Skip to main content
sharethis

ภฤศ ปฐมทัศน์ รายงาน



วันที่ 14 มิ.ย.50 คณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ มีเสวนาเรื่อง "จตุคามราม (ไปทั่ว)" นำการเสวนาโดย พระภาสกร ภาวิไล (ภูริวฑฺฒโน) วัดฝายหิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับรู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาที่แท้จริงของ "องค์จตุคามรามเทพ" ตามคติของพุทธศาสนา รวมถึงสอดแทรกเรื่องการใช้วิจารณญาณความเชื่อและหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้าไประหว่างการบรรยายด้วย


พระภาสกร เริ่มต้นการสนทนาว่า พูดถึงจตุคามรามเทพแล้ว ตอนแรกหลวงพี่ก็ไม่ชอบ ถ้าตามหลักพุทธศาสนา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องผิด ผิดเพราะอะไร มันมีธรรมะอยู่ชุดหนึ่ง เรียกว่า อธิฏฐาน 6 คือ สิ่งซึ่งพระอริยบุคคลทำไม่ได้ คือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ หรือทำคนให้แตกแยก แต่ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ข้อ 6 คือ การถือสิ่งอื่นเป็นสรณะ หลุดจากไตรสรณะคม


"การเป็นพุทธศาสนิกชน เวลาจะบวชเขาก็ต้องมีพิธีการรับไตรสรณะคม ข้าพเจ้ามีพระพุทธเป็นสรณะ ข้าพเจ้ามีพระธรรมเป็นสรณะ ข้าพเจ้ามีพระสงค์เป็นสรณะ ไม่ใช่มีจตุคามเป็นสรณะ"


แต่กระนั้นก็มีเรื่องของกรรมฐานเรื่องหนึ่งที่ควรทำใจจดจ่อ นั่นก็คือเรื่องของเทวตานุสติ มีจิตระลึกถึงเทวดา ระลึกถึงในแง่ความดีที่ทำให้มนุษย์ธรรมดาอย่างเรากลายเป็นเทวดา


หลังจากนั้นจึงพูดถึงความเป็นมาของจักรวาล เทวดา สวรรค์ชั้นต่างๆ  การบำเพ็ญเพียร รักษาศีล รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระเจ้าในอนาคต 3 ประเภท คือ ปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ


ซึ่งพระภาสกรได้สรุปเรื่องของจตุคามฯ ตามคติของพุทธศาสนา โดยไม่ลืมเตือนผู้มาเข้าร่วมว่า อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่เล่ามาทั้งหมดได้ดังนี้


"...องค์จตุคามรามเทพ ท่านใช่โพธิสัตว์ไหม ใช่ครับ ท่านเป็นเทวดาชั้นไหน ชั้นดุสิต เทวดามีอยู่ทั้งหมดหกชั้น ชั้นดุสิตเป็นสวรรค์ชั้นของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง พระโพธิสัตว์ทั้งหลายในคติเถรวาทจะไปเกิดในชั้นดุสิตสวรรค์


ส่วนเรื่องประวัตินั้นมีหลายที่มา คนนั้นก็ว่าอย่างนี้ คนนี้ก็ว่าอย่างนั้น ในที่หลวงพี่กำลังจะเล่าถึงนี้ อ้างอิงจากคนอื่นอีกทีหนึ่งนะครับ เขาบอกว่าองค์จตุคามรามเทพองค์ปัจจุบันนี้ที่กำลังโด่งดัง คือพระเจ้าจันทรภานุ อยู่ที่นครศรีธรรมราช เดิมชื่อว่าเจ้าชายรามเทพ เป็นโอรสของพระนางจันทรา ราชินีของชาวทะเลใต้ แล้วก็คำว่าจตุคาม จริง ๆ แล้วเป็นชื่อวิชา เป็นวิชาเก่าแก่ของชาวชวากะ เป็นคัมภีร์พระเวทย์ ซึ่งสามารถบังคับธรรมชาติให้เป็นไปตามปรารถนา บันดาลโชคร้ายโชคดี ...อย่าเพิ่งเชื่อนะครับ นี้แค่เล่าสู่กันฟัง ผู้สำเร็จวิชาจตุคามศาสตร์มีสมญานามว่าจันทรภานุ แล้วพระเจ้าจันทรภานุองค์นี้เนี่ยนะครับ เป็นผู้นำพระพุทธศาสนาเผยแผ่ไปทั่วคาบสมุทรของอาณาจักรศรีวิชัย..."


