Skip to main content
sharethis


ประชาไท - 21 พ.ค. 50 เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องประชุม 2310 อาคารรัฐสภาสอง มีการประชุมนอกรอบร่วมกันระหว่างกรรมาธิการ( กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญและสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ( ส.ส.ร.) โดยมีวาระการประชุมคือการหารือถึงขั้นตอนในการขอแปรญัตตินอกรอบ


 


น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวเปิดการประชุมว่า สำหรับเรื่องของการขอแปรญัตติเราได้รับญัตติมาจำนวนหนึ่งจาก ส.ส.ร. และเราก็ได้นำเข้ามาหารือใน กมธ.ยกร่างแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เป็นข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่เราหยิบมาดูว่า ส.ส.ร. มีความเห็นแตกต่างอะไรไปจาก กมธ.ยกร่างบ้างซึ่งก็มี หลายญัตติที่เราเห็นร่วมกับ ส.ส.ร. ส่วนที่ยังเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อตนถือว่าเป็นเรื่องดีที่เรามาประชุมนอกรอบก่อน ซึ่งสมาชิก ส.สร. และ กมธ.ยกร่างมีเป้าหมายคือต้องการรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและต่อประชาชนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่มีการกำหนดว่าจะมีขึ้นปลายปีนี้


 


"ส่วนใครจะขอเลื่อนให้มีการเลือกตั้งเร็วขึ้นนั้นก็เป็นเรื่องของเขา เพราะฝ่ายยกร่างต้องทำตามหน้าที่ทำตามขั้นตอนเพื่อให้สำเร็จลุล่วงรวมถึงกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีก 3 ฉบับ ที่มีความต้องการให้เสร็จอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ซึ่งก็เท่ากับว่า ส.ส.ร.และ กมธ.ยกร่างฯลงเรือลำเดียวกันคือเรือที่ต้องการนำรัฐธรรมนูญไปประกาศใช้ให้ดีขึ้น"


 


นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการ กมธ.ยกร่างฯ ชี้แจงว่า หลังจากที่ กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาคำขอแปรญัตติของ ส.ส.ร.แล้วแยกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ 1.ญัตติที่ กมธ.ยกร่างฯเห็นด้วยกับ ส.ส.ร. 2. ญัตติที่ไม่เห็นด้วย และกลุ่มที่ 3. คือประเด็นที่แขวนไว้รอพิจารณา เช่นเรื่องการศึกษา และการสรรหาองค์กรตามรัฐธรรมนูญ


 


เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ กมธ.ยกร่างฯ เห็นด้วยกับ ส.สร.มี 20 ประเด็น 20 มาตรา อาทิ 1.เรื่องการขอเพิ่มความพิการเข้าไปเรื่องความเสมอภาค ซึ่งในเรื่องนี้นายสวิง ตันอุด ส.ส.ร.ขอเพิ่มเติมคำว่า "เพศสภาพ" เข้าไปซึ่งเรื่องนี้ต้องแขวนไว้ก่อนเพื่อรอการพิจารณา 35 2.มาตรา 35 วรรค 2 นายเกียรติชัย พงษ์พานิชย์ ส.ส.ร.ได้ขอแปรญัตติเพิ่มเติมว่า "การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้ววิธีใดไปยังสาธารณชนอันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิของบุคคลในครอบครัว เกียรติยศชื่อเสียงหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวจะกระทำมิได้เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยนายเกียรติชัยได้ขอแปรญัตติให้นำวรรคนี้ไปรวมอยู่ในมาตราอื่น ซึ่งกรรมาธิการก็เห็นด้วย


 


3.มาตรา 46 เรื่องการคุ้มครองพนักงานหรือลูกจ้างเอกชนที่ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์วิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์หรือสื่อมวลชนอื่น โดยนายสวิง ได้ขอแปรญัตติเพื่อขอเพิ่มคำว่า เจ้าของกิจการสื่อต้องสนับสนุนให้พนักงานจัดตั้งสหภาพแรงงานเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม 4.มาตรา 63 เรื่องสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มของประชาชนซึ่งนายธีรวัฒน์ ร่มไทรทองและนายกฤษฎาขอแปรญัตติให้เพิ่มภาคเกษตรก็สามารถมีสิทธิในการจัดตั้งสภาเกษตรกรได้ซึ่งกรรมาธิการก็เห็นด้วยในประเด็นนี้


