทำงานแก้ไขปัญหาเอดส์ในประเทศกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและองค์กรภาคประชาสังคม ต้องอยู่ภายใต้หลักการเคารพสิทธิมนุษยชน ไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างใดๆ ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ การศึกษา สถานภาพทางกาย สุขภาพ ศาสนา เชื้อชาติ ความคิดเห็นทางการเมือง ฯลฯ
(วันที่ 6 กรกฏาคม 2550 งานสัมมนาโรคเอดส์ระดับชาติ ครั้งที่ 11)
ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี
คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์
กพอ.