Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ภฤศ ปฐมทัศน์


 



เถลไถลมัวแต่ไปชมศิลปินต่างประเทศเสียนาน ครั้งนี้จึงขอลองย้อนกลับมามองศิลปินในบ้านเราบ้างดีกว่า…


จะว่าไปวงการดนตรีในบ้านเราช่วงนี้เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง...อ่า...ผมหมายถึงวงการของเพลงนอกกระแสและกลุ่มใต้ดินนะครับ ดนตรีจากค่ายใหญ่ ๆ เนี่ยเขามีเวลาโปรโมทเต็มที่ของพวกเขาอยู่แล้ว ที่ผมว่าคึกคักนั้นเป็นเพราะว่าค่ายเล็ก ๆ หลายค่ายเริ่มเปิดตัวกันมากมาย แต่ละค่ายก็มีแนวทางแตกต่างหลากหลายของตนเอง เปิดโอกาสให้แนวดนตรีที่ไม่ค่อยแพร่หลายในบ้านเราอย่าง Hardcore Punk , Heavy Metal , Post-Rock/Experimental ฯลฯ ได้มีพื้นที่แสดงออกทางฝีมือกัน


และค่ายหนึ่งที่น่าสนใจมากที่คือค่าย SO : ON Dry Flower ซึ่งมีแนวทางที่เน้นไปในดนตรีแนวทดลอง (Experimental) และ อิเล็กโทรนิค ซึ่งให้กำเนิดวงดี ๆ อย่าง Goose มาแล้ว (วงนี้ผมอาจจะเขียนถึงคราวหลังครับ) ซึ่งนอกจากนี้ยังมีศิลปินอื่น ๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกหลายวง แต่ในคราวนี้ผมขอพูดถึงวงชื่อแปลกกับดนตรีแหวกแนวอย่าง Desktop Error ก่อนดีกว่า


วง Desktop Error ประกอบด้วย ตุ้ย-ชาญณรงค์ แจ่มขาว (เบส) , เบิร์ด-อดิศักดิ์ พวงอก (กีต้าร์/คีย์บอร์ด) , เล็ก-สมโภช กองไพบูลย์ (ร้องนำ) , เม้ง-ภัทรพล ทองสุขา (กลอง) และ อ๊อฟ-วุฒิพง ลี้ตระกูล (กีต้าร์) แนวดนตรีของพวกเขานั้นเรียกว่าเป็นแนว Shoegazer ซึ่งแปลชื่อแนวอย่างตรงตัวว่า "ผู้ก้มมองรองเท้า"


ต้นกำเนิดของชื่อแนว Shoegazer (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Shoegaze) นี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากความหมายของมันนัก ในอังกฤษช่วงยุคอัลเตอร์เนทีฟเฟื่องฟู มีวงวัยรุ่นวงหนึ่งที่เพิ่งได้ขึ้นแสดงดนตรีครั้งแรก ๆและเนื่องจากความขี้อายของพวกเขาทำให้พากันก้มหน้าเล่นอยู่ตลอดเวลา จึงได้มีคนเรียกกันว่า Shoegazers หรือ "ผู้ก้มมองรองเท้า" เป็นที่มาของชื่อแนวนี้ในเวลาต่อมานั่นเอง


อ้อ ! แต่ก็ไม่เชิงว่าแนวดนตรีนี้มันจะเกี่ยวกับการก้มมองเท้าตัวเองอยู่อย่างเดียวนะครับ พูดถึงแนวดนตรีมันก็ต้องสำคัญที่ "เสียง" สิแหม... คุณสมบัติหลัก ๆ ของ Shoegaze คืออารมณ์ของการตกอยู่ในภวังค์คุณสมบัติต่อ ๆ มาที่สังเกตได้ (ด้วยหู) คือเสียงกีต้าร์แตก ๆ ริฟฟ์ซ้ำ ๆ เนิบ ๆ การเล่นดูล่องลอยไร้จุดหมาย แต่ให้ความรู้สึกของการเข้าสู่ห้วง "ภวังค์" ได้เป็นอย่างดี


เนื้อร้องของดนตรีแนวนี้อาจฟังดูไม่ค่อยสำคัญนัก เพราะเสียงนักร้องโดยส่วนใหญ่จะถูกกลบโดยม่านเสียงของกีต้าร์แตก ๆ ไป


แต่ว่า...


อัลบั้ม Instinct ที่ออกมานี้ยังเป็นแค่ EP (หรือ Extented Play เปรียบเสมือนอัลบั้มเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เพลง-สองเพลงแบบ Singles และก็ไม่ได้ยาวเท่าอัลบั้มปกติที่เรียกว่า LP) เหมือนจะชิมลาง ดูปฏิกิริยาผู้ฟังไปในตัว ถึงแม้จะเป็นแค่ EP แต่สำหรับ 6 เพลงที่ยาวรวมกัน 30 กว่านาทีของอัลบั้ม Instinct นี้ฟังแล้วเต็มอิ่มดีเหลือเกิน…


ซาวน์อันเคลิบเคลิ้มล่องลอยปะปนไปกับความหม่นไหม้ ไลน์กีต้าร์แตกยาว ๆ เหมือนเศษหนามกระจัดกระจายไปทั่วเมืองใหญ่ คนขี้อายเดินก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร ทั้งยังต้องมองเท้าตัวเองทุกย่างก้าว คอยระแวงเศษหนามจากพิษภัยต่าง ๆ ซึ่งเกิดจากการหมักหมมของการกดขี่ แบ่งแยก ซากจากวาทกรรมน้ำเน่าของผู้มีอำนาจส่งกลิ่นเหม็นอบอวลชวนคลื่นเหียน อาทิตย์ส่องประกายสีส้มอมทอง มองไม่เห็นว่ามาจากทิศไหนเพราะตึกสูงบดบังเป็นเงาทอดยาว สงสัยว่านี่เป็นอาทิตย์ยามอัสดงที่ชวนให้เหงาเศร้า หรือคือแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณชวนให้ต่อสู้อย่างมีความหวังกันแน่


