Skip to main content
sharethis

นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไปบันทึกเทปรายการเจาะใจ ที่มีนายสัญญา คุณากร และนายปิติ ภิรมย์ภักดี เป็นพิธีกร ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยพิธีกรถามว่าการถูกกมองว่าเป็นตัวเต็งในการเป็นนายกรัฐมนตรีรู้สึกอย่างไร


เรื่องเป็นนายกฯ ขึ้นกับประชาชน
นายอภิสิทธิกล่าวว่าเขามองว่าเป็นภาระอย่างหนึ่ง เพราะอาจจะมีทั้งความคาดหวังก็มี ก็อาจจะเป็นเป้ามากขึ้น แต่การพูดที่บอกว่าแล้วแต่ประชาชนนั้นเราพูดด้วยความสัตย์จริง เพราะเราไม่ได้มาด้วยระบบอื่น และไม่มีเครื่องทุ่นแรง ไม่มีทางลัดสำหรับนักการเมืองอย่างพวกตน เมื่อถามว่า มีหลายคนบอกว่าจะได้เป็นนายกฯ คนต่อไป  โดยส่วนตัวแล้วพร้อมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า  เมื่ออาสาตัวมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ เราต้องพร้อมตั้งแต่วันนั้น แต่วันนี้อยู่ที่เหตุผลของบ้านเมือง  แต่ที่สุดก็ต้องกลับไปว่า ถ้าตัวเราเองคิดว่าเราพร้อมไม่สำคัญเท่ากันว่า ประชาชนเห็นว่าเราพร้อมหรือเปล่า


"บางคนมาประกาศตัวผมพร้อม ผมพร้อม ทุกคนเป็นได้หมด ประชาชนก็บอกว่า คุณพร้อม แต่ผมไม่พร้อมจะให้คุณเป็น ก็ไม่ได้เป็น แต่สิ่งหนึ่งก็คือว่า ถ้าประชาชนให้เป็น ผมบอกว่าผมเตรียมตัวมาเป็น ผมจะไม่เข้าไปแล้วก็บอกว่า ไม่ได้เตรียม เพราะฉะนั้นก็เลยไม่รู้จะทำอะไร หรืออะไรไม่ได้  เพราะเราอาสาตัวเข้ามาเอง ส่วนของนายกฯคนปัจจุบัน เราก็เข้าใจเพราะท่านเข้ามาในสถานการณ์ไม่ปกติ แต่เป็นเรื่องของการรัฐประหาร แล้วเชิญท่านมา ท่านก็บอกว่า ท่านเข้ามาดูแลความเรียบร้อย  แต่ท่านไม่ได้ตั้งใจมาเป็น อย่างนี้เข้าใจได้ แต่พอไปถึงเรื่องของการเลือกตั้งอย่างนี้ไม่ได้ "นายอภิสิทธิ์ กล่าว


คาดรัฐบาลหลังเลือกตั้งโจทย์หนักแน่นอน
เมื่อถามว่า รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ถือว่าเข้ามาในสถานการณ์ไม่ปกติ มีการแตกเป็นกลุ่มอย่างมาก พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนบอกได้เลยว่าเป็นปัญหาหนักแน่นอน ทั้งความแตกแยก เศรษฐกิจ และปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ เพราะฉะนั้นโจทย์ที่รออยู่ข้างหน้าหนักทั้งนั้น  ซึ่งแนวทางในการแก้ปัญหานั้นมี ตนถึงได้บอกว่าเบื้องต้นตนไม่เชื่อว่าใครจะมาแก้ปัญหาได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน


"ถ้าเราบอกว่า ผมเตรียมไว้หมดแล้ว เพราะผมเก่งและผมทำได้คนเดียวหรือว่าผมกับพรรคผมทำ คนอื่นไม่ต้องทำอะไร อันนั้นผมว่าหลอกลวงกันแล้ว ผมคิดว่าปัญหาของประเทศขณะนี้ทั้ง 3 เรื่องที่หนักๆ นี้ ถ้าไม่ได้ใจประชาชน ไม่ได้ความเข้าใจ ไม่ได้ความร่วมมือ ไม่ว่าใครก็แก้ไม่ได้ ผมถึงได้ตั้งโจทย์ตอนนี้ว่าหน้าที่ของพรรคการเมือง อย่างน้อยสำหรับประชาธิปัตย์ 5-6 เดือนข้างหน้า เราต้องไปพบปะกับประชาชนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งเราต้องทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่ไม่ใช่ลักษณะการหาเสียง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ยัน ปชป. ไม่ไปต่อสู้กลางถนน มุ่งจับตาการร่าง รธน. แทน
เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ในขณะที่พรรคอื่นมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน   นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราอาจจะไม่ได้เป็นข่าวในแง่การเคลื่อนไหวทางการเมืองอาจะไม่หวือหวาไปต่อสู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่เรามองไปที่การเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหามากกว่า และคิดว่าสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำมาคือการเมืองจริงๆ คือไปแก้ปัญหาของประชาชน และการที่พรรคไม่ไปร่วมวงการแสดงความคิดเห็นกันในขณะนี้ เพราะเราเห็นว่าสิ่งที่จำเป็นคือฟื้นฟูประชาธิปไตย เราไม่คิดว่าการได้ประชาธิปไตยคือการไปปะทะกันบนท้องถนนในขณะนี้ แต่คิดว่าหน้าที่คือดูแลให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย


และการที่จะมาบอกว่านักการเมืองรวมตัวกันเอง เวลาเราพูดที่เป็นลักษณะข้อเรียกร้องไม่ใช่การเรียกร้องที่บอกว่าเราจะได้อะไร แต่เราเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของส่วนร่วม ว่าประชาธิปไตยจะมีความหมายอะไร ถ้าการเลือกตั้งไม่รู้ว่านำไปสู่อะไร  ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยความหมายสำหรับประชาชนคือว่า มีนักการเมืองที่เขาอาสาตัวเข้ามาทำงานว่าจะทำ 1, 2, 3, 4, 5 และมีอีกกลุ่มบอกว่าจะทำ 6, 7, 8, 9, 10 ประชาชนก็ดู แล้วก็บอกว่าชอบทางนี้ก็เลือกทางนี้เขาก็เข้าไปทำ แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จคนที่บอกว่าจะไปทำ แต่ทำไม่ได้ แล้วเอาประชาชนไปเลือกทำไม นี่เป็นเรื่องหลักคงไม่ใช่เรื่องการฮั้วเพราะคิดว่าเรื่องการฮั้วประชาธิปัตย์กับไทยรักไทยคงไม่มีอยู่แล้วยืนยันได้ทั้ง 2 ฝ่าย


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังเลือกตั้ง เป็นไปได้สูงที่จะเป็นรัฐบาลผสม เพราะคงไม่มีใครได้เสียงข้างมากเด็ดขาด และถ้าประชาธิปัตย์ ได้เสียงข้างมาก เราก็ต้องขีดเส้นว่านโยบาย และหลักการคืออะไร ถ้าพรรคไหนจะมาร่วมเคารพหลักเหล่านี้ ถ้าไม่สบายใจที่จะมาก็ร่วมกันไม่ได้  และถ้าเป็นพรรคใหม่แต่ตัวอยู่พรรคเดิม ถ้าจะเข้ามรร่วมก็ต้องถามว่าเขาคิดอย่างไร ตั้งใจทำอะไร กติกาที่จะทำงานร่วมกันคืออะไร


เชื่อคำนายหัวชวน ไม่ประมาททักษิณ เชื่อไม่ใช่คนเลิกเล่นการเมืองแน่
เมื่อถามว่า คำพูดของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า อย่าประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนที่มีเงินมาก  อายุไม่มาก และเป็นคนที่มีความทะเยอะทะยาน  เพราะฉะนั้นความคิดว่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะหยุดแล้วเกษียณตัวเองไปเงียบๆ  มันไม่ค่อยเป็นจริง  ตนคิดว่าหลายคนก็ไม่เชื่อ  ดังนั้นก็ต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวเป็นเรื่องปกติธรรมดาว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรต่อไป  เพราะเท่าที่สังเกตหลังปฏิวัติที่พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปที่โน้นที่นี้ก็ไม่ใช่อาการของคนที่กำลังจะเลิกเล่นการเมือง ซึ่งทุกคนก็ต้องเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวหลายๆอย่าง ยังไม่สงบเรียบร้อยราบรื่น


ต่อข้อถามว่า มีการมองกันว่า พรรคประชาธิปัตย์มักจะกลับมาเป็นรัฐบาลตอนนี้พรรคอื่นๆ มีปัญหา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็มองคล้ายๆ อย่างนั้นบ้าง แต่ว่าเป็นปัญหาของบ้านเมืองมากกว่า ไม่ใช่ปัญหาของพรรคการเมืองอื่น ซึ่งที่ผ่านมา พรรคมักจะเข้าไปเป็นรัฐบาลหลังเกิดวิกฤต ซึ่งที่จริงวันที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค ตนยังพูดเลยว่า อยากจะสักครั้งได้หรือไม่ว่าเราเข้ามาเป็นรัฐบาลบนสถานการณ์ที่ปกติเรียบร้อย  ซึ่งปัญหาและจุดอ่อนของพรรคก็มีทั้งตัวตนและพรรคด้วย  ในส่วนของตนคืออายุน้อย ซึ่งตนคงไม่ต้องไปตอบโต้เพราะไม่คิดโกงอายุ เดี๋ยวก็แก่ขึ้นทุกวัน ส่วนประสบการณ์เราก็มีประวัติให้เห็นอยู่  ส่วนพรรคที่ว่าช้าเราก็ต้องแสดงให้เห็นต้องปรับปรุงในการสื่อสารกับประชาชนว่าเราทำอะไรอยู่ เพราะจากสภาพวิกฤตจะเห็นว่าประชาชนใจร้อนมาก อยากเห็นอะไรทันที ซึ่งไม่ใช่ความผิดของคน  แต่ปัญหาและเงื่อนไขบีบเราก็ต้องตอบสนองให้ได้ จึงเป็นเหตุผลว่าตนทำอะไรบ้าง เราไม่ได้รอว่าเลือกตั้งแล้วมานั่งคิด เราต้องพร้อมทุกอย่างเหมือนกดปุ่ม ว่าเข้าไปวันแรกแล้วต้องทำอะไรบ้าง เสร็จภายในกี่วันเราต้องตอบให้ได้  และเห็นว่าใครอยากจะพูดอะไรก็พูด ตนคิดว่าตนเสนอในสิ่งที่ควรจะทำ นายอภิสิทธิ์กล่าว


เรียบเรียงจาก เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net