อับดุชชะกูร์ บิน ชาฟิอีย์ ดินอะ ( อับดุลสุโก ดินอะ )
ผช.ผจก.ร.ร.จริรยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนามุฮัมมัดและผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
กลายเป็นประเด็นร้อนของพุทธศาสนิกชนไปแล้ว สำหรับร่างแรกของรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด หลังจากที่คณะกรรมาธิการได้ระดมมันสมองในการยกร่างแล้วเสร็จโดยไม่มีการบรรจุหรือบัญญัติเพิ่มในมาตรา 2 ที่คณะสงฆ์บางส่วน และองค์กรชาวพุทธ รวมถึงพุทธศาสนิกชนได้ออกโรงมาเรียกร้องนั่นคือ "ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" และกลายเป็นชนวนเหตุของการชุมนุมใหญ่จากพระสงฆ์และชาวพุทธในวันที่ 16 เม.ย. 2550 และวันต่อๆมา โดยมีศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยและ องค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย เป็นแกนนำ (รวมทั้งม็อบพีทีวีซึ่งได้โหนกระแสดังกล่าวเพื่อสร้างพลังสนับสนุน)
จากการประมวลของผู้เขียนจากสื่อต่างๆในฐานะมุสลิม (เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยแต่เป็นประชากรส่วนใหญ่ในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้) พอสรุปสาเหตุ เหตุผลสำคัญและข้อดีของการเรียกร้องดังกล่าว ได้ดังนี้
๑. ได้ยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีมายาวนาน
๒. ได้รักษาสถาบันทั้งสาม(ชาติ ศาสนา ชาติ และ พระมหากษัตริย์) อย่างเท่าเทียมกันโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ
๓. ได้ให้ความสำคัญกับศรัทธาของประชาชนคนในชาติที่มั่นคงอยู่ในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๔. ได้แสดงออกซึ่งการยอมรับความจริงแบบประชาธิปไตยว่าเสียงของคนส่วนมากยอมรับสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ เท่าเทียมกัน
๕. ได้ยืนยันความเป็นคนไทยที่นิยมอิสระ เสรีภาพ โดยมีหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นแกนกลางสร้างความสามัคคี
๖. ได้สร้างและยอมรับความสอดคล้องกับมติของประชาคมโลกที่ให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนาและประเทศไทย
๗. ได้ส่งเสริมความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนคนในชาติ
๘. ได้ยืนยันภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่เป็นดินแดนพระพุทธศาสนา ที่คนทุกคนในประเทศนี้มีเสรีภาพในการนับถือศาสนาที่ตนศรัทธาได้โดยไม่ขัดแย้งกัน
๙. ได้แสดงออกซึ่งความที่พระพุทธศาสนาเป็นนวัตกรรมทางความคิดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อยู่คู่กับคนไทย ชาติไทย พระมหากษัตริย์ไทย ในสุวรรณภูมินี้มานานมากกว่าสองพันปี
๑๐. ได้ยกย่องพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่พระมหากษัตริย์ไทยทุกราชวงศ์ตั้งแต่เริ่มต้นเผ่าไทยมาถึงปัจจุบัน และประชาชนคนไทยปัจจุบันเกินกว่า ๙๔ % ยอม รับนับถือ เพราะมั่นใจว่าพระพุทธศาสนามีคุณูปการต่อชนชาติไทย
๑๑. ได้ส่งเสริมสนับสนุนมติชาวโลกที่ยกย่องให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนาของโลก
๑๒. ได้หลักประกันทางกฎหมายว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยโดยถูกต้องชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
๑๓. ได้เครื่องมือปลูกจิตสำนึกร่วมกันของคนในชาติที่จะร่วมใจกันยกย่องสถาบันสูงสุดเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
๑๔. ได้เครื่องมือส่งเสริมการประพฤติปฏิบัติธรรมนำสู่หลักแห่งประชาธิปไตยที่ยึดความถูกต้อง ชอบธรรม มีภราดรภาพ มิตรภาพตามหลักธรรมคำสั่งสอนที่มีมาในพระพุทธศาสนา
๑๕. ได้หลักในการอบรมสั่งสอนลูกหลานไทยได้เกิดความภาคภูมิใจว่าตนมีศาสนาประจำชาติที่จะต้องตระหนักในการนำศาสนาสู่การปฏิบัติมากยิ่งขึ้น
๑๖. ได้หลักการกลางในการสร้างความสามัคคีระหว่างคนในชาติเพราะเมื่อพระพุทธศาสนาแข็งแกร่ง คนในชาติซึ่งนับถือศาสนาต่างกันก็จะอยู่อย่างสงบสุขทั่วถึงกัน เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่พุทธศาสนิกชนจะไปรังแกคนที่นับถือศาสนาอื่นจากที่ตนนับถือไม่เคยมีมาในอดีต ยังไม่มีในปัจจุบัน และจักไม่มีในอนาคตที่พุทธศาสนิกชนจะไปรังแก รบราฆ่าฟัน ขับไล่ไสส่งศาสนิกอื่น มีแต่ชาวพุทธเท่านั้นที่ถูกรังแก ถูกทำลายมาตลอดทุกยุคที่ผ่านมา
๑๗. การบัญญัติข้อความข้างต้นนั้นไว้ในรัฐธรรมนูญ จะเป็นกุญแจสำคัญให้พระพุทธศาสนายิ่งมั่นคงขึ้น คือเป็นประเด็นให้ได้ออกกฎหมายคุ้มครองส่งเสริมให้เหมาะสมได้ในโอกาสต่อไป
๑๘. ประชาชนคนไทยในยุคต่อไปจะได้ตระหนักยิ่งขึ้นว่า ชาติ พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันสำคัญของชนชาติไทยที่จะต้องเทิดทูนไว้เหนือความขัดแย้งใด ๆและเหนือชีวิต
๑๙. การมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ มิได้หมายความว่า คนไทยที่นับถือศาสนาอื่นจะอยู่ในประเทศไทยไม่ได้ เช่นเดียวกับการบัญญัติว่าที่นี่ประเทศไทย แต่คนจากประเทศไหน ๆ ก็สามารถมาอยู่ในประเทศไทยได้อย่างปกติสุข ภายใต้กฎหมายไทยที่ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาอยู่แล้ว
๒๐. การบัญญัติข้อความข้างต้นนั้นไว้ในรัฐธรรมนูญ จะได้รัฐธรรมนูญที่ถูกต้องที่สุดในบริบทสังคมไทยจะไม่เป็นรัฐธรรมนูญที่เกิดจากความชอบ ความชัง ความหลง ความกลัว คือจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ปราศจากอคติหรือความลำเอียงทั้งสี่ประการ เป็นบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่คนไทยเกินกว่า ๙๐ % ยอมรับแน่นอน
นั้นคือเหตุผลของผู้ที่สนับสนุน ในขณะเดียวกันก็ยังมีชาวพุทธหลายท่าน นักวิชาการหลายคนที่ได้แสดงเหตุผลที่ไม่อยากให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติซึ่งผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึง (ทุกคนควรมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นตราบใดไม่ไปละสิทธิของผู้อื่น)
ในโลกประชาธิปไตยทุกคนควรยอมรับในเสียงส่วนใหญ่ตราบใดที่ไม่กระทบคุณธรรม จริยธรรมและสิทธิอันชอบธรรม หลักสิทธิมนุษยชนของคนส่วนน้อย
ในฐานะมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศไทยถึงแม้เป็นประชากรส่วนใหญ่ในห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ควรยอมรับในเสียงส่วนใหญ่หากพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ต้องการ
เพียงแต่ผู้เขียนขอเสนอเพิ่มเติมดังนี้
๑. ควรเพิ่มในรัฐูธรรมนูญคำว่าส่วนใหญ่ในมาตราสองกล่าวคือเขียน"ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของประชากรส่วนใหญ่" ทำให้ต่างศาสนิกที่อยู่ในประเทศไทยรู้สึกว่าเขาเป็นคนไทยอยู่
๒. ในเมื่อบรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติของประชากรส่วนใหญ่แล้วเพื่อให้ศาสนิกชนได้นำหลักธรรมของศาสนามาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตรัฐธรรมนูญควรระบุให้ชัดเลยว่า กฎหมายใด กฎกระทรวงใด กฎระเบียบใดขัดกับหลักธรรมของศาสนาพุทธมีอันจะต้องตกไป
๓. จะต้องสนับสนุนทางด้านกฎหมาย กฎระเบียบ งบประมาณ กิจกรรมทางศาสนาอื่นอย่างเท่าเทียม ยุติธรรม โปร่งใสตามอัตราส่วนของประชากรแต่ละพื้นที่
สุดท้ายผู้เขียนขอกล่าวว่านี่เป็นเพียงข้อเสนอของผู้เขียนในฐานะมุสลิมคนหนึ่งและทำงานเป็นอุสตาซ (ครูสอนศาสนา) ในจังหวัดชายแดนใต้ที่อยากให้สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน "มีศาสนธรรมและความสมานฉันท์" เพราะทางออกที่ดีที่ สุด และน่าจะเป็นคำตอบสุดท้ายของทุกปัญหา