(หมายเหตุ - ย่อหน้าที่ผ่านมาเป็นจินตนาการส่วนตัวของผู้เขียนหลังจากที่ได้ฟังอัลบั้มนี้จบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากจินตนาการนั้นเซนเซอร์ไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องสมานฉันท์ เพราะจินตนาการนั้นเป็นของใครของมัน ไม่ใช่อะไรที่จะเหมือนกัน หรือคิดตรงกัน คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ !- เอ่อ...คราวนี้ผมกะว่าจะไม่การเมืองแล้วเชียว เผลอตัวไปอีกจนได้ แหะ ๆ)


EP นี้เปิดตัวด้วยเพลง Instinct ที่แปลว่า "สัญชาตญาณ" ซึ่งดนตรีฟังดูสมกับชื่อเพลงดี ในส่วนของเมโลดี้ฟังดูเหมือนแรงขับดันของอะไรบางอย่าง เสียงคีย์บอร์ดช่วงแรก ๆ ขับเน้นให้เพลงฟังดูฮึกเหิมยิ่งใหญ่เจือกลิ่นอวกาศนิด ๆ มาจนถึงช่วงท้าย ๆ ที่เปลี่ยนเริ่มจังหวะและกรุยทางด้วยเสียงกีต้าร์ ทำได้เหมาะกับการเป็นอินโทรมาก


ตามมาด้วยเพลง "ส่วนลึก" เพลงสั้น ๆ ซึ่งฟังดูเผิน ๆ นึกว่าจะเป็นเพลงเบา ๆ คั่นรายการ เพราะมีอินโทรเวิ้ง ๆ แบบ Ambient อยู่ กว่าจะรู้ว่าเข้าใจผิด พวกเขาก็พากันกระแทกกระทั้นกันหนักหน่วงขึ้นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเพลง ปนกับเนื้อร้องสั้น ๆ แต่กินความหมายมาก ร้องซ้ำ ๆ ว่า "กฏเกณฑ์...ที่สร้างเอง" จริง... ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์อะไรใด ๆ ก็ตาม ยอมรับเถิดว่า มันเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างกันขึ้นมาทั้งนั้น (ดี-ไม่ดีก็อีกเรื่อง)


เพลงนี้ผมชอบมาก ชื่อเพลง "ท้องฟ้าจำลอง" ขึ้นต้นด้วยริฟฟ์อินโทรมันส์ ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะกลับมานุ่มนวลเวิ้งว้าง ผมชอบท่อนนุ่ม ๆ ที่ให้บรรยากาศแบบอวกาศมาก ฟังแล้วก็ชวนให้ล่องลอยไปกับเสียงร้อง ตัวเนื้อเพลงดูจะเหมือนเป็นความคิดที่ไม่ปะติดปะต่อกัน (เป็นหน้าที่ของผู้ฟังที่จะปะติดปะต่อเอง-ฮา) ซึ่งเป็นธรรมดาของแนวนี้ กระนั้นเองตามการจับความของผมเองแล้ว เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงเรื่องน่าสนใจอยู่ไม่น้อย คือเรื่องของ "การเรียนรู้" ไม่ว่าจากในห้องเรียน จากการอบรม จากสื่อแขนงไหนก็ตามแต่...


"อย่าแต่งเติม...ความต่าง แล้ว...หันมอง มันสมอง จุดศูนย์กลางจักรวาล หมื่นแสนล้าน ความคิด ล่องลอยไป ใน จินตนาการ บอกเรื่องราว ขีดเขียน กับสำเนียง ร่ำเรียน เพียง ... "


เพลงนี้ถึงจะเปลี่ยน tempo กะทันหันในช่วงแรก แต่ก็เข้าใจใช้การไล่ระดับเสียงเวลาจะเน้นย้ำอารมณ์ รวมถึงการปล่อย Outro ยาว ๆ ราวให้เราได้หยุดคิดคำนึง


ว่าสิ่งที่เราร่ำเรียนกันมานั้น มันควรจะเป็นสิ่งที่ยึดถือยึดมั่น หรือจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่...


เกิดเป็นเสียงที่ผ่านเข้ามา
เกิดเป็นแสงที่ผ่านเข้ามา
เกิดเป็นภาพครอบงำสายตา"

ท้องฟ้าจำลอง


อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเพลงนี้ ละเลยที่จะพูดถึงไม่ได้เลยคือกลิ่น Pink Floyd ที่จะสัมผัสได้หาก ลองตั้งใจฟังดูดี ๆ


สำหรับเพลง "ย้อน" จะลดความหนักหน่วงลงมาหน่อย (แต่ก็อย่าลืมว่าเสียงที่แตกพร่าก็ยังอยู่นะครับ) เพลงนี้อารมณ์จะติด Ambient กลาย ๆ มีเสียงกีต้าร์ขับเน้นบรรยากาศ และเมโลดี้หวานนุ่มคลอในช่วงครึ่งหลัง เนื้อหาชวนให้ลองย้อนกลับไปมองสิ่งต่าