Skip to main content
sharethis


 



การเมือง


 


 


พล.อ.สนธิปฏิเสธผ่านเว็บคมช.ยันไม่มีปฏิวัติ กลุ่มอำนาจเก่าปล่อยข่าว


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พล.อ.สนธิชี้แจงปฏิเสธข่าวปฏิวัติผ่านเว็บไซต์คมช. ระบุเป็นกลุ่มอำนาจเก่าปล่อยข่าวผ่านมือถือ


 


เว็บไซต์คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) http://www.cns.go.th ชี้แจงกระแสข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติ โดยระบุว่า เป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งได้ชี้แจงตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา มีรายละเอียดว่า มีกระแสข่าวลือการปฏิวัติซ้อนโหมสะพัดอย่างหนัก แพร่กระจายเข้าไปยังภาคส่วนต่างๆ ทั้งในภาคเอกชนและส่วนราชการ ผ่านทางโทรศัพท์ในลักษณะลือกันปากต่อปาก และผ่านทางข้อความเอ็สเอ็มเอสเพื่อแจ้งเตือนกันเองในหมู่ประชาชนให้รีบกลับบ้าน หรือที่พักเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังมีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับการพบวัตถุต้องสงสัยในจุดต่างๆ สร้างความหวั่นวิตกต่อประชาชนที่ออกไปอยู่ตามแหล่งชุมชน และห้างสรรพสินค้าเป็นอย่างยิ่ง สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชน เกิดความตื่นตระหนก ความหวาดกลัว และทำให้สถานการณ์ วุ่นวาย ทั้งนี้ เป็นจุดประสงค์ของฝ่ายอำนาจเก่า ที่ต้องการ ดิสเครดิต รัฐบาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คมช. เพื่อเป็นการตอกย้ำ ว่า ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม ผู้หลักผู้ใหญ่ใน คมช. และในส่วนที่เกี่ยวข้อง จะได้ออกมาตอกย้ำสถานการณ์


 


พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คมช.ยืนยันว่าไม่มีใครปฏิวัติ ส่วนที่ข่าวลือว่าเคลื่อนกำลังทหารจากทัพภาคที่ 2 เข้าใน กทม. นั้น ก็ไม่มีเช่นกัน ทั้งนี้ตอนนี้ไม่น่าจะมีเงื่อนไขอะไรที่จะมาทำปฏิวัติ ทั้งนี้ถ้าปฏิวัติจะไม่มีข่าวลือออกมา อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพก็จะต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนกกับข่าวที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ยืนยันว่ากองทัพยังสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เพราะขณะนี้ไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วง และยืนยันว่าใน คมช.ไม่มีความขัดแย้ง


 


 


ทีมโฆษกฯ รุกพีอาร์ ชิงพื้นที่ข่าว ให้"สุรยุทธ์"พบประชาชน ผ่านรายการ"เปิดบ้านพิษณุโลก"


เว็บไซต์แนวหน้า - ร.อ.นพ.ยงยุทธ  มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า รัฐบาลจะจัดให้มีรายการโทรทัศน์และวิทยุขึ้น โดยจะเริ่มต้นออกอากาศครั้งแรก ในวันเสาร์ที่ 12 พ.ค.นี้ ในเวลา 08.30 น.-9.15 นาที ทางช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และจะออกอากาศทางวิทยุในเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั้งหมด โดยใช้ชื่อรายการว่า "เปิดบ้านพิษณุโลก" ซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีเป็นแขกรับเชิญประจำรายการ ซึ่งลักษณะของรายการอาจจะเป็นการอัดเทปหรือรายการสดแล้วแต่กรณี ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะเป็นแขกรับเชิญในรายการประมาณเดือนละ 1-2 ครั้ง ส่วนที่เหลือจะเป็นรองนายกฯที่จะเวียนกันออกรายการ



 