พระภาสกรอธิบายถึงเวลานับอสงไขยและเงื่อนไขการเกิดของพระพุทธเจ้าตามขั้นตอนต่างๆ จน ตั้งสมมติฐานได้ว่า จากข้อมูลที่ได้มา คือ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ประเภท สัทธาธิกะ คือผู้อาศัยกำลังศรัทธาเป็นตัวนำ


ผู้ที่อาศัยกำลังศรัทธาเป็นตัวนำ ต้องใช้เวลาเป็นสองเท่าของพระปัญญาธิกะ พระพุทธเจ้า ช่วงตัดสินใจ พระปัญญาธิกะใช้ 7 อสงไขย พอมาถึงพระสัทธาธิกะใช้ 14 อสงไขย ช่วงเปล่งวาจา ของพระปัญญาธิกะใช้ 9 ท่านใช้ 18 คือเป็นสองเท่า ช่วงเวลาที่ได้รับพยากรณ์แล้วก็จะทำบารมีอีก 8 อสงไขย กับอีกเศษจุด 1 งั้นรวมแล้วจะใช้เวลาในการเป็นพระพุทธเจ้าทั้งหมดคือ 40 อสงไขยบวกกับเศษ


"ข้อมูลต่อมาคือ ท่านทำบารมีมาถึงไหนแล้ว ข้อมูลที่ได้...อันนี้อย่าเชื่อนะครับ เป็นนิยายปรัมปรานะครับ ท่านกำลังอยู่ในช่วงเปล่งวาจา รวมแล้วคือ 27 อสงไขย กับห้าแสน ถ้าเราเคยเป็นญาติท่านมาก่อนเราเอาท่านมาแขวน ท่านอาจจะยังช่วยเรา เพราะท่านยังมีความลำเอียงอยู่"


มีแต่พระอรหันต์เท่านั้นที่จะไม่มีความลำเอียง  เพราะความลำเอียงเกิดขึ้นด้วย 4 อย่าง ลำเอียงเพราะรัก...เช่นเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันถิ่นเดียวกัน ฯลฯ ลำเอียงเพราะชัง เพราะเคยหมั่นไส้ เคยฆ่าลูกฆ่าเมียท่านไว้ในอดีต ฯลฯ ลำเอียงเพราะหลงเพราะความไม่รู้ และสุดท้าย ลำเอียงเพราะความกลัว อย่างทุกวันนี้นะครับ สื่อทั้งหลาย เขากลัวอะไรอยู่หรือเปล่า เขาลำเอียงอะไรอยู่หรือเปล่า


"ความเป็นพระโพธิสัตว์ขององค์จตุคามในตอนนี้ ตามหลักแล้วยังไม่ได้รับพยากรณ์ ถ้ายังไม่ได้รับพยากรณ์ก็แสดงว่ายังไม่ชัวร์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า แต่ถ้าถามว่าบารมีเยอะไหม ... เยอะครับ"


พระภาสกรพูดถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงในเชิงพุทธพาณิชย์ โดยเตือนไว้สั้นๆ ให้ระวังเรื่องการค้าตามกระแสมากเกินไป อาจส่งผลเสียแก่ตัวผู้ขายเองตามหลักเศรษฐศาสตร์


