เครือข่ายประชาชนรักษ์ถิ่นสมุทรสงคราม
25 มิถุนายน 2550
เรื่อง ร้องทุกข์เรื่องการคุ้มครองสิทธิชุมชน
เรียน ท่านประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สิ่งที่ส่งมาด้วย 1. รายชื่อผู้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น จำนวน 1 ชุด
2. หนังสือสรุปผลการจัดเวทีพร้อมซีดีเวทีรับฟังความคิดเห็น จำนวน 1 ชุด
3. หนังสือให้ความเห็นชอบอนุญาตสถานประกอบการบรรจุแก๊ส จำนวน 1 ชุด
ชุมชนประมงบางจะเกร็ง เป็นชุมชนที่อยู่ริมฝั่งปากแม่น้ำแม่กลอง และมีดอนหอยหลอด (ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลก) เป็นแหล่งสร้างอาชีพ ชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบบ้านสวนกึ่งทะเล มีความเอื้ออาทรต่อกันในระบบเครือญาติ อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย มีความสุขตามอัตภาพ(พอใจ)
แต่เมื่อประมาณปี 2547 บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง (ทางผ่านเข้าดอนหอยหลอด) มีการก่อสร้างเกิดขึ้นในพื้นที่ แรกๆ ชาวบ้านก็ยังไม่รู้ว่าการก่อสร้างที่เกิดขึ้นเป็นอะไร มาทราบอีกที่ตอนที่มีรถขนาดใหญ่ (ตำรวจต้องปิดถนนเพื่ออำนวยความสะดวกให้) ชาวบ้านเริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในชุมชน จึงเริ่มค้นหาความจริง จนทำให้ทราบว่า การก่อสร้างที่เห็นคือโครงการก่อสร้างคลังบรรจุแก๊สขนาดใหญ่ ซึ่งมีขนาดบรรจุถึง 4,000,000 ลิตร ของบริษัทปิกนิกแก๊ส ของนายสุริยา เลิศวิสุทธิสิน (ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีของรัฐบาลไทยรักไทย) ทำให้ชาวบ้านเกิดความกลัวคลังแก๊สระเบิดจากอุบัติเหตุ (และการก่อการร้าย) เพราะในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว มีทั้งโรงต้มหอยหอย ที่เป็นอันตรายอย่างมากต่อการขนถ่ายแก๊ส และยังมีคลังน้ำมันเชลล์ คลังน้ำมันภาคใต้เชื้อเพลิงอยู่ในบริเวณเดียวกันอีกด้วย หากคลังแก๊สระเบิดก็จะมีคลังน้ำมันระเบิดตามอีก 2 คลัง (กลัวตายทั้งเมือง) กลัวความเดือดร้อนจากอุบัติเหตุอื่นๆ ทั้งอุบัติเหตุจากรถบรรทุกแก๊สและอุบัติเหตุจากคลังก๊าซที่อาจเกิดขึ้นจากการขนถ่าย เพราะคลังตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำแม่กลอง แก๊สจะบรรทุกมาทางเรือ และขนถ่ายขึ้นมาเก็บไว้บนคลัง และจะมีการขนถ่ายสู่รถบรรทุกก๊าซทุกวัน ทุกๆ วันชาวบ้านตกอยู่ในความหวาดกลัว เหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านรอบ ๆ ตลอดจนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อวิถีชีวิต อาชีพ และระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อม
จากความกลัวดังกล่าวทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันประมาณ 600 คน เพื่อคัดค้านการก่อสร้างคลังแก๊ส ตั้งแต่ปลายปี 2547 โดยนายก อบต. บางจะเกร็ง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ออกมาให้คำมั่นว่าชาวบ้านเอาอย่างไรก็เอาด้วย จากนั้นชาวบ้านก็เชื่อว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามข้อตกลงร่วมกัน แต่ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน 2550 ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันอีก เพราะคลังแก๊สดังกล่าว ได้รับการอนุญาตให้ก่อสร้างต่อ และกำลังจะเปิดดำเนินการ ชาวบ้านจึงได้เขียนหนังสือมาร้องทุกข์ผ่านเครือข่ายผู้บริโภคสมุทรสงคราม เพื่อประสานงานให้จังหวัดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ให้หรือไม่ให้มีคลังแก๊สในพื้นที่
วันที่ 25 เมษายน 2550 ได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้นอีกครั้ง ณ. ศาลาเอนกประสงค์วัดศรัทธาธรรม ตำบลบางจะเกร็ง ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น เกือบ 2,000 คน โดยให้ตัวแทนบริษัทเจ้าของโครงการคลังแก๊ส และภาคประชาชน ได้ชี้แจงข้อมูลและอภิปรายเหตุผลของแต่ละฝ่ายอย่างกว้างขวาง โดยมีท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามเป็นผู้ดำเนินการอภิปราย จนได้ข้อสรุปที่มีมติเป็นเอกฉันท์ร่วมกันว่า "ไม่ต้องการให้คลังแก๊สเปิดดำเนินการและให้ยกเลิกโครงการคลังแก๊สตำบลบางจะเกร็ง" และได้จัดทำข้อสรุปจากเวทีนำเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถใช้สิทธิของชุมชนได้จริง เพราะหลังจากนั้นฝ่ายบริษัทคลังแก๊ส ได้จ้างนักศึกษาออกมาสำรวจข้อมูล โดยให้ข้อมูลด้านเดียว และให้ชาวบ้านเซ็นชื่อกำกับ โดยไม่ยอมรับมติของชุมชน ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 47
ดังนั้น เครือข่ายประชาชนรักษ์ถิ่นสมุทรสงคราม จึงขอร้องเรียนมายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ชาวบ้านได้รับการคุ้มครองสิทธิชุมชนอย่างแท้จริง
ขอแสดงความนับถือ
เครือข่ายประชาชนรักษ์ถิ่นสมุทรสงคราม
|