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรูปแบบการดำเนินรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ว่า จะเน้นการนำเสนอเรื่องราวการทำงานของรัฐบาลในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงภารกิจที่นายกฯ และรองนายกฯ ในลักษณะที่มองไปข้างหน้าว่าจะมีแนวทางการทำงานอย่างไรบ้าง ซึ่งรูปแบบรายการจะเป็นแบบสบายๆ  มีการปฏิสัมพันธ์ ตอบคำถามที่ประชาชนทางบ้านถามคำถามเข้ามาผ่านทางผู้ดำเนินรายการ ส่วนพิธีกรรายการนี้คือ นางฟองสนาน จามรจันทร์ และนายภิญโญ รุ่งสมัย และจะมีพิธีกรคนอื่นเวียนมาดำเนินรายการด้วย


 



ในส่วนของรายการ "สายตรงทำเนียบ"ที่จัดทุกวันอังคารในช่วงเวลา  20.30 น.นั้น เป็นการเน้นในเรื่องมติครม. และในส่วนวันเสาร์ที่จัดเวลา 11.05 น.นั้นจะเป็นการเน้นภารกิจของรัฐบาล และรมว.ต่างๆ ที่มาร่วมรายการ และจะยังคงดำเนินรายการต่อไป



 


คลินตันหนุนไทยทำ CL


ผู้จัดการรายวัน - นายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แถลงถึงการทำข้อตกลงระหว่างมูลนิธิคลินตันกับยูนิตเอดส์ อันเป็นองค์การจัดซื้อยาระหว่างประเทศ และบริษัทผู้ผลิตยาสัญชาติอินเดีย 2 ราย ได้แก่ บริษัท ซิปลา และ บริษัท เมทริกซ์ แลบอราทอรีส์ เพื่อซื้อยาต่อต้านไวรัสเอดส์ขั้นที่สองด้วยราคาที่ถูกลงแล้วนำไปช่วยผู้ป่วยในประเทศกำลังพัฒนารวมทั้งไทย พร้อมกล่าวสนับสนุนจุดยืนของรัฐบาลไทยและบราซิล ในการประกาศบังคับใช้สิทธิผลิตยาที่ติดสิทธิบัตรของพวกบริษัทยาขนาดยักษ์


 


"ผมเชื่อในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ... แต่นั่นไม่จำเป็นที่จะต้องกีดขวางเราจากการนำเอายาสำคัญในการช่วยชีวิต ไปให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้มัน ไม่ว่าในประเทศรายได้ต่ำหรือรายได้ปานกลาง"


 


อดีตประธานาธิบดีคลินตันกล่าวด้วยว่า งบประมาณด้านดูแลสุขภาพของประเทศต่างๆ อยู่ในสภาพตึงตัวอย่างมหาศาล และรัฐบาลต่างๆ ก็หวาดกลัวกันไปทั่วโลกว่า พวกเขาจะไม่สามารถยันให้อยู่กับยาบำบัดรักษาบางตัว เพราะราคาแพงเกินไปแม้ในประเทศรายได้ปานกลางอย่างบราซิลและไทย ประเทศเหล่านี้เป็นบ้านของคนที่ต้องการบำบัดรักษาถึงครึ่งหนึ่งเต็มๆ ทีเดียว


 


นายคลินตันบอกว่า ราคาของยาขั้นที่สองซึ่งมูลนิธิคลินตันเจรจามาได้จากข้อตกลงคราวนี้ สำหรับพวกประเทศรายได้ต่ำนั้น จะมีราคาลดลงมาเฉลี่ยแล้วประมาณ 25% ส่วนในประเทศรายได้ปานกลางซึ่งเวลานี้ต้องซื้อด้วยราคาแพงกว่า เฉลี่ยแล้วจะได้ลดลงมาราว 50%


 


สำหรับยาชื่อสามัญเลียนแบบยาสิทธิบัตร (generic drug) ซึ่งมูลนิธิจะซื้อมานี้ มีทั้งยาเลียนแบบยาซึ่งสิทธิบัตรคุ้มครองหมดอายุลงแล้ว หรือทางบริษัทผู้ผลิตยอมยกเว้นให้ หรือไม่ก็เป็นกรณีที่ทางประเทศอินเดีย ซึ่ง ซิปลา และ เมทริกซ์ แลบอราทอรีส์ ตั้งฐานผลิตอยู่ ไม่ได้รับรองจดสิทธิบัตรให้


 


อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกเพิ่มเติมด้วยว่า บริษัททั้งสองซึ่งจับมือกับมูลนิธิ ยังสามารถที่ลดต้นทุนการผลิตลงมา ส่วนหนึ่งด้วยการหาวัตถุดิบหลักๆ ในราคาที่ต่ำลง และอีกส่วนหนึ่งจากการใช้เทคนิคใหม่ในการผลิต


 


ยิ่งกว่านั้น นายคลินตันกล่าวว่า ยาเม็ดรุ่นใหม่ที่รับประทานเพียงวันละครั้ง ซึ่งเวลานี้ขายกันในเหล่าประเทศกำลังพัฒนาด้วยราคาแพงลิ่วจนซื้อหาไม่ไหวนั้น ก็จะได้รับการผลิตออกมาด้วยราคาถูก ขนาดใช้บำบัดคนไข้ 1 คนใน 1 วันจะใช้เงินไม่ถึง 1 ดอลลาร์ เขาแจกแจงด้วยว่า ยาเม็ดดังกล่าวเป็นการรวมเอายา "เทโนโฟเวียร์", "ลามิวูดีน" และ "เอฟฟาไวเรนซ์" เข้าไว้ด้วยกัน


 


 


ศาลปกครองรับไต่สวน โกวิทฟ้องถูกปลดมิชอบ


ผู้จัดการรายวัน - ที่ศาลปกครองกลาง ถ.สาทรใต้ นายนรินทร์ วงศ์ไทย ทนายความ รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ในความผิดเรื่อง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


 


ตามฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.50 นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 122/2550 แต่งตั้งให้ผู้ฟ้องไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ระดับ 11 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป โดยผู้ฟ้องเห็นว่า การที่นายกรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องออกคำสั่งดังกล่าว โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11(5) เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจาก การออกคำสั่งให้ ผู้ฟ้อง ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ไปปฏิบัติราชการในส่วนราชการอื่นนอกเหนือจากตำแหน่งที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้อง ต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ มาตรา 61 และ 62 ใน พ.ร.บ.ดังกล่าวก่อน เมื่อผู้ฟ้องไม่ได้สมัครใจที่จะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว คำสั่งของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยนายกรัฐมนตรี จงใจให้ผู้ฟ้อง พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เพื่อจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร. ได้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งผู้ฟ้อง ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อ อนุกรรมการข้าราชการตำรวจ ( อ.ก.ตร.) เมื่อวันที่ 1 พ.ค.50 โดย อ.ก.ตร. มีมติเมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 เห็นชอบให้การแต่งตั้งเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี


 


ผู้ฟ้องจึงขอให้ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 122/2550 ลงวันที่ 22 เม.ย.50 ที่แต่งตั้งให้ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ระดับ 11 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้ฟ้องยื่นคำขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ให้ระงับการกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ พล.ต.อ.โกวิท พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. และแต่งตั้งไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฯและแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา ผบ.ตร. (สบ.10) ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร. ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ด้วย เนื่องจากผู้ฟ้องเห็นว่า ผลของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการของผู้ฟ้องอย่างร้ายแรงที่ทำให้ผู้ฟ้องพ้นจากข้าราชการตำรวจสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.) และเสียสิทธิพึงได้รับจาก สตช. รวมทั้งถูกเหยียดหยามจากบุคคลทั่วไปที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง โดยเข้าใจผิดว่าผู้ฟ้องมีความผิดและบกพร่องต่อการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.


 


ศาลปกครองตรวจสำนวนแล้ว รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 912 /2550 เพื่อพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ดีต่อมาเวลา 13.00 น. นายอดุล จันทรศักดิ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง ได้พิจารณาคำขอไต่สวนฉุกเฉินแล้ว มีคำสั่งแจ้งให้คู่ความทั้งสองฝ่ายนำพยานเข้าให้ถ้อยคำเพื่อไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เวลา 10.00 น.


 


 


สนช. ไพศาล เห็นชอบรัฐตั้ง พัลลภ เป็นที่ปรึกษา กอ.รมน.


