วิทยากร บุญเรือง
ประธานาธิบดีอูโก้ ชาเวซ (Hugo Chavez)
(ที่มาภาพ : AFP/File/Pedro Rey)
ประชาไท - ขณะที่หลายคนกำลังถกเถียงเชิงทฤษฎีเพ้อฝันว่า ฝ่ายซ้ายจะต้องสร้าง "สังคมนิยมอุดมคติ" ขึ้นเท่านั้น ไม่มีทางลัด และจะต้องไม่ประนีประนอมกับนายทุน รวมถึงการปฎิเสธการแข่งขันในระบบตลาด มันจึงเหลือคำถามที่ว่า "แล้วมันจะทำอย่างไรละหว่า?" -- ที่เวเนซุเอล่า "อูโก ชาเวซ" กำลังปฏิรูปประเทศของเขา พร้อมทั้งเสียงก่นด่าจากเพื่อนพ้องฝ่ายซ้ายและศัตรูฝ่ายขวา ... สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาเวซเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ทั้งบรรษัทสังคมนิยม , ซื้ออาวุธ และความคืบหน้าของการแปรรูปกิจการน้ำมันให้รัฐถือหุ้นใหญ่แทนเอกชน
หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว (18 มิ.ย.2007) เว็บไซต์ nasdaq ได้รายงานว่าประธานาธิบดีอูโก้ ชาเวซ (Hugo Chavez) ได้ประกาศขายฝันนโยบาย "โรงงานสังคมนิยม 2007" (Socialist Factory 2007) ผ่านรายการประธานาธิบดีพบประชาชนทางสื่อของเวเนซุเอล่า
โครงการนี้จะเป็นการจัดตั้งบรรษัทที่รัฐเป็นเจ้าของ (state-owned companies) ออกมาแข่งกับบรรษัทเอกชนภายในประเทศ
ตามคำโฆษณาของชาเวซ บรรษัทแนวสังคมนิยมที่เป็นของรัฐนี้ จะผุดมาเกือบ 200 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย บรรษัทอาหาร 88 แห่ง , บรรษัทก่อสร้าง ผลิตวัสดุก่อสร้างและเครื่องมือ 48 แห่ง , บรรษัทผลิตกระจก พลาสติกและยาง 19 แห่ง , บรรษัทขนส่ง 10 แห่ง , บรรษัทรีไซเคิ้ลขยะอีก 10 แห่ง , บรรษัทอุปกรณ์เรื่องใช้ไฟฟ้า 8 แห่ง และบรรษัทก่อสร้างอีก 4 แห่ง
บรรษัทเหล่านี้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการหาที่พักและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้คนยาก ตามนโยบายบ้านเอื้ออาทรเพื่อคนจนของประเทศ
ทั้งนี้ในเนื้อข่าวไม่ได้บอกว่าบรรษัทเหล่านี้จะใช้วิธีการบริหารจัดการอย่างไร แต่เข้าใจว่าคงจะเป็นอีกหนึ่งหนทางในการพยายามลดช่องว่างทางชนชั้นและลดการนำเข้าสินค้าจากต่างชาติ ทั้งนี้ชาเวซก็ได้ออกมาโต้กับนักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายขวาและนักธุรกิจที่วิจารณ์ว่าเขาใช้งบประมาณภาครัฐมากเกินไปและอาจทำให้ธุรกิจภายในประเทศ (นายทุนในประเทศ) เสียหาย ...
"ทำไมเราจะไม่สามารถผลิตสินค้าเหล่านี้จากโรงงานของเราได้? ใครพูดว่าเราทำไม่ได้? ตอนนี้เราสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง"
"ในแผนการโรงงานสังคมนิยมของเรา เราจะสามารถผลิตสินค้าได้เยอะแยะ ... ตู้เย็น , เครื่องครัว , ท่อส่งน้ำมัน , เครื่องใช้ไฟฟ้า และแก๊ส" --- ชาเวซ กล่าว
อืมม ... สากกะเบือยันเรือรบจริงๆ ท่านชาเวซ ... แต่อ๊ะ! ไม่ใช่สิ เรือรบและอาวุธ เทคโนโลยีแบบนั้นเวเนซุเอล่าคงยังไม่พร้อม ทำให้ชาเวซต้องตระเวนช้อปปิ้งอาวุธ พร้อมกับหาแนวร่วมถ่วงดุลจักรวรรดิอเมริกา
แน่นอนว่ารัสเซียคือตัวเลือกอันดับแรก สำหรับธุรกิจเครื่องมือล่าสังหาร เพราะขอให้ได้เงินเหอะ ร้สเซียเอาหมด ไม่ว่าประเทศนั้นจะมีความสัมพันธ์กับอเมริกาเลวร้ายยังไง ... พม่า , อิหร่าน , เกาหลีเหนือ รัสเซียล้วนพร้อมค้าขายด้วยทั้งสิ้น
22 มิ.ย. 2003 เว็บไซต์ Bloomberg รายงานว่าชาเวซพร้อมที่จะซื้อเรือดำน้ำและยุทโธปกรณ์ต่อต้านอากาศยานจากรัสเซีย
โดย Bloomberg ยังได้รายงานให้ฝ่ายซ้ายที่จ้องคอยจะด่าแต่ชาเวซนำไปเป็นข้อมูลได้ชั้นยอดอีกว่า ในปี 2005 และ 2006 เวเนซุเอล่าใช้จ่ายเงินในการซื้ออาวุธไปถึง 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมันมากกว่าประเทศจีน , อิหร่าน และปากีสถานเสียอีก
ทั้งนี้หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ รายงานว่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์เป็นดีลที่เวเนซุเอล่าทำกับรัสเซีย ในการทำสัญญาซื้อปืนคาลาชนิคอฟ 100000 กระบอก , เฮลิคอปเตอร์ 50 ลำ และเครื่องบินเจ๊ท ซู-30 อีก 24 ลำ --- ซึ่งถ้าตัดงบพวกนี้ไปล่ะ พนันได้ว่าชาวเวเนซุเอล่าอาจจะมีชีวิตดีขึ้นไวกว่านี้อีกหน่อย
ถ้าถามว่าชาเวซเอาเงินจากไหน? ก็ต้องวกไปประเด็นเรื่องน้ำมัน ซึ่งก็มีข่าวต่อเนื่องมาเล่าอีก ..
