เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 50 ตัวแทนกลุ่มชาวบ้านจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 50 คน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าสลายการชุมนุม บริเวณสวนปาล์ม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เดินทางเข้ามาพบและเรียกร้องต่อ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน 4 ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

คณะผู้ร้องเรียนกล่าวว่า กลุ่มผู้ร้องเรียนชุมนุมในบริเวณสวนปาล์มตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. 50 จากปัญหาเรื่องที่ดินบริเวณสวนปาล์มที่กลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่า เจ้าของสวนปาล์มในปัจจุบันเข้าครอบครองที่ดินโดยมิชอบ จนกระทั่งวันที่ 12 พ.ค. 50 เวลาประมาณ 7.00 น. ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมพักผ่อนอยู่ในสวนปาล์ม เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อพปร. และเจ้าหน้าที่ อส. เข้ามาสลายการชุมนุม

เจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊ซน้ำตาสลับกับการยิงปืนเข้าใส่โดยไม่มีการเจรจาใดๆก่อนทั้งสิ้น อีกทั้งรถยนต์ของชาวบ้านถูกเจ้าหน้าที่ทำลายและขโมยของมีค่าภายในรถไปด้วย จากนั้นจึงเกิดการตลุมบอนขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องป้องกันตัวโดยมีมีดพร้าและหนังสะติ๊กเป็นอาวุธ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและสูญหายจำนวนหนึ่ง จนกระทั่งเวลา 8.00 น. เจ้าหน้าที่จึงควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จับให้ผู้ชายถอดเสื้อแล้วให้นอนคว่ำหน้า เอามือมัดไพร่หลัง โดยมีการเตะและทุบตีผู้ที่ขัดขืน ส่วนผู้หญิงถูกจับให้นั่งเรียงแถวและให้รายงานตัวทีละคน ในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่บางส่วนเข้าไปเอาทรัพย์สินของกลุ่มผู้ชุมนุมในที่พักขึ้นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ ในเวลาต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมจึงถูกนำตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังที่ทำการตำรวจภูธรภาค 8 และ สภ.อ.ขุนทะเล

เมื่อถึงสถานีตำรวจแล้วเจ้าหน้าที่ได้ข่มขู่ว่าหากใครไม่อยากเป็นผู้ต้องหาก็ต้องรับว่า นายวิมล เชิดชูชน เป็นผู้หลอกลวงชาวบ้านมาชุมนุม แล้วจะปล่อยกลับบ้าน ส่วนรถที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้นั้น หากเจ้าของจะมารับคืนต้องเสียค่าลากจูงคนละ 3,500 บาท ซึ่งมีชาวบ้านบางส่วนไปรับคืนและเสียค่าลากจูงในจำนวนดังกล่าวโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินใดๆทั้งสิ้น

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ร้องเรียนเชื่อว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 70 - 80 คน ส่วนนายจรัล ดิษฐาอภิชัย หลังจากได้รับทราบปัญหาของกลุ่มผู้ร้องเรียนแล้วจึงได้ชี้แจงต่อกลุ่มผู้ร้องเรียนว่าจะรีบดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว ในเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและจะเชิญเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับกรณีร้องเรียนให้ชี้แจงข้อเท็จจริงในโอกาสต่อไป