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายไพศาล พืชมงคล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เห็นว่าการช่วยรัฐบาลแต่งตั้ง พลเอกพันลภ ปิ่นมณี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. เป็นเรื่องของความเหมาะสม เพราะมีความชำนาญและรู้ตื้นลึกหนาบางในพื้นที่พอควร และก่อนแก้ไขปัญหาภาคใต้นั้น ต้องใช้ความเด็ดขาดและแหลมคมทางการทหารเข้าไปช่วย ส่วนที่มีความกังวล ว่าจะซ้ำรอยเหตุการณ์กรือเซะนั้น เห็นว่าขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปความรุนแรงจึงต้องใช้ความเด็ดขาดจึงจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ขณะที่นายอรรคพล สรสุชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะให้ พลเอกพัลลภ ไปช่วยงานในด้านใด หากเป็นที่ปรึกษาก็ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะมีข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ไม่ควรให้ลงไปบริหารจัดการในพื้นที่อย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งที่เคยทำในอดีตอาจทำให้คู่กรณีไม่พอใจหรืออาจนำไปสร้างเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมได้


 


 



เศรษฐกิจ


 


 


เตือนภัยศก.ไทยใกล้ปี40


ผู้จัดการรายวัน - นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยในปัจจุบัน แม้ว่าตัวเลขการส่งออกที่ประกาศออกมายังมีตัวเลขอยู่ในระดับที่ดีว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันส่วนตัวเรียกว่าวิกฤตเศรษฐกิจเพราะมีสัญญาณบางเรื่องที่มีความคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2540 ซึ่งในช่วง 2-3 เดือนจากนี้ตัวเลขการส่งออกที่ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ดีในช่วงที่ผ่านมาจะต้องเข้าสู่ช่วงที่มีปัญหาเนื่องจากมีกลไกลบางอย่างที่ทำให้ตัวเลขดังกล่าวไม่สะท้อนความเป็นจริง


ทั้งนี้ สิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าอาจจะมี 2 ทาง คือ ถ้าหากการนำเข้ายังตัวเลขที่เป็นปกติสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง แต่มีปัญหาในเรื่องการส่งออกอย่างที่คาดการณ์ เพราะที่ผ่านมาการเกินดุลการค้าเกิดขึ้นเพราะภาคเอกชนไม่กล้าที่จะนำเข้าสินค้าทุนเพื่อขยายธุรกิจเนื่องจากยังไม่มั่นใจต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ค่าเงินบาทของไทยที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากจะอ่อนตัวลง ผู้ประกอบการจะต้องเลือกที่จะหนีตายด้วยการระบายสต๊อกสินค้าออกให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด



ขณะที่อีกแนวทางหนึ่ง คือ หากผู้ผลิตสินค้าและบริการไม่สามารถส่งออกสินค้าไปต่างประเทศได้ การปลดคนงานเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายจะต้องเกิดขึ้น ซึ่งหากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริงการบริโภคภาคประชาชนจะลดลง และจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งลักษณะดังกล่าวคล้ายกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น


 


"ผมไม่อยากพูดให้คนกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากกว่านี้ แต่ผมเชื่อว่าจากข้อมูลตัวเลขต่างๆมันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผมเรียกช่วนี้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจ แต่หากจะต้องเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นผมเลือกที่จะเจอในประเด็นที่ 1 ดีกว่าเพราะหากต้องมีการปลดคนออกจากงานผลกระทบจะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวม"


 


นายกิตติรัตน์กล่าวอีกว่า ปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปัจจุบัน ส่วนหนี่งเกิดจากการกระทำที่ทำให้กระบวนการในการไหลเข้าออกของเงินผิดปกติไป การไหลออกของเงินเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศของภาคธุรกิจ รวมถึงนักลงทุนซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดการแข็งค่าของค่าเงินปัจจุบันยังถูกปิดกั้นด้วยนโยบายบางอย่างของรัฐ ส่วนภาคเอกชนการเร่งขจัดความกลัวในเรื่องต่างๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว


 


 



ต่างประเทศ


 


 


