Skip to main content
sharethis

 






สังคม - การเมือง


 


คมช.โต้ปฏิวัติซ้อน ฮึ่ม! ม็อบป่วนยุบพรรคอย่าลองดี


ผู้จัดการออนไลน์ : 22 พ.ค. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ปฏิเสธตอบคำถามกระแสข่าวปฏิวัติซ้อนว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพียงแต่เห็นว่าไม่อยากให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวล โดยที่ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ อีกทั้งไม่อยากให้คาดเดาไปเองโดยไม่มีเหตุผล พร้อมเรียกร้องสื่อมวลชนอย่าเป็นไปตามข่าวลือ หรือวิเคราะห์ไปเองโดยไม่สร้างสรรค์ ขณะเดียวกัน ขอให้ประชาชนใช้สติ มีความหนักแน่น และอย่าตื่นตระหนกกับกระแสการปลุกระดมมวลชนของกลุ่มอำนาจเก่าที่จะเคลื่อนไหวกดดันในวันตัดสินคดียุบพรรค เพราะจะยิ่งทำให้ประเทศชาติย่ำแย่ลง  นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า อาจจะเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นเพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนโดยเร็ว แต่เห็นว่าไม่น่าจะทัน และเห็นว่าเดือนธันวาคมมีความเหมาะสมแล้ว


         


ด้าน พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงปัญหาการเมืองที่มีกระแสข่าวจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองหลังการพิจารณาคดียุบพรรคการเมือง โดยเฉพาะจะออกมายึดศาลากลางจังหวัดหากยุบพรรคไทยรักไทยว่า เรื่องดังกล่าวยังเป็นแค่คำขู่ แต่หากมีการกระทำดังกล่าวซึ่งขัดต่อกฎหมาย หน่วยงานด้านความมั่นคงพร้อมเข้าดูแลและจัดการปัญหาทุกอย่างให้เรียบร้อย


        


พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวถึงกระแสปฏิวัติซ้อนว่า ไม่มี เรื่องนี้ประธาน คมช.ยืนยันแล้ว หน้าที่ของทหารเข้ามาดูแลความเรียบร้อย เป็นผู้ช่วยเหลือ สนับสนุน ประสานงาน เราคงไม่ทำอะไรฝืนกับสิ่งที่ควรจะเป็น ด้านความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีกระแสข่าวว่าจะเดินทางกลับเข้าประเทศไทยในปลายเดือนพฤษภาคมนี้นั้น ฝ่ายความมั่นคงยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว ทราบเพียงข่าวจากสื่อ และทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ แจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะยังไม่เดินทางเข้ามา อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวก็เป็นสิทธิที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำในต่างประเทศได้ เราไม่สามารถไปห้ามปรามได้ สิ่งที่เราจะทำคือ การทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เราไม่ไปสนใจความเคลื่อนไหวนั้น บ้านเมืองก็จะไม่วุ่นวาย


         


ส่วนที่สถานการณ์บ้านเมืองเข้มข้น โดยเฉพาะในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจะเป็นวันตัดสินคดียุบพรรค พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้เรายังไม่ทราบผลการตัดสินที่แน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่ตนสบายใจ คือ ประชาชนส่วนใหญ่ รวมทั้งฝ่ายพรรคการเมืองก็หวังให้เกิดความสงบเรียบร้อย และพร้อมจะยอมรับและปฏิบัติตามคำตัดสินของศาล     พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า กองทัพบกได้สั่งการทุกหน่วยให้ติดตามสถานการณ์ และประสานกับทุกกระทรวง ทบวง กรม ให้ช่วยกันดูแล ประสานทุกกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย ขณะที่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ รัฐบาลก็พยายามที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาให้โดยเร็วที่สุด


 


โจรใต้โหดฆ่า-เผาชายนิรนาม ก่อนจุดระเบิดจนท.เจ็บระนาว


เว็บไซต์คมชัดลึก : 22พ.ค. เมื่อเวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา รับแจ้งเหตุพบศพชายไทยยังไม่ทราบชื่อ ถูกนำไปทิ้งไว้ในพื้นที่บ้านปีซัค ม.2 ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าระหว่างทางมีการโปรยตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยไว้ เจ้าหน้าที่ต้องเคลียร์เส้นทางพร้อมตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย เพื่อเข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ


 


เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบศพชายไทยไม่ทราบชื่อถูกยิงที่ลำตัว โดยมีรอยถูกเผาไหม้ พร้อมกับรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง เป็นรอยไหม้บางส่วน และในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่นั้นก็ได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายประกอบด้วย  1.พ.ต.ท.สราวุฒิ วงศ์เดิม รอง ผกก.หน.สภ.ต.ลำใหม่ 2.ด.ต.ทองเล็ก จุลเทพ อายุ 49 ปี ตำรวจกองวิทยาการเขต 45 ยะลา  3.ด.ต.นิรันดร์ ขุนปราบ อายุ 50 ปี ตำรวจกองวิทยาการเขต 45 ยะลา 4.นายสุธรรม แซ่โง้ว อายุ 39 ปี 5.นายราชันย์ บุญแท้ อายุ 41 ปี 6.นายวิวัฒจิต สุรปรีชากุล อายุ 26 ปี 7.นายฟิลลิป เบรนกินชอฟ ชาวออสเตรเลีย ช่างภาพนิตยสารไทม์ แม็กกาซีน อายุ 46 ปี


 


โดยพบว่าทั้งหมดถูกเศษระเบิดได้รับบาดเจ็บ ซึ่งโชคดีที่ระเบิดดังกล่าวไม่มีสะเก็ดระเบิดอยู่ภายใน มีเพียงเศษดินและวัสดุผิวถนน กระจายใส่กลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย   โดยจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าศพชายไทยไม่ทราบชื่อถูกฆ่าในพื้นที่บ้านปีซัค ม.1 ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา จากนั้นคนร้ายได้นำศพมาเผาและทิ้งไว้ในพื้นที่ ม.2 ที่เกิดเหตุ พร้อมฝังวัตถุระเบิดไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าว เดินทางเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ คนร้ายจึงได้จุดชนวนระเบิดจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แต่โชคดีที่ระเบิดเป็นชนิดไม่ร้ายแรงจึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด


 


เผยหน่วยงานด้านความมั่นคงจับตา "แม้ว" เคลื่อนไหวการเมือง


เว็บไซต์เดลินิวส์ : ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เข้ารับปริญญาพลีคานอฟ ที่ประเทศรัสเซีย ว่า ยังไม่ได้รับทราบข่าวนี้ เพิ่งได้ยินจากสื่อมวลชน และถือว่าเป็นสิทธิของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะไปรับปริญญา เข้าใจว่าในส่วนของสถาบันต้องการจะมอบปริญญาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยกำหนดวันไว้ก่อนแล้ว ทั้งนี้แน่นอนว่าหน่วยงานด้านความมั่นคง จะจับตาดู ความเคลื่อนไหว เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเคลื่อนไหวในทางการเมืองค่อนข้างมาก จนบางครั้งก่อให้เกิดความสับสนค่อนข้างมาก จึงต้องดูรายละเอียดต่อไป



ต่อข้อถามว่ารัฐบาลประเมินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจที่จะ เคลื่อนไหวในช่วงที่ใกล้วันตัดสินคดียุบพรรคเป็นการสร้างกระแสใช่หรือไม่  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองในทัศนะนั้นก็ได้ และคงต้องติดตามดูว่าการไปรับปริญญาครั้งนี้ ทางพ.ต.ท.ทักษิณ มีการแสดงทัศนะอะไรหรือไม่ รวมทั้งจะส่งผลกระทบกับฝ่ายต่างๆ ของไทยหรือไม่ เพราะวันนี้เสียงของประชาชนในประเทศไทยชัดเจน โดยการทำโพลออกมาเสียงส่วนใหญ่อยากให้ พ.ตท ทักษิณ ยุติบทบาททางการเมือง  จึงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิด มีข้อมูลในส่วนนี้ และรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างไร


 


