อยุธยา..น่าไป

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ภาพและเรื่อง โดย "kien"
จาก http://kiennews.exteen.com/20060717/entry


"มะตูมน้อย" อยุธยา ก..49

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมามีธุระได้ไปเที่ยวอยุธยาแบบไปเช้าเย็นกลับด้วยรถไฟ ค่าตั๋วไป-กลับเท่ากัน คือยี่สิบบาทเท่านั้น

ที่มีธุระก็คือ ต้องไปดูที่ที่จะใช้ถ่ายแบบในสัปดาห์หน้า นอกนั้นก็พยายามทำใจสบายๆ ถือว่าพาหัวใจเอกขเนกไปเที่ยวท่องนอกเมือง เสียแต่ว่าไม่คุ้นกับการตื่นเช้า เลยเพลียๆ ง่วงๆ ชอบกล

อยุธยาในความรู้สึกของผม นอกจากจะมีภาพของเมืองเก่า โบราณสถานแล้ว ก็เป็นเพียงทางผ่านของรถทัวร์เชียงใหม่-กรุงเทพ เป็นเหมือนจุดบอกเวลาว่า อีกสักชั่วโมงเราจะถึงปลายทางแล้ว เห็นเขาว่ากันว่าพระราชวังบางประอินที่นี่สวยมาก สวยอย่างไรผมก็ยังไม่เคยไป อยุธยาก็เลยไม่เป็นที่จดจำสำหรับผมเท่าใดนัก

เช้าวันอาทิตย์ ผมและรุ่นน้องช่างภาพกับกองบรรณาธิการรวมสามชีวิต นั่งรถไฟขบวน 111 จากสถานีรถไฟสามเสนไปยังปลายทางอยุธยา แต่รถไฟขบวนนี้จะไปต่อจนสุดที่สถานีเด่นชัย จ.แพร่ จากการตรวจเช็คข้อมูล เราสามารถไปอยุธยาทางรถไฟได้แทบจะทุกครึ่งชั่วโมง จะตื่นเช้าหรือสายหน่อยก็ไม่เป็นปัญหา

อยู่บนรถไฟก็พยายามดูมุมถ่ายรูปอยู่หรอก แต่ทำไปได้ไม่นานก็งีบหลับกันหมด ขอโทษที ไม่คุ้นอากาศตอนเจ็ดแปดโมงเช้าเอาเสียเลย งีบยังไม่ทันหายอยาก รถไฟก็มาถึงบางปะอินแล้ว เสียงจากลำโพงของสถานีทำเอาตกใจ อีกสถานีเดียวก็อยุธยาแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้สติ ตอนนี้น่ากลัวจะหลับเลยอยุธยาแน่

ลงรถก็มีลุงป้าน้าอามาถามไถ่ว่าอยากไปที่ไหนจะได้ไปส่ง ก็เหมือนตามขนส่งหลายๆ ที่ แต่เรารู้สึกว่าคนที่นี่ดีที่ไม่ได้ตื๊อ หรือรุกเร้าอะไรเรามากนัก

เราก็จัดการกดเก็บมุมต่างๆ ที่น่าสนใจบริเวณชานชาลาลงในกล้อง มุมที่คิดว่า วันจริงที่มาถ่ายแบบน่าจะใช้ได้

การไปเที่ยวในที่ๆ รู้สึกว่าทำงานไปด้วยนี่ยากที่จะทำใจให้สบายได้เหมือนมาเที่ยวเองจริงๆ คงเพราะความคิดในงานยังคงเกาะกุมจิตใจ หากว่าทำใจให้ออกเที่ยวไปได้ด้วยคงจะดี

พอเดินออกไปข้างหน้า เห็นรถยนต์สามล้อเล็กน่ารักหลากสีจอดเรียงกันหน้าสถานี คล้ายกับที่เคยเห็นที่พิษณุโลก ดูแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน

ไม่รู้จะไปไหนต่อกันดี เพราะไม่ได้ทำการบ้านมาเท่าไหร่ ก็คิดเอาเดี๋ยวนั้น น้องที่มาด้วยบอกว่า เคยมาบ้างเลยแนะนำให้ลองไปดูวัดเก่า และไปหาก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยากินกัน ตอนนี้ท้องร้องบอกเห็นด้วยทันที