กลุ่มฮามาส ใช้มิกกี้เมาส์ เผยแพร่แนวคิดต่อต้านอิสราเอล


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - กระแสต่อต้านอิสราเอลในปาเลสไตน์อาจมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มฮามาสได้ใช้วีธีการใหม่ในการเผยแพร่แนวคิดดังกล่าว โดยสถานีโทรทัศน์อัล อักซาของกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ แพร่ภาพรายการเด็กทุกๆ วันศุกร์ ที่มีหนูขาวดำตัวใหญ่หรือมิกกี้เมาส์ ตัวการ์ตูนชื่อดังของวอลล์ ดิสนีย์ แต่เปลี่ยนชื่อเป็นฟาร์ฟูร์ เป็นพีธีกร


 


ซึ่งในตอนล่าสุดที่มีชื่อว่า นักโทษของวันพรุ่งนี้ ฟาร์ฟูร์ ได้กล่าวกับเด็กที่มาร่วมรายการว่า ควรร่วมกันฟื้นฟูสังคมอิสลามอันยิ่งใหญ่ ด้วยการช่วยปลดปล่อยนครเยรูซาเร็ม, อิรัก และประเทศมุสลิมทุกประเทศที่ถูกรุกรานโดยกลุ่มฆาตกร ส่วนซาร่า ตัวการ์ตูนอีกตัวได้กล่าวเตือนให้ระลึกถึง นักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ ขณะที่เด็กๆที่มาร่วมรายการต่างร่วมกันร้องเพลงที่มีเนื้อหาต่อต้านอิสราเอล


 


จิตแพทย์ในฉนวนกาซา ระบุว่าการแพร่ภาพรายการดังกล่าวเป็นการแสดงถึง วัฒธรรมในการเผยแพร่ความรุนแรงในสังคมปาเลสไตน์ ท่ามกลางกระแสต่อต้านสหรัฐฯและอิสราเอล ซึ่งทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอลต้องร่วมกันแก้ไข ก่อนที่คนในพื้นที่จะฆ่าฟันกันเอง



อย่างไรก็ตาม ทั้งสถานีโทรทัศน์อัล อักซา
, รัฐบาลปาเลสไตน์ รวมถึงบริษัทวอลล์ ดิสนีย์ ของสหรัฐฯ ยังไม่ได้ออกมาแสดงท่าทีใดๆ ต่อรายการเด็กดังกล่าวที่มีการเผยแพร่แนวคิดต่อต้านอิสราเอล


 


สำหรับ สถานีโทรทัศน์ อัล-อักซา เป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมที่เริ่มแพร่ภาพมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งแม้รายการที่แพร่ภาพอยู่จะมีรูปแบบที่ทันสมัยแต่ก็มักมีการแทรกข้อความต่อต้านอิสราเอลหรือภาพกลุ่มติดอาวุธสวมหน้ากากที่ยิงจรวดโจมตีอิสราเอล โดยตลอด


 


 


ตำรวจบังกลาเทศขู่จะจับประชาชนที่ไปต้อนรับอดีตนายกฯ หญิงกลับประเทศ


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ตำรวจบังกลาเทศขู่จะจับประชาชนในข้อหาละเมิดคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากออกไปชุมนุมต้อนรับ เชค ฮาสินา วาเจด อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงที่เดินทางกลับประเทศเมื่อวันจันทร์ โดยชาวบังกลาเทศกว่า 20,000 คน ต้อนรับ เชค ฮาสินา วาเจด หัวหน้าพรรคสันนิบาตอวามี ขณะเดินทางกลับบ้านเนื่องจากรัฐบาลยกเลิกแผนบังคับให้เธอลี้ภัยหลังจากต้องอาศัยอยู่ในต่างประเทศนานเกือบ 2 เดือน ตำรวจบังคลาเทศระบุว่า จะสืบหาว่าผู้ใดละเมิดระเบียบภาวะฉุกเฉินที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมด้วยการออกไปชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันจันทร์ จากนั้นจะจับกุมและดำเนินคดีใน 2 ข้อหา มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี


 