"โจ้-พาวเวอร์เจล" มอบตัวตำรวจ อ้างไม่เกี่ยวซุกระเบิดห้องเช่า


เว็บไซต์คมชัดลึก : 21 พ.ค.  เวลา 10.00 น. นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้านครหลวง พร้อมด้วย จ.อ.พิพัฒน์ วงศ์ฤทธิ์ เลขาธิการสหภาพแรงงานการไฟฟ้านครหลวงและแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กว่า 20 คนนำตัวนายสมพงษ์ อินทร์งาม หรือ "โจ้พาวเวอร์เจล " ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดี มีวัตถุระเบิด ส่วนประกอบระเบิดและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติซุกซ่อนในห้องเช่า อพาร์ทเม้นต์ซอยจรัญสนิทวงศ์ 53 เข้าพบ พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น. รับผิดชอบด้านการสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด พล.ต.ต.จุติ ธรรมโนวานิช รอง ผบช.น.และคณะทำงาน พร้อมพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนภายหลังตกเป็นข่าวพัวพันเหตุระเบิดถล่มกรุง



ทันทีที่เดินทางมาถึงบรรดาแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมต่างให้ความคุ้มกันนายสมพงษ์อย่างแน่นหนาเพื่อกันกองทัพสื่อมวลชน โดยนายเพียรและ จ.อ.พิพัฒน์ พร้อมผู้คุ้มกันได้พานายสมพงษ์เข้าพบพนักงานสอบสวนในห้องประชุมชั้น 2 พร้อมร่วมฟังการสอบสวนด้วยโดยทุกคนสวมเสื้อสีเหลืองอย่างพร้อมเพรียงนายสมพงษ์ กล่าวก่อนเข้าให้ปากคำว่า ไม่เกี่ยวข้องกับระเบิดที่พบและปฏิเสธของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตนไม่ทราบว่ามาอยู่ในห้องพักได้อย่างไรเพราะไม่ได้กลับไปที่ห้องนานกว่า 5 เดือนแล้ว พอตกเป็นข่าวก็ตกใจกลัวจึงหลบไปอยู่บ้านญาติย่านบางบัวทอง ก่อนเมื่อตั้งสติได้จึงปรึกษากับญาติผู้ใหญ่และทนายความจึงตัดสินใจเข้ามอบตัวสู้คดีวันนี้



พล.ต.ต.เจตน์ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำนายสมพงษ์นานกว่า 1 ชั่วโมงว่า ผู้ต้องหายืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาที่แจ้งว่า มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ ซึ่งรายละเอียดทางสำนวนนั้นพนักงานอสบสวนกำลังดำเนินการอยู่ ส่วนเหตุที่ไม่ได้เข้ามอบตัวก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ซักถาม เมื่อมามอบตัววันนี้ก็ต้องสอบปากคำไว้จากนั้นจะนำคำให้การไปเชื่อมโยงกับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ก่อนหน้านี้ เมื่อพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับจากศาลแต่ศาลไม่อนุมัติ ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนก็ทำได้แต่เพียงการสอบปากคำเท่านั้น เมื่อเสร็จสิ้นก็อนุญาติปล่อยตัวกลับไปโดยไม่มีอำนาจในการควบคุม



พล.ต.ต.เจตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพยานหลักฐานต่างๆที่จะเอาผิดกับผู้ต้องหานั้นตอนนี้มีพอสมควรแล้วแต่ไม่ขอเปิดเผย ซึ่งจะรวบรวมส่งพนักงานอัยการให้โดยเร็วที่สุดส่วนผลจะเป็นอย่างไรอย่าเพิ่งคาดเดาในตอนนี้ ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธนั้น ไม่เป็นผลต่อรูปคดีเพราะตำรวจดำเนินการไปตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่ปรากฎ นอกจากนี้ พล.ต.ต.เจตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ออกมาระบุว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองนั้น ตำรวจยืนยันทำคดีไปตามความจริงและให้ความเป็นธรรมไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ต่อข้อถามว่า หากเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาไปจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.ต.เจตน์ กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่สามารถชุมนุมเคลื่อนไหวได้ หากไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้หมด ตอนนี้ผุ้ต้องหาได้ให้ที่อยู่และเบอร์ติดต่อไว้อย่างละเอียดหากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถประสานขอความร่วมมือได้ในภายหลังเชื่อว่าคงไม่หลบหนีไปไหน



สำหรับความคืบหน้าด้านการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนั้น ตอนนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 20 ปากพร้อมรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพียงคนเดียว แต่หากมีหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสอบปากคำยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดย รอง ผกก. สอบสวน สน.บางพลัด และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เป็นผู้ดำเนินการต่อภายหลัง พล.ต.ต.เจตน์ และ พล.ต.ต.จุติ สอบปากคำประเด็นสำคัญเสร็จสิ้นแล้วและออกจากห้องสอบสวนไป จากนั้นพนักงานสอบสวนได้พิมพ์ลายนิ้วมือและลงบันทึกการสอบปากคำไว้