วันนี้ (23 มิ.ย.2007) สำนักข่าว Al Jazeera ได้รายงานข่าวต่อเกี่ยวกับชาเวซและเวเนซุเอล่า ว่าธุรกิจน้ำมันของบรรษัทข้ามชาติอาจจะต้องอัปเปหิออกไปจากแผ่นดินที่อุดมไปด้วยน้ำมันแห่งนี้หากไม่รับข้อเสนอจากทางรัฐบาล
สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศเวเนซูเอล่าเป็นประเทศในละตินอเมริกาประเทศเดียวที่อยู่ในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 5 ของโลก และเวเนซูเอล่ายังส่งออกน้ำมันให้ประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 3.09 ล้านบาเรลต่อวัน
แต่ส่วนใหญ่แล้วรายได้อันมหาศาลจากทองคำสีดำนี้ มักจะถูกอภิสิทธิ์ชนในและนอกประเทศดูดขึ้นมาทำความมั่งคั่งให้แก่กลุ่มตนเอง ทำให้ชาเวซต้องพยายามแก้ปัญหานี้ให้ได้ ทำให้น้ำมันถูกดูดขึ้นมาให้เป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากในประเทศแทน
ชาเวซจึงต้องออกนโยบายให้บรรษัทน้ำมันแห่งชาติเวเนซูเอล่า ( Petroleos de Venezuela : PDVSA ) เข้าไปมีส่วนแบ่งอย่างน้อย 60% กับกิจการน้ำมันของบรรษัทต่างชาติในเขต
โดยเพียงแค่ 4 โครงการในแถบนี้ ก็สามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 600,000 บาเรลต่อวันแล้ว --- แต่หลายบรรษัทยักษ์ใหญ่ก็ได้ดำเนินการต่อรองเพื่อไม่ให้ตนเสียประโยชน์ ซึ่งก็ประกอบไปด้วยยักษ์ใหญ่ของโลกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Exxon Mobil, ConocoPhillips, Chevron Corp, Norway's Statoil, Britain's BP Plc และ France's Total
ก็ไม่รู้ว่าเหล่าบรรษัทของนายทุนเหล่านี้จะยอมชาเวซหรือไม่ ... ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไป
0 0 0
เมื่อขึ้นมามีอำนาจทางการเมืองและสามารถใช้ "รัฐ" เป็นเครื่องมือในการกรุยทางสร้างสังคมในฝัน ความยากลำบากของชาเวซอันดับแรกก็คือ เขาต้องเผชิญกับผู้คนหลากหลายในสังคมที่ทุกคนยังไม่ได้ถูกอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายครอบงำได้อย่างเบ็ดเสร็จ --- ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างที่ชาเวซทำอาจจะขัดลูกกะตาของฝ่ายซ้ายเคร่งคัมภีร์สุดขีด
จะสรรเสริญหรือจะด่า "ชาเวซ" ก็ตามใจท่าน เรื่องนี้มันคิดได้นานาจิตตังครับ ... แต่อย่างน้อยที่สุดก็ลองคิดดูกันหน่อยว่าที่นั่นเขาทำอะไรกันบ้าง และบ้านเราทำอะไรกันบ้าง!
อีกอย่างที่น่าเก็บไปคิด คือ ชาเวซ เป็นทหาร แต่สามารถขึ้นสู่อำนาจสูงสุดด้วยวิธีการทางประชาธิปไตย ชาเวซสามารถทำให้ประชาชนยอมรับสถาบันนี้ และในเวเนซุเอล่าบ่อยครั้งที่สถาบันทหารมักจะยืนเคียงข้างประชาชนเสมอ --- ในทางตรงกันข้าม ไม่เหมือนบางที่ที่สถาบันนี้มีแต่คอยจะจ้องกระทืบประชาชน และเอาเงินภาษีไปจับจ่ายเสริมสร้างการปกป้อง "อภิสิทธิ์ชน"
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดไปเสียทีเดียว ในบางครั้งพวกเขาก็ออกมาอยู่ใกล้ๆ ประชาชนบ้างให้พอได้ชื่นใจบ้าง นั่นก็คือในเวลาที่พวกเขาออกมารับจ๊อบยืนคุมผับบาร์ ... ไงครับ ;-p
ที่มา :
Chavez Says Venezuela May Buy Russian Subs, Build Air Defense
Venezuela's Chavez To Create 200 'Socialist Companies'
นี่เป็นเพียงเกร็ดข่าวเล็กๆ น้อยๆ ถ้าอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศ เวเนซุเอล่า และ อูโก้ ชาเวซ อย่างถึงพริกถึงขิงและแน่นไปด้วยเนื้อหา ข้อมูล โปรดติดตามบทความของ ภัควดี วีระภาสพงษ์ :
ภัควดี รายงาน : ทางแพร่งของอูโก ชาเวซ (ตอนที่ 1)
ภัควดี รายงาน : ทางแพร่งของประชาชนเวเนซุเอลา (ตอน2)
ภัควดี รายงาน: RCTV : สมรภูมิใหม่เพิ่งเริ่มต้น (ตอนที่ 3)
|