รัฐบาลรักษาการของบังกลาเทศได้แจ้งให้สายการบินทุกแห่งทราบว่าห้ามอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงเชค ฮาสินา วาเจด เดินทางเข้าประเทศหลังจากเธอไปเยี่ยมญาติที่สหรัฐเมื่อเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ยังกดดันให้นางคาเลดา เซีย อดีตนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดและหัวหน้าพรรคชาตินิยมบังกลาเทศยอมเดินทางไปพำนักที่ซาอุดีอาระเบียแลกกับการผ่อนผันโทษให้บุตรชาย 2 คนของเธอที่ตกเป็นผู้ต้องหาทุจริต แต่รัฐบาลยอมยกเลิกแผนการเนรเทศอดีตผู้นำทั้งสอง ด้านนักวิเคราะห์มองว่า แผนดังกล่าวนอกจากทำให้ประชาชนเสื่อมความนิยมรัฐบาลรักษาการแล้วยังเผยให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาลด้วย


 


 


ปัญหาการว่างงานในจีน ทวีความรุนแรงขึ้น


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - หลังจากที่มีแรงงานอพยพจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะปีนี้ จะมีบัณฑิตใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานถึง 24 ล้านคนทำให้ปัญหาการว่างงานในจีน ทวีความรุนแรงขึ้น


 


รายงานระบุว่า จำนวนบัณฑิตใหม่ของจีนในปีนี้มากกว่าจำนวนประชากรในออสเตรเลียทั้งประเทศ และในจำนวนนี้คาดว่าจะตกงานถึงราวครึ่งหนึ่ง และชี้ว่าปัญหาการว่างงานในจีนส่วนหนึ่งเกิดจากระบบการศึกษาที่เน้นเฉพาะการขยายโอกาสทางการศึกษาของเยาวชน แต่ไม่มีตลาดแรงงานเพียงพอที่จะรองรับกลุ่มแรงงานใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ แม้ว่าจีนจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดในทวีปเอเชียก็ตาม พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิรูประบบการศึกษา ซึ่งครอบคลุมถึงการเน้นฝึกทักษะของนักศึกษาก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานในสาขาต่าง ๆ และเน้นผลิตบัณฑิตในสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน รายงานระบุว่า  ไม่เพียงเฉพาะจีนเท่านั้นที่ประสบปัญหาการว่างงานที่ทวีความรุนแรงขึ้น แต่ประเทศอื่น ๆ ในทวีปเอเชีย ก็กำลังประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน


 


 


 



การศึกษา


 


 


สกอ.ยอมเยียวยาเด็กซิ่ล 1,700 คน ขอ 57 มหา"ลัยรับเป็นกรณีพิเศษ


ผู้จัดการรายวัน - รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายกฤษณพงศ์ กีรติกร เลขาธิคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ร่วมแถลงข่าวการแก้ปัญหาการประมวลผลคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาในระบบกลาง (แอดมิสชั่นส์) ซึ่งมีผู้สมัครที่ใช้คะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) ไม่ตรงกับปีที่จบการศึกษา หรือสอบไม่ครบในปีที่จบการศึกษา (เด็กซิล) จำนวน 1,754 คน ซึ่งไม่สามารถใช้คะแนนโอเน็ตเพื่อประมวลผลแอดมิสชั่นส์ได้ จากผู้สมัครแอดมิสชั่นส์ในปีนี้ทั้งหมด 107,969 คน


รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีมติว่าควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือนักเรียน 1,754 คนนี้เป็นกรณีพิเศษ และต้องให้ความเห็นใจ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านระบบ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จะทำจดหมายส่งถึงสถาบันอุดมศึกษาตามที่กลุ่มนี้ที่เลือกอันดับไว้ ซึ่งมีจำนวน 57 แห่ง ให้พิจารณารับคนกลุ่มนี้เข้าเป็นพิเศษนอกเหนือจากการคัดเลือกแอดมิสชั่นส์ตามปกติ โดย สกอ. จะส่งข้อมูลคะแนนของบุคคลเหล่านี้ให้มหาวิทยาลัยพิจารณาตัดสินว่าจะรับเข้าหรือไม่ และจะแจ้งผลให้นักเรียนทราบโดยเร็ว


 