 


 






เศรษฐกิจ


 


คนเมืองกรุงเฮ! ครม.ไฟเขียวอนุมัติสร้างรถไฟชานเมืองสาย "บางซื่อ-ตลิ่งชั่น"


เว็บไซต์เดลินิวส์ : พล.ร.อ.ธีระ  ห้าวเจริญ  รมว.คมนาคม  เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติให้ประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร วงเงิน 13,133 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยรัฐบาลรับค่าใช้จ่ายดำเนินการทั้งหมด พร้อมมอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกวดราคางานโยธา  รวมถึงเร่งงานวางราง, งานรื้อย้าย, งานก่อสร้างถนนเลียบทางรถไฟ และ สะพานลอยคนเดินข้าม ได้ในทันที ทั้งนี้จะประกวดราคาได้ช่วง เดือน ก.ค.  จากนั้นประกาศรายชื่อผู้ชนะได้เดือน ส.ค.  50  ลงนามเซ็นสัญญาในเดือน ม.ค. 51  เริ่มก่อสร้างได้ภายในเดือน ก.พ. 51  และก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 53



รมว.คมนาคม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบโครงการสายสีแดงช่วงบางซื่อ - รังสิต ระยะทาง 26  กิโลเมตร วงเงินก่อสร้าง 52,220 ล้านบาท  แต่ต้องรอให้ ครม. อนุมัติการประกวดราคาอีกครั้ง ในเดือน พ.ย. 50 จากนั้น ในเดือน ม.ค.51  ประกาศประกวดราคา เดือน ส.ค. 51 เริ่มลงนามและก่อสร้าง และแล้วเสร็จในเดือน ส.ค. 55  ส่วนวงเงินก่อสร้าง จำนวน 52,220 ล้านบาท แบ่งเป็นกู้ในประเทศและเจบิคประมาณ 50,000 ล้านบาท โดย 70% ของเงินกู้จากธนาคารเจบิค  ส่วนอีกกว่า 2,000 ล้านบาทเป็นงบประมาณแผ่นดิน



เปิดโพลละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ไทยติดอันดับท็อปไฟว์ลักลอบ 80%


เว็บไซต์สยามธุรกิจ : รายงานข่าวจากกลุ่มพันธมิตรธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์หรือบีเอสเอ พร้อมด้วยตัวแทน จากภาคอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ เผยถึงการสำรวจการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี ทั่วโลกครั้งที่ 4 ที่จัดโดยไอดีซี บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาตลาดชั้นแนวหน้าของวงการเทคโน โลยีสารสนเทศ  สรุปถึงซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีทั่วโลกในปี 2549 ซึ่งเป็นสินค้าผิดกฎหมาย 35% โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายจากการละเมิดลิขสิทธิ์ เกือบ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกับที่ตลาดที่กำลังเติบโต มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์



ไอดีซีระบุว่า อัตราการละเมิดในประเทศ หดตัวลง 4% เป็นปีที่ 2 ต่อกัน และลดลง 10%ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือประมาณ 92% ในปี 2546 และลดเหลือ 82% ในปี 2549 ซึ่งสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ถึง 864 ล้านดอลลาร์  ประเทศจีนแสดงผลงานที่มีอัตราการละเมิดลดลง 10% ภายใน 3 ปี ตามมาด้วยรัสเซียที่มีอัตราการละเมิดลดลง 7% ด้วยระยะเวลาเดียวกัน ขณะที่ประเทศไทยยังคงมีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อยู่ที่ 80% ซึ่งติดอันดับที่ 5 ของประเทศที่มีอัตราการละเมิดสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก  ในขณะที่มูลค่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 421 ดอลลาร์ โดยรองจากจีนที่มีอยู่ 82% อินโดนีเซีย 85% ปากีสถาน 86% และเวียดนาม 88%



นายโรเบิร์ต ฮอลลีย์แมน ประธานและซีอีโอของกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีของการรณรงค์ต่อต้านการละเมิด ลิขสิทธิ์ที่คืบหน้าไปมาก ขณะเดียวกับการทำหน้าที่เพื่อลดอัตราการละเมิดที่มีขึ้นอยู่ทุกขณะ ความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล ส่งผลกระทบต่อวงการไอที ทั้งในแง่ของการจ้างงาน และแหล่งเงินทุนสำหรับการต่อยอดนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต



หน่วยงานวิเคราะห์ข้อมูล US คาดอีก 23 ปีดีมานด์พลังงานโลกเพิ่ม 57%


ผู้จัดการออนไลน์ : สำนักงานสารสนเทศพลังงาน (อีไอเอ) หน่วยงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลในสังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐฯคาด ปริมาณการบริโภคพลังงานทั่วโลกมีแนวโน้มทะยานสูงขึ้นถึง 57% ระหว่างปี 2004-2030 โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากดีมานด์ในชาติกำลังพัฒนาเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว


         


อีไอเอเปิดเผยรายงานทิศทางตลาดพลังงานระหว่างประเทศประจำปี 2007 ระบุว่า ดีมานด์พลังงานทั่วโลกในปีนี้จะมีการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในหมู่ประเทศนอกกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (โออีซีดี)


         


โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีมานด์การบริโภคในประเทศเอเชียนอกกลุ่มโออีซีดี จะมีระดับสูงมากเป็นพิเศษ เนื่องจากชาติเหล่านี้มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะขยายตัวรวดเร็ว และจะส่งผลทำให้ปริมาณการใช้พลังงานยิ่งเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานจะกลายเป็นปัจจัยควบคุม ทำให้ดีมานด์การบริโภคน้ำมันปิโตรเลียมและเชื้อเพลิงเหลวต่างๆภายหลังจากปี 2015 ปรับตัวลดลง


         


อีไอเอคาดการณ์ว่า น้ำมันจะมีสัดส่วนอยู่ในพลังงานที่โลกบริโภคโดยรวมลดลง จาก 38% ในปี 2004 เหลือ 34% ในปี 2030 ทว่า เชื้อเพลิงเหลวรูปแบบต่างๆยังคงมีแนวโน้มบริโภคกันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 118 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2030


         


รายงานดังกล่าวแจกแจงต่อว่า สหรัฐฯซึ่งเป็นประเทศผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่สุดของโลก รวมถึงจีนและอินเดียซึ่งเศรษฐกิจกำลังขยายตัวรวดเร็ว จะมีระดับการบริโภคเชื้อเพลิงเหลวรวมกันคิดเป็นสัดส่วนถึงเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณการบริโภคทั่วโลก


         


 






ต่างประเทศ


 


เลบานอนปะทะเดือด รุนแรงสุดรอบ 17 ปี-ดับแล้วครึ่งร้อย


แนวหน้า : เข้าสู่วันที่สองแล้วของการปะทะอย่างดุเดือดระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเลบานอน กับกลุ่มติดอาวุธมุสลิมฟาตาห์ อัล-อิสลาม ซึ่งมีเครือข่ายโยงใยกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า โดยวานนี้ (21 พ.ค.) กองกำลังด้านความมั่นคงเลบานอนยังระดมยิงเข้าไปในพื้นที่ค่ายผู้อพยพนาห์ อัล-บาเร็ด ซึ่งเป็นที่พักพิงของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์กว่า 30,000 คนนอกเมืองตริโปลี เมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และยังมีการยิงปะทะกันอย่างประปราย แต่สถานการณ์โดยรวมลดความรุนแรงเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติ


 


เหตุปะทะครั้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเลบานอนนับร้อยนาย ยกกำลังเข้าปิดล้อมอาคารต้องสงสัยและพื้นที่รอบค่ายผู้อพยพนาห์ อัล-บาเร็ด โดยข่าวในช่วงแรกที่ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ต้องการค้นหาผู้ต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการปล้นธนาคารเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและได้เงินไปจำนวน 125,000 เหรียญสหรัฐ แต่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธต่อสู้ขัดขืนไม่ยอมให้ตรวจค้น ก่อนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดตลอดทั้งวันและล่วงเลยถึงช่วงกลางคืน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 50 คน ส่วนใหญ่เป็นกองกำลังความมั่นคงและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ แต่สำนักข่าวต่างประเทศยืนยันว่า มีพลเรือนและผู้อพยพในค่ายผู้อพยพเสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะที่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นับเป็นเหตุปะทะในรูปแบบสงครามกลางเมืองครั้งรุนแรงที่สุดของเลบานอน หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองเลบานอนเมื่อ 17 ปีก่อน