"วันนี้หลวงพี่ก็ได้ไปสำรวจที่ตลาดคำเที่ยงมา ก็เจอมีแต่โต๊ะขายจตุคามรามเทพนะครับ เมื่อก่อนเนี่ยครับ รู้จักอยู่คนหนึ่งเมื่อเคยขายพระครูบาศรีวิชัย จนได้รับฉายา แต่เดี๋ยวนี้ไม่มี มีแต่จตุคามฯ เปลี่ยนฉายาไปแล้วเรียบร้อย แต่ระวังให้ดี ถ้าใครเคยเรียนเศรษฐศาสตร์ คงจะรู้เรื่อง ดีมานด์-ซัพพลาย เมื่อดีมานด์ (ความต้องการผู้ซื้อ) มันใกล้ ๆ จะเต็มแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ซัพพลาย (ความต้องการผลิตสินค้า) มันล้น ลองนึกถึงกรณีแชร์แม่ชม้อยดู มาก่อนรวยก่อน...มาทีหลัง ซวยละ"


สำหรับสถานะความเป็นสงฆ์ ควรเกี่ยวข้องหรือไม่ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไรนั้น พระภาสกรได้อธิบายเอาไว้ว่า


"ในฐานะที่เป็นพระแล้ว ไม่เห็นด้วยนะครับ บทบาทของพระต้องส่งเสริมไตรสรณะคม พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ เป็นสรณะ เพราะถ้าเอาจตุคามรามเทพเป็นสรณะเมื่อไหร่ คือถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ถ้าเป็นพระขาดจากความเป็นพระทันทีเลยนะครับ


ถ้าเป็นพระ ต้องวางคารมให้ถูก จตุคามรามเทพเป็นเทวดา อนุโมทนาได้ เอาเป็นอนุสติได้ ระลึกถึงเทวดาทำให้นึกถึงความดีงาม มีหิริโอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป นี่คือบุญหรือข้อเหตุที่ทำให้เกิดเทวดา ถ้าให้เปรียบเทียบกับคนเรา...เราควรนับถือคนที่ความดีหรือความร่ำรวย ความสุขสบายครับ เราควรไหว้คนที่ความดี


กับผู้ที่เป็นฆราวาสเอง ท่ามกลางกระแสความศรัทธาขององค์จตุคามรามเทพนั้น ท่านก็ได้แนะนำให้พลอยอนุโมทนายินดี ในแง่ของผลจากการทำดี แทนการยึดเอาเป็นสรณะ


"...ฉะนั้นตั้งแต่วันนี้ไป เอาหลักนี้ไปใช้ครับ ใครดีอนุโมทนาสาธุ พลอยยินดีกับความดีของเขา เพราะถ้าเขาทำดี เขาจะต้องได้ดีแน่ หรือเห็นใครได้ดี เพราะอะไรครับ เพราะเขาต้องทำดีเอาไว้ กฏแห่งกรรมเป็นกฏตายตัวว่า ถ้าใครทำดีได้รับความสุขเป็นผล ถ้าใครทำชั่วได้รับความทุกข์เป็นผล ฉะนั้นถ้าเกิดใครได้ดิบได้ดี โมทนาสาธุกับเขา ใครได้เงินได้ทองโมทนาสาธุกับเขา ใครได้ยศได้ตำแหน่งโมทนาสาธุกับเขา เพราะเขาต้องทำดีมาเขาถึงได้ยศได้ตำแหน่ง ใครขายหุ้นได้เจ็ดหมื่นล้านอนุโมทนาไหม อนุโมทนาสิ ก็เขาขายได้เยอะ แต่หลังจากนั้นเขาเดือนร้อนไหม ก็เดือดร้อน ซึ่งมันก็เป็นเพราะตัวเขาเอง"


สุดท้ายท่านสรุปเรื่องเกี่ยวกับจตุคามรามเทพไว้ว่า "จตุคามรามเทพเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง ดังนั้นถามว่าท่านมีบารมีไหม มีครับ สะสมมายาวนาน เราควรทำอย่างไรกับท่าน...พลอยยินดีครับ เราใช้มุทิตาพลอยยินดีได้กับทุกกรณีครับ อนุโมทนาสาธุกับการทำคุณงามความดีที่ทำให้เขาได้เป็นเทวดา แต่ไม่เอาเป็นสรณะ ดีไหมครับ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net