"สำหรับนักเรียนที่คะแนนโอเน็ตเป็นไปตามวัตถุประสงค์ สามารถใช้สมัครแอดมิสชั่นส์ได้ ซึ่งรวมถึงผู้ที่สอบโอเน็ตสองครั้ง แต่เราจะใช้เฉพาะคะแนนครั้งแรก จำนวน 106,215 คน จะได้รับการประมวลผลก่อน แยกกันกับจำนวน 1,754 คน เมื่อมหาวิทยาลัยเห็นว่าสามารถรับนักศึกษาเข้าเพิ่มเติมได้ ก็จะพิจารณารับกลุ่มนี้ต่อไป ส่วนการที่มหาวิทยาลัยจะรับหรือไม่รับนั้น เป็นดุลพินิจของแต่ละแห่ง เช่นเดียวกับคนกลุ่มใหญ่ ซึ่งต้องผ่านกระบวนการสัมภาษณ์และตรวจร่างกาย ทาง สกอ. ไม่มีสิทธิไปบังคับให้แต่ละแห่งรับนักศึกษาเข้าไปได้" รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าว


 


เมื่อถามว่าการให้สิทธิ์เด็กเรียนปี 2 ลาออกไปสอบกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยเดิมได้ จะไปกันที่นั่งเด็กใหม่ และทำให้รัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่าย รศ.ดร.วรากรณ์ กล่าวยอมรับว่า เป็นการกันที่นั่งเด็กคนอื่นจริงๆ แต่การที่เราเปิดโอกาสให้เด็กกลับมาเรียนที่เดิมนั้น มองว่าเด็กจะได้เรียนจบรุ่นเดียวกันกับเพื่อน ที่สำคัญเด็กไม่ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่



"มีเด็กจำนวนหนึ่งมาเรียนแล้วไม่มีความสุข คือมาเรียนแล้วไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ ดังนั้น จึงควรเปิดโอกาสให้เด็กไปเรียนที่เด็กสนใจ หรือถนัดจริง ถ้าสอบติดที่ใหม่แล้วเกิดเปลี่ยนใจไม่เรียน หรือได้สาขาที่ยังไม่อยากเรียนอีก แล้วอยากกลับมาเรียนคณะเดิม ก็ควรให้เด็กกลับมาเรียนต่อจนจบ เพื่อช่วยผู้ปกครองและรัฐประหยัดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา และเด็กจะได้มาทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติต่อไป


 


รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กล่าวอีกว่า สำหรับเด็กซิลบางคนที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาสมัครแอดมิชชั่นใหม่ในปีนี้ แล้วปรากฏว่าเมื่อพิจารณาเป็นกรณีพิเศษแล้วยังไม่ได้ ก็จะขอร้องให้มหาวิทยาลัยเดิมรับกลับไปเรียนเหมือนเดิม ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา สำหรับกำหนดประกาศผลของเด็กซิล คาดว่าจะประกาศหลังวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 แต่ไม่เกินวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ซึ่งเป็นวันประกาศผลขั้นสุดท้ายของทุกมหาวิทยาลัยแน่นอน


 


สำหรับเด็กซิลจำนวน 1,754 คน เป็นเด็กที่จบการศึกษาในปี 2547 มากสุด จำนวน 917 คน รองลงมาเป็นปี 2548 มี 540 คน ปี 2546 มี 236 คน ปี 2545 มี 138 คน และยังมีผู้ที่จบการศึกษาในปี 2524 และ ปี 2525 ปีละ 1 คน



ด้าน นายกฤษณพงศ์ กล่าวว่า การประกาศผลแอดมิสชั่นส์ยังเป็นกำหนดเดิมคือวันที่ 15 พ.ค. จะเน้นความถูกต้อง แม่นยำ เป็นหลัก ไม่เน้นความรวดเร็ว เพราะแม้จะประกาศเร็วก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย เนื่องจากกำหนดการต่อเนื่องจากการประกาศผล เช่น การจัดแพทย์มาตรวจร่างกาย ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนกรณีเด็กซิลมีความเป็นไปได้ว่าจะมีที่นั่งว่าง เนื่องจากอาจมีผู้สละสิทธิ์ในคนกลุ่มใหญ่ ดังนั้น จึงต้องรอให้ตัวเลขกลุ่มใหญ่นิ่งก่อน ส่วนที่ว่าเป็นการให้สิทธิพิเศษกับเด็กซิลในปีนี้มากเกินไปหรือไม่ ก็ต้องถือเป็นการเยียวยา ให้กับการเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านระบบ ส่วนกลุ่มเด็กซิลบางกลุ่มเรียกร้องให้คิดคะแนนรวมกับคนกลุ่มใหญ่นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะจะทำให้คนกลุ่มใหญ่ไม่ได้รับความยุติธรรม