 


นายกรัฐมนตรีฟูอัด ซินญอร่าของเลบานอน ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้กลับเป็นปกติได้ในเร็วๆ นี้ ด้านรัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศเลบานอน ยืนยันว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อปราบปรามและไล่ล่ากลุ่มติดอาวุธมุสลิม โดยในจำนวนกลุ่มติดอาวุธที่เสียชีวิตจากการปะทะเมื่อวันอาทิตย์ มีสมาชิกระดับแกนนำของกลุ่มติดอาวุธ ที่ได้ก่อเหตุโจมตีรุนแรง และเตรียมวางแผนก่อการร้ายในประเทศหลายครั้งรวมอยู่ด้วย


 


ปากีสถานโจมตีค่ายของกลุ่มอัล-กออิดะห์มีผู้เสียชีวิต 4 คน


กรมประชาสัมพันธ์ : กองกำลังปากีสถานที่สนับสนุนโดยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธได้จู่โจมสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นค่ายของกลุ่มอัล-กออิดะห์ในเขตห่างไกลติดชายแดนอัฟกานิสถานในวันนี้ทำให้สมาชิกของกลุ่มกบฏเสียชีวิตอย่างน้อย  4   คน   โฆษกกองทัพปากีสถานกล่าวว่า  การจู่โจมเกิดขึ้นที่หมู่บ้านซาร์การ์เคลในแคว้นวาซีรีสถานเหนือ หลังจากกลุ่มหัวรุนแรงปฏิเสธที่จะพบปะเจรจากับคณะผู้แทนเจรจาสันติภาพที่เดินทางถึงบริเวณดังกล่าวโดยเฮลิคอปเตอร์และยังเปิดฉากยิงเข้าใส่คณะผู้แทนเจรจาด้วย  การจู่โจมครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐกดดันผู้นำปากีสถานอย่างต่อเนื่องให้ปราบปรามกลุ่มอัล-กออิดะห์และกลุ่มตอลิบานที่กลับมารวมตัวกันใหม่ หลังจากถูกกองกำลังสหรัฐโค่นอำนาจไปเมื่อปี  2544


 


ผู้นำคิวบา วิจารณ์อังกฤษ เรื่องการสร้างเรือดำน้ำโจมตีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค : ประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร ของคิวบา วิพากษ์วิจารณ์อังกฤษ เรื่องสร้างเรือดำน้ำโจมตีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ว่า นำเงินจำนวนนี้ไปรักษาผู้คนนับล้านที่เจ็บป่วยจะดีกว่า ผู้นำคิวบา  เขียนในบทความล่าสุดที่รัฐบาลคิวบาเผยแพร่ทางอีเมล และจะนำลงตีพิมพ์ในนิตยสารของพรรคคอมมิวนิสต์ ในวันนี้ว่า เรือดำน้ำติดขีปนาวุธนำวิถีเป็นอาวุธชั้นสูงที่ศัตรูของเขาคือ สหรัฐฯ ใช้ตรวจการณ์โลก ก่อนหน้านี้ นายวินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคยประกาศจมเรือบิสมาร์ค เรือรบของเยอรมนี สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่มาวันนี้ นายโทนี แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คนปัจจุบัน ประกาศสร้างเรือดำน้ำโจมตีที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์


 


นายคาสโตร ระบุว่า เงินที่อังกฤษใช้สร้างเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์ 4 ลำนั้น คิวบา สามารถนำไปใช้ฝึกอบรมแพทย์ได้ 75,000 คน และรักษาผู้ป่วยได้อีก 150 ล้านคน หรือนำไปใช้สร้างคลินิกในประเทศยากจนได้มากถึง 3,000 แห่ง เขาเขียนถึงเรื่องนี้หลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษ แถลงว่า ได้สั่งให้บริษัทบีเออี ซิสเต็มส์ เริ่มสร้างเรือดำน้ำชั้นแอสติวท์ ลำที่ 4 มูลค่า 200 ล้านปอนด์ หรือราว 14,000 ล้านบาท แล้ว ส่วนอีก 3 ลำ กำลังอยู่ระหว่างการสร้าง คาดว่าลำแรกจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2552

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net