เราไม่อยากไปกับสามล้อเพราะต้องเหมาทั้งคัน กลัวจะแพง ก็เลยขึ้นรถสองแถวที่วนมาส่งคนถึงที่หน้าสถานีรถไฟพอดี ดูรถแล้วก็นึกไปถึงรถสี่ล้อแดงที่เชียงใหม่ ผิดแต่ดูโปร่งกว่า และวิ่งเป็นเส้นทางแน่นอน คือวนรอบเมืองคล้ายๆ กับรถเมล์ ค่าโดยสาร 7บาทตลอดสาย (เอ..เชียงใหม่บ้านเรา น่าจะทำอย่างนี้บ้างนะ ดูเป็นระบบและคล่องตัวดี)

ระหว่างนั่งรถแบบคนไม่รู้เส้นทาง ก็อาศัยถามลุงๆ น้าๆ ผู้ร่วมทางบนรถ จึงเอาตัวรอดหาที่ลงจนได้

ลงมาก็เจอร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่น้องช่างภาพบอกว่าเคยมากินพอดี ราคาก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่10บาท ชามจุ๋มจิ๋มน่ารัก สำหรับสาวๆ สองถ้วยก็พออิ่ม แต่สำหรับชูชกอย่างผม เห็นผอมๆ อย่างนี้ ต้องกินชาม 15 บาทไปสองชาม และชาม10บาทอีกหนึ่ง จึงจะอิ่ม.. (โอย..อิ่มมากกกก..)

ระหว่างมื้อ มีคนมาขายโรตีสายไหม ชุดละยี่สิบ ก็ซื้อกินกันสนุกๆ แผ่นแป้งห่อที่ได้ ลอกออกมาได้แค่สี่ชุดเท่านั้น จะว่าน้อยไปก็ไม่ใช่ เพราะของที่นี่ แผ่นแป้งดูหนานุ่มกว่าที่เคยกินมาก เป็นแป้งสดที่ยังออกชื้นๆ อยู่ ก็เป็นของหวานล้างปากกันไป

ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้เอง ผมเหลือบไปเห็นหนูน้อยอนงค์หนึ่ง นอนแช่น้ำในกะละมังเล่นอย่างเย็นใจ แอบมองอยู่นานจนทนไม่ไหว ขอ..ทำตัวเป็นสปาเก็ตตี๊ เอ้ย..สะปาราสซี่ อืม..ปาป้ารัสซี่แล้วกัน

แอบถ่ายจนเธอรู้ตัว "อ๊ะแน่... ว่าไงจ๊ะ หนูน้อย เย็นสบายดีมั้ยค้า..." ผมเริ่มตอแหลหลอกเด็กไปตามเรื่อง ใจก็ยังคงอยู่กับการเก็บภาพระทึกของเธอต่อไป เธอเริ่มบิดตัวไปมาแก้เก้อ.. หยิบนั่นหยิบนี่มาใส่ปาก ไม่รู้ว่าเขินหรือหิวกันแน่ เธอยังไม่ตอบอะไรใดๆ แต่มีเสียงมาจากข้างหลัง "เอ้า มองกล้องยิ้มให้เขาหน่อยลูก" นั่น ..เสียงมาจากคุณแม่ที่ยืนผัดข้าวอยู่ในบ้านนั่นเอง

หลายครั้งเมื่อเวลาผมได้ถ่ายรูปเด็กแปลกหน้า พ่อแม่หรือญาติๆ มักจะพยายามพูดกำชับราวกับว่า สามารถบังคับให้หนูน้อย "ยิ้ม" แบบ "สั่งได้" เสร็จแล้วผมก็จะได้รูปตุ๊กตาแยกเขี้ยวยิงฟันจนตาหยีมาหนึ่งใบ ซ้ำร้ายถ้าลูกไม่ยิ้ม พ่อแม่กลัวหน้าแตกอย่างไรไม่ทราบ ถึงกับบังคับจับหน้าลูกหันหน้าสู้กล้อง สั่งไปสั่งมาจนลูกร้องให้ไปเลยก็มี.. เฮ้อ

ผมไม่อยากได้รูปตุ๊กตาอย่างนั้น แต่มันก็ไม่ได้ง่าย เราต่างต้องมีเวลาทำความรู้จักกัน และผมคิดว่า เวลามีเสมอถ้าเราต้องการรู้จักกันจริงๆ

