ประชาไท - 1 วันหลังการ"ประหารไทยรักไทย" วันนี้สถานการณ์ในจ.เชียงใหม่ยังคงเป็นปกติ สำหรับบรรยากาศการกล่าวถึงเหตุการณ์การยุบพรรคไทยรักไทย กลายเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงทั่วไป แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง หรือการประท้วงใดๆ ให้เห็น
ฝ่ายปกครองเรียกประชุมประเมินสถานการณ์ หลัง "ประหารไทยรักไทย"
นายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และนายอำเภอทุกอำเภอ เพื่อประเมินสถานการณ์ในจ.เชียงใหม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อคืนที่ผ่านมา
ส่วนนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ รองผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่กล่าวว่าจนถึงขณะนี้สถานการณ์ในจ.เชียงใหม่ยังคงเป็นไปตามปกติ ไม่มีมวลชนออกมาชุมนุมหรือเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากชาวเชียงใหม่มีเหตุผลยอมรับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญที่สั่งยุบพรรคไทยรักไทย และต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองของจ.เชียงใหม่ยังคงเฝ้าระวังกลุ่มมวลชนออกมาเคลื่อนไหว เนื่องจากจ.เชียงใหม่เป็นฐานเสียงของพรรคไทยรักไทย รวมถึงยังมีการจับตาดูการเดินทางออกจากจ.เชียงใหม่เป็นหมู่คณะ
นักวิชาการ มช. ระบุ การตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทย เป็นไปตามคาด
รศ.ดร.
อย่างไรก็ตามการวางตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้นยังเร็วไป เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีบทบาทโดดเด่นเท่าที่ควร โดยเฉพาะฐานเสียงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องปรับตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมืองเห็นว่า รัฐบาลและ คมช.ควรปลดล็อคคำสั่งคปค. เรื่องห้ามชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้เคลื่อนไหวแสดงออกทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ รศ.ดร.
นายกฯ สโมสรนักศึกษา มช. เชื่อ เป็นการตัดสินที่ "ถูกต้องและบริสุทธิ์ยุติธรรม"
นายชายชาญ จุลเสนีย์ชร นายกสโมสรนักศึกษาม.เชียงใหม่ ได้กล่าวกับ สำนักข่าวเนชั่น ถึงกรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยว่า เชื่อได้ว่าเป็นการตัดสินที่ถูกต้อง เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับผลการตัดสิน เพราะเป็นการพิจารณาตามระบบศาลยุติธรรมที่มีความเที่ยงตรง ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตามควรยอมรับในการตัดสินครั้งนี้ อีกทั้งยังมองว่าเป็นการแก้ปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นมานาน
ในส่วนของนักศึกษา มีการจับตามองสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด แต่ก็จะไม่มีการออกมาเคลื่อนไหวในการสนับสนุน หรือคัดค้านร่วมกับกลุ่มต่างๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่สะสมมานาน ดังนั้น การจะออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องการเมืองในช่วงนี้ จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองของไทย มาถึงจุดนี้ถือว่าเป็นการสะสางปัญหาที่เรื้อรังมานาน ต่อไปนี้ทุกคนควรจะหันหน้าเข้าหากัน เพื่อให้ประเทศสามารถขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้า อีกทั้งยังมีในเรื่องของเศรษฐกิจประเทศที่อยู่ในภาวะชะลอตัว ที่รอให้รัฐบาลหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งปัญหาเศรษฐกิจนับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญของคนในประเทศ ดังนั้น ควรจะรีบแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด
มุมมอง "ชาวบ้าน-คนทำงาน" ต่อคำวินิจฉัย
สำหรับบรรยากาศการกล่าวถึงเหตุการณ์การยุบพรรคไทยรักไทยในจ.เชียงใหม่ในวันนี้ กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงทั่วไป แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง หรือการประท้วงใดๆ ให้เห็น ประชาไทได้มีโอกาสสัมภาษณ์ชาวบ้าน-คนทำงาน ในท้องที่ต่างๆ ของจ.เชียงใหม่ไว้ดังนี้
นายคำ ยารังฝั้น ชาวบ้าน อาชีพขับรถบรรทุก ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน กล่าวกับประชาไทว่า เมื่อคืนละแวกบ้านก็มีการดูถ่ายทอดสด จบบ้างไม่จบบ้าง แต่ตอนเช้ามีการพูดถึงกันที่คิวรถบรรทุก ซึ่งในส่วนตัวคิดว่าคนเหนืออาจจะน้อยใจรวมถึงคนอีสานด้วย ที่พรรคการเมืองที่เป็นสมาชิกถูกยุบ
"จากนี้ไปก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องการเมือง คงไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใดแล้ว ถึงวันเลือกตั้งค่อยดูเป็นคนคนไป" นายคำกล่าว
นายวรสิทธิ์ ยอดทองขาว พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ย่านหลังมหาวิทยาลัยพายัพ กล่าวว่าเมื่อวานตนเองฟังการถ่ายทอดสดไม่รู้เรื่อง มารู้ก็จากคำบอกเล่าและอ่านหนังสือพิมพ์วันนี้ ก่อนหน้านั้นคิดว่าถ้ารอดหรือยุบก็คงจะโดนทั้งคู่ และในเรื่องนี้ตนเองก็ไม่อยากแสดงความเห็นอะไรมากนัก สิ่งเดียวที่จะบอกได้ก็คือความรู้สึกเห็นใจคนที่เสียใจกับเหตุการณ์นี้
"เป็นคนไม่ตื่นตัวทางการเมืองเท่าไหร่ แค่รู้สึกสงสารพรรคไทยรักไทย เฉยๆ" นายวรสิทธิ์ กล่าวกับประชาไท
ส่วนนาย
"ถึงมาจ้างก็ไม่ไป ไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยง" นายพงศกร กล่าวกับประชาไท