 


5.มาตรา 66 เรื่องชุมชุนท้องถิ่นมีสมาชิกจำนวนมากได้ขอแปรญัตติในหลายประเด็นอาทิให้ชุมชุมชนมีสิทธิตรวจสอบและฟ้องข้าราชการหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่นหรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคลเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้จะต้องได้รับความคุ้มครอง 6.มาตรา 68 ซึ่งมีสมาชิก ส.ส.ร.จำนวนมากขอตัดวรรค 2 เรื่ององค์กรแก้วิกฤตทิ้งซึ่งกรรมาธิการส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยในประเด็นนี้ และอาจจะมีกรรมาธิการเสียงส่วนน้อยที่ยังเห็นต่าง ก็สามารถขอแปรญัตติร่วมกับ ส.ส.ร.ได้


 


นายสมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนในข้อที่ 7.ในมาตรา 243 เรื่องอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) โดยนายกล้าณรงค์ จันทิก เสนอให้เพิ่มข้อความการกำกับดูแลคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และให้ย้ายมาตรา 244 วรรคหนึ่งที่ให้ปปช.เป็นอิสระโดยมีเลขาธิการปปช.เป็นผู้บังคับบัญชาและขึ้นตรงกับประธานปปช. 8.มาตรา256 เรื่องบทบัญญัติเกี่ยวกับส.ว.ซึ่งนายกิตติ ตีรเศรษฐ ได้ขอแปรญัตติในวรรค 2 ว่าผู้ใดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการนับแต่วันที่วุฒิสภามีมติให้ถอดถอนและตัดสิทธิผู้นั้นในการดำรงตำแหน่งใดในทางการเอง หรือรับราชการเป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีมติถอดถอนซึ่งกรรมาธิการก็เห็นด้วย


9. มาตรา 267 นายกล้าณรงค์ จันทิก ได้ขอแปรญัตติโดยขอให้ปปช.มีอำนาจหน้าที่เรียกผู้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. หรือข้าราชการการเมืองอื่น ที่ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา หรือทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอื่น ให้ปปช. มีอำนาจในการไต่สวนได้เอง อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากหลักฐานไม่เพียงพอปปช. มีสิทธิที่จะไม่ดำเนินการไต่สวนได้


 


เลขานุการ กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในการเสนอขอแปรญัตติของ ส.ส.ร. ครั้งนี้มีหลายส่วนที่ กมธ.ไม่เห็นด้วย ซึ่งหากประเด็นใดที่ตกหล่นไป ส.ส.ร.สามารถขอแปรญัตติอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 พ.ค. 50 ที่จะเป็นวันสุดท้ายในการเสนอขอแปรญัตติอย่างเป็นทางการ


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปรากฎว่าบทสรุปของนายสมคิด ถูกโจมตีจาก ส.ส.ร.ว่าเป็นการรวบรัดตัดตอนปิดกั้น ส.ส.ร. เพราะ ส.ส.ร.ส่วนใหญ่ต้องการฟังความเห็นของ 12 องค์กรที่จะเข้ามาในวันที่ 25 พ.ค.เพื่อมาประกอบในการแปรญัตติ


 


นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า อยากให้ ส.ส.ร.ให้ความสำคัญกับความเห็นของทั้ง 12 องค์กร เพราะหากในวันที่ 25 พ.ค.เขาส่งมา 95 ประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญ ส.ส.ร.เห็นด้วย แต่ กมธ.ไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับว่า ส.ส.ร.ไม่สามารถแปรญัตติให้เขาได้เลย


 


"จึงอยากให้พิจารณาเลื่อนวันสิ้นสุดการแปรญัตติของ ส.ส.ร.ออกไปให้ 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญส่งร่างมาให้ครบและให้ ส.ส.ร.ได้ศึกษาก่อนสักวันสองวันได้หรือไม่แล้วค่อยยุติการแปรญัตติอย่างเป็นทางการโดยผมขอเสนอให้มีเลื่อนจากวันที่ 25 พ.ค.ให้เป็นวันที่ 28 พ.ค."นายกล้าณรงค์ กล่าว


 


นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย กล่าวว่า ถ้า กมธ.กำหนดไว้เช่นนี้เท่ากับ ส.ส.ร. เองโดนบีบทำให้ต้องแปรญัตติแบบเหวี่ยงแหเพื่อรักษาสิทธิ์


 


ขณะที่นายการุณ ใสงาม ส.ส.ร. กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการประชุมนอกรอบระหว่าง กมธ.ยกร่างฯกับ ส.ส.ร.เพราะไหนๆ ส.ส.ร.ก็มาจากเผด็จการแล้ว เราก็ควรที่จะจัดประชุมอย่างภาคภูมิไปเลยประชาชนจะได้เห็นว่าทิศทางของรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร เพื่อบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้นำไปศึกษา


 


ในที่สุด นายสมคิด ได้ยอมให้เลื่อนวันในการรับคำแปรญัตติของ ส.ส.ร.ออกไปเป็นวันที่ 28 พ.ค. จากนั้นในวันที่ 29,30 และ 1 มิ.ย. กมธ.ยกร่างฯจะทำการประชุมกันเองเพื่อนำข้อเสนอของ ส.ส.ร.ที่ขอแปรญัตติมาปรับแก้ และในวันที่ 4-7 มิ.ย. กมธ.จะเชิญ ส.ส.ร.แต่ละกลุ่มที่ขอแปรญัตติมาหารือกับ กมธ.ยกร่างฯอีกครั้งเพื่อพิจารณาร่วมกันว่าจะแก้ไขหรือไม่ วันที่ 8-9 มิ.ย.จะแก้ไขเอกสารแจกให้ ส.ส.ร.วันที่ 10 มิ.ย. และวันที่ 11 มิ.ย.จะเป็นการประชุมใหญ่


 


นายสมคิด กล่าวว่า สำหรับ ส.ส.ร.นั้นสามารถเสนอแปรญัตติโดยต้องมีผู้รับรอง 10 ซึ่งคนที่เสนอก็สามารถมารับรองได้ และผู้ที่รับรองญัตติใดไปแล้วไม่สามารถรับรองญัตติอื่นอีกได้ เท่ากับว่า ส.ส.ร.ต้องจับกลุ่มกันไม่ต่ำกว่า 10 คน เมื่อตัด กมธ.ยกร่างฯออกไป 25 คน ที่ส่วนใหญ่จะไม่รับรองการแปรญัตติ จะทำให้มี ส.ส.ร.แปรญัตติได้ประมาณ 6-7 กลุ่มประเด็น


 


"ผมขอให้ ส.ส.ร.ที่จับกลุ่มกันขอแปรญัตติประมาณ 6-7 กลุ่ม ได้ประชุมร่วมกับ กมธ.ยกร่างฯในวันที่ 4-7 มิ.ย.โดยวันที่ 4 จะเป็นกลุ่มที่แปรญัตติในกรอบ 1 มาตรา 1 - 86 วันที่ 5 มิ.ย.กรอบ 2 สถาบันการเมือง มาตรา 87-192 วันที่ 6 มิ.ย.กรอบ 3 ตั้งแต่มาตรา 193 - 299 และวันที่ 7 มิ.ย.เป็นการเก็บตกประเด็นอื่นๆ" นายสมคิด กล่าว


 


น.ต.ประสงค์ กล่าวก่อนปิดการประชุมว่า อยากให้ ส.ส.ร.มองเห็นว่า กมธ.ยกร่างฯก็เป็นคณะทำงานของพวกท่านไม่ใช่ใครอื่น หนักนิดเบาหน่อยคงไม่มีปัญหา ยืนยันว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เราไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงใดทั้งสิ้น และเชื่อว่า ส.ส.ร.ก็ไม่ผลประโยชน์เช่นกัน ทุกอย่างเราทำเพื่อบ้านเมือง ประชาชน และการปฎิรูปการเมือง โดยจะทำให้ดีกว่ารัฐธรรมนูญเก่าๆ และหวังว่าเราจะได้ทำงานร่วมกันจนกว่าจะใช้รัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีอุบัติเหตุก็ว่ากันอีกหน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net