นั่งคุยเล่นกับเธออยู่นาน นอกจากถ่ายภาพแล้ว การได้อยู่กับสิ่งมีชีวิตที่บริสุทธิ์ อย่างเด็ก หรือหมา แมว มันเหมือนเราได้ปลดปล่อยอะไรบางอย่างออกไป และดูดซับความรู้สึกบางอย่างเข้ามา อาจจะเป็นความบริสุทธิ์อย่างที่เราเคยมีในวัยเยาว์ ห้วงอารมณ์เหล่านั้นที่หล่นหายไปจากชีวิต อันที่จริงมันไม่ได้หายไปไหน เราอาจแค่ลืมมันไปก็เท่านั้น

กับเด็กน้อย หรือสัตว์ต่างๆ พวกเขามีแววตาบางอย่างที่ให้ชีวิตชีวากับเรา และทำให้ผมรู้สึกเบิกบานเสมอเมื่อได้เล่นสนุกกับเขา

หลังจากหนูน้อยแต่งตัว ผัดแป้งลงนั่งกินข้าว ผมก็เข้าไปคุยกับเธอใกล้ๆอีกครั้งหนึ่ง "หนูชื่ออะไรครับ"

"ม้..าตู..ม" เธอพูดเสียงยานจนผมต้องหันไปหาคำตอบจากแม่เธอแทน

อ๋อ..มะตูม ชื่อไทยดีจัง ผมนึกไปพลางมองรูปหน้าเด็กน้อยนั้น ดูแล้วรู้สึกว่าเป็นดวงหน้าที่มีความเป็นไทยดั้งเดิมอย่างไร ก็ไม่ทราบ อธิบายได้ยากเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกอย่างนั้น

ก่อนจากผมขอถ่ายรูปครอบครัว พ่อ-แม่-ลูกร้านก๋วยเตี๋ยวเรือจนเสร็จสรรพ เราก็จากลามาด้วยสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรูปถ่ายของพวกเขา

ไม่รู้ว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่ผมสัญญากับผู้คนที่อยู่ในภาพถ่ายของผม ถึงยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ผมก็บอกไปด้วยรู้สึกว่า ท้ายที่สุดแล้วภาพถ่ายก็น่าจะได้กลับไปอยู่กับคนที่เป็นเจ้าของภาพจริงๆ รูปใบนั้นมันน่าจะมีความหมายกับเขา กับคนที่รักเขาต่อไปไม่น้อยเลย ส่วนผมอาจได้เพียงแค่หยิบยืมความทรงจำจากผู้คนมาก็เท่านั้น แต่ก็เป็นความทรงจำที่ทำให้ภาพหนึ่งใบมีเรื่องเล่าอยู่ในนั้นมากมาย

ท้องอิ่มแล้วเราก็ออกเดินหาวัดเก่า เราเดิน แล้วก็เดินกันมั่วๆ ด้วย เพราะคนนำทางไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือในเขตเมืองเก่าน่าจะเคยมีวัดติดๆกัน มากมาย ก็เหมือนอย่างเมืองเก่าอย่างเชียงใหม่เช่นกัน น่าเศร้าที่เวลานี้เมืองเก่ากับเมืองใหม่ดูจะคร่อมทับกันจนเละเทะไปมาก มีเจดีย์มากมายอยู่ชิดอาคารห้องแถว บ้างติดกับเสาไฟฟ้าห้อยระโยง จนดูน่าเกลียด ไม่รู้ว่าเมืองไทยไปรณรงค์โปรเจ็ค unseen thailand เยอะไปหรือเปล่า สิ่งที่เราเห็นๆ อยู่ดาษดื่นเลยไม่ค่อยได้มาเหลียวแลรักษา

แล้วก็โชคดีไปมองเห็นรูปปั้นพระนอน เห็นแต่ไกล เพิ่งมารู้ทีหลังว่าวัดนี้ชื่อ วัดโลกยสุธา เคยดูภาพถ่ายตามโปสการ์ดที่ถ่ายองค์พระตอนที่ทาสีใหม่ ขาวผ่องไฉไล แล้วมาเห็นองค์จริงวันนี้ ดูแล้วเก่าไปมาก (แต่เราก็ชอบอย่างนี้มากกว่านะ ดูเก่าอย่างที่ควรจะเป็นดี)

ธูปเทียนดอกบัวบูชาที่นี่ เขาคัดมาสวยจริงๆ แถมยังมีแผ่นทองเปลวติดมาให้เราได้ติดทององค์พระด้วย เพียง10 บาทเท่านั้น แลหลังจากได้จุดธูปกราบพระพุทธรูปกันแล้ว ถึงแม้แดดจะร้อนไปบ้างแต่หัวจิตหัวใจก็เย็นลงไปได้มากเช่นกัน

ตกบ่ายเราไปดูทำเลถ่ายภาพเพิ่มเติมแบบสุ่มๆ กันไป แล้วก็โชคดีอีกที่ไปเจอ ทุ่งหญ้ากว้าง กับต้นจามจุรีใหญ่ อยู่ข้างทาง อีกฝั่งตรงข้ามดูเหมือนมีปางช้าง ให้นักท่องเที่ยวมาขึ้นช้างเที่ยวกัน

ได้ร่มเงาไม้ใหญ่ และหญ้ายาวนุ่มจากที่เดินๆ ถ่ายรูปอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นนั่ง และนอน จนหลับกันไปคนละงีบสองงีบได้ เหลียวขึ้นมองดูเห็นยอดหญ้าไหวลู่เอนเป็นระลอกคลื่นเต้นระบำ เมื่อยามลมพัด เหมือนภาพฝัน

บ่ายสาม ลมเริ่มหอบเมฆมาจนฟ้าครึ้ม ถึงเวลากลับเสียที ก่อนกลับยังได้แวะกินไก่ทอด ข้าวเหนียว ส้มตำผลไม้ และตำกระท้อน แถวร้านริมทางใกล้ๆ กัน อร่อยมาก.... เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชม ผลไม้ที่เขาใช้ และกระท้อนดูสดใหม่ดีมาก ประทับใจกันสุดๆ เห็นตำกระท้อนของโปรดน้องวัชแล้วยังไงคงต้องพาเธอมากินให้ได้สักวัน

สุดท้ายเราหารถสองแถวรอบเมืองไม่เจอ เลยต้องใช้บริการคิวรถสามล้อเล็กจนได้ ไปสถานีรถไฟสามคนได้ราคา 50 บาท นั่งกันอยู่สักพักกว่าจะถึงสถานี ดูจากระยะทางแล้วก็ไม่แพง ถ้าใครจะมาก็น่าจะลองใช้บริการกันดู ถือว่ากระจายรายได้ไปก็แล้วกัน

ขากลับซื้อตั๋วปุ๊บรถไฟมาปั๊บ เหมือนเสกได้ คนกรูกันขึ้นไปเหมือนขึ้นรถเมล์ (เหมือนจริงๆ พอผมกำลังจะขึ้นเป็นคนสุดท้ายรถไฟก็เริ่มเคลื่อนออกไปแบบได้หวาดเสียว) โชคดีจริงๆ ที่เราได้เที่ยวนี้ เพราะหลังจากขึ้นมาได้สักพักฝนก็ตก

ในรถไฟตอนขาเข้ากรุงเทพเวลาเย็น คนเริ่มเยอะ หาที่นั่งด้วยกันได้ยาก พวกเราเลยเดินกันไปที่ละตู้จนผ่านตู้เสบียง ตอนแรกไม่รู้ เห็นที่ว่าง พอนั่งไปพนักงานก็มาถามว่าจะรับอะไรดี ก็เลยสั่งสไปรท์ แฟนต้าไปคนละกระป๋องแก้เก้อ ปรากฏว่าแพงตามคาด คือกระป๋องละ 25 บาท(อุตส่าห์แถมน้ำแข็งเปล่ามาให้ด้วยนะ) ตลกดี ค่าน้ำแพงกว่าค่าตั๋วซะอีกแน่ะ

แล้วทริปจำเป็นครั้งนี้ก็สอนให้รู้ว่า โอ้ว...แม่เจ้า อยุธยามันใกล้ และน่าไปเสียจริงๆ

......................................

ปล. ผมรู้สึกว่าเว็บไซต์ของการรถไฟตอนนี้ ทำได้ดีมาก ดูแล้วเข้าใจง่าย ตรวจเช็คเวลาได้สะดวกดี ลองกดลิ้งค์ไปดูกันนะ
http://www.railway.co.th/Ticket/TrainStopStation_Time_NGo.asp?IdTrain=111

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท