Skip to main content
sharethis


เนื้อหา - วันนี้ (2 มิ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ให้สัมภาษณ์ผ่านผู้จัดการออนไลน์ กล่าวถึงการนิรโทษอดีตกรรมกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หลังยุบพรรคไทยรักไทยว่า ประธานคณะมนตรีความมั่นคง (คมช.)จะต้องรอบคอบและพิจารณาอย่างละเอียด เพราะครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญของ คมช.อาจจะมีความสำคัญหรือเกิดผลกระทบพอๆ กับการตัดสินใจรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

 


 


ตั้งคำถามนิรโทษกรรมไทยรักไทยแล้วจะสมานฉันท์จริงหรือ


เลขาฯครป.กล่าวว่า แม้จะเห็นด้วยกับหลักการความสมานฉันท์ของรัฐบาลและ คมช.ก็ตาม แต่ต้องชั่งน้ำหนักให้มากว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้จะนำไปสู่ความสมานฉันท์จริงๆ หรือไม่ และ เรื่องนี้ยังมีเวลาถกเถียง ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง คมช. รัฐบาล สนช.จะต้องหารือกันให้มาก และที่สำคัญต้องฟังความเห็นของประชาชนให้มากที่สุด


 


"ถ้าถึงเวลาและจำเป็นต้องนิรโทษกรรมจริงๆ และผลของการนิรโทษกรรมทำให้เกิดความสมานฉันท์อย่างที่ประธาน คมช. คาดหวังจริงก็เป็นเรื่องที่ดีและคงได้รับการสนับสนุนจากสังคม แต่ที่น่ากังวลในขณะนี้หลังคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ สังคมยังไม่เห็นอาการสำนึกผิดของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซ้ำร้ายสมาชิกบางส่วนถึงกับออกมาประณามทำลายความน่าเชื่อถือของคำวินิจฉัยตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างไม่ใยดี" นายสุริยะใสกล่าว


 


 


พูดเรื่องนิรโทษกรรมเร็วไป เหตุ กก.ทรท. 111 คนยังไม่สำนึก


นายสุริยะใส ยังกล่าวว่า เรื่องนี้เร็วเกินไปที่จะพูดถึงการนิรโทษกรรม เพราะหากนิรโทษกรรมตอนนี้ แต่ในขณะเดียวกันผู้ถูกตัดสิทธิ์ 111 คน ยังไม่สำนึกผิดใดๆ เลย ก็อาจจะเปิดโอกาสให้คนบางกลุ่มฉวยโอกาสบิดเบือนคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญว่าไม่ชอบ จนในที่สุด คมช.จำใจต้องนิรโทษกรรมเพื่อคืนความชอบธรรมให้พวกเขาอีก


 


 


เชื่อคำวินิจฉัย ตลก.รธน. ชัดเจน ตอบข้อพิพาททุกปม จะเป็นบรรทัดฐานต่อไป


อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้ให้สัมภาษณ์ผู้จัดการออนไลน์ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรค วานนี้ ว่า มีความชัดเจนและตอบคำถามทุกปมที่เป็นข้อพิพาท และเชื่อว่า คำวินิจฉัยครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐานวินิจฉัยให้กับศาลรัฐธรรมนูญ และผูกพันกับองค์กรอื่นๆ ด้วย


 


สำหรับคำวินิจฉัยสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิการเมืองของกรรมการบริหารพรรค 111 คนนั้น ก็เป็นเหตุเป็นผลและมีน้ำหนักตามข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าประชาชนที่กังขาอ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียด ก็จะไม่เคลือบแคลงสงสัยอะไร ศาลรัฐธรรมนูญควรจัดพิมพ์คำวินิจฉัย เผยแพร่สู่สาธารณะให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนที่ยังคลุมเครือต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรอบปี หรือสองปี เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น


 


 


เตือน ปชป.ไม่ควรเหลิง ชี้จุดจบ ทรท. เพราะเดินตามหลังทักษิณ


ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้น เมื่อรอดพ้นจากข้อกล่าวหา ก็ไม่ควรเหลิง หรือแสดงท่าทีทางการเมืองจนเกินงาม เพราะบทเรียนที่เป็นจุดจบของพรรคไทยรักไทย ก็เกิดจากความเหลิงในอำนาจหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ รอดพ้นจากคดีซุกหุ้น และพยายามสร้างอำนาจเดี่ยวเหนือรัฐสภา และเหนือกระบวนการตรวจสอบ หรือใช้อำนาจของตัวเองเหนืออุดมการณ์ของพรรค ตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ จึงขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปตัวเองครั้งใหญ่ โดยเฉพาะนโยบายของพรรคที่ยังขาดความชัดเจน


 


 


ทรท.มีสิทธิตั้งกลุ่ม แต่ขอให้เอาเรื่องยุบพรรคเป็นบทเรียน


นายสุริยะใส ยังกล่าวอีกว่า สำหรับอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ก็มีสิทธิที่จะวางแผนจัดตั้งกลุ่ม หรือพรรคการเมืองใหม่ได้ จะเอาคุณหญิงอ้อ หรือใครมาเป็นหัวหน้าพรรคก็เป็นสิทธิ แต่ต้องถือเอาบทเรียนครั้งนี้เป็นกรอบในการทำงานการเมืองด้วย ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่ามีเงินซะอย่างทำอะไรก็ได้ นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวใดๆ ของอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยต้องยึดมั่นสัญญาประชาคมว่าจะน้อมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ด้วย


 


แม้คดียุบพรรคจะได้ข้อยุติ แต่เชื่อว่า เกมทวงอำนาจคืนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ยุติ การเมืองไทยยังมีโค้งอันตรายอีกหลายโค้ง ไม่ว่าจะเป็นคดีความที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร การประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการแก้ปัญหาประเทศของรัฐบาลยังเป็นเงื่อนปมที่ทุกฝ่ายต้องเร่งทำงานให้คลี่คลายเร็วที่สุด นายสุริยะใสกล่าวในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net