 


 



คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม


 


 


ปทุมวันเดินหน้าโครงการ "งีบหลับ" สำรวจพบประชาชนพอใจการทำงาน


เว็บไซต์แนวหน้า - นายสุรเกียรติ ลิ้มเจริญ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กล่าวถึงผลการประเมินการงีบหลับในช่วงเวลากลางวันที่เขตมอบหมายให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ดำเนินการว่า นิด้าได้สำรวจแล้วพบการงีบหลับในช่วงเวลากลางวันมีประโยชน์มาก เพราะทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีพลังในการทำงานตลอดทั้งวัน ทำให้ตนมีความคิดที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวต่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่เจ้าหน้าที่เขต ซึ่งโครงการนี้ไม่มีการบังคับ หากเจ้าหน้าที่คนใดต้องการพักผ่อนในช่วงเวลากลางวันก็สามารถทำได้ ในสถานที่ที่จัดไว้ให้ โดยมีระยะเวลาในการงีบหลับทั้งสิ้น 30 นาที ทั้งนี้ แม้ว่าเขตจะอนุญาตให้เจ้าหน้าที่งีบหลับในช่วงเวลากลางวันได้ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบต่อการทำงานแน่นอน เพราะมีเจ้าหน้าที่หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีการละทิ้ง


 


นายสุรเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันเขตได้สำรวจความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่เขต พบประชาชนมีความพึงพอใจมากขึ้น เพระเมื่อร่างกายของผู้บริการมีความพร้อม จะส่งผลให้การให้บริการและประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยตนมองว่าผู้ที่ทำงานทั้งวัน จะเครียดทั้งวัน หากได้พักบ้างแล้วค่อยเริ่มต่อไปใหม่จะดีกว่า ซึ่งการงีบหลับได้พักทั้งกายหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว จิตก็สงบหยุดคิดฟุ้งซ่าน ทำให้ทั้งงกายและจิตสงบชั่วคราว หัวใจจะเต้นช้าลง ความดันจะลดลง ถ้าไม่พักทั้งความดันและชีพจรจะขึ้นอยู่ตลอด อัตราเสี่ยงต่อสุขภาพของหัวใจย่อมมากกว่าการไม่ได้พักแน่นอน


 



นายสุรเกียรติ กล่าวว่า การงีบหลับเวลากลางวันแค่ชั่วโมงเดียว ก็เท่ากับนอนหลับทั้งคืนเช่นกันหากว่างีบหลับได้ดี แต่การนอนให้เต็มอิ่มตอนกลางคืนยังเป็นของจำเป็นกับการทำหน้าที่ของอวัยวะร่างกายสำคัญๆหลายอย่าง ซึ่งจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐฯ ได้ศึกษาพบว่า เมื่อทดลองเปรียบเทียบจากผู้ทดลอง 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้ทำงาน โดยไม่ให้งีบพักกลางวันเลยปรากฏว่ากลุ่มนี้ผลการทำงานค่อยตกลงเมื่อยามบ่ายและยามค่ำ ส่วนอีกกลุ่มให้ได้นอนงีบพักเอาแรง ตอนบ่าย 2 โมง นาน 60-90 นาที โดยได้วัดคลื่นสมองจับดูว่า นอนหลับสนิทหรือไม่ ผลการศึกษาสรุปได้ว่าผู้ที่ได้งีบหลับตอนกลางวัน จะยังคงสามารถทำการงานได้ดี ตลอดช่วงเวลา 24 ชม. ไม่แพ้ผู้ที่มีโอกาสได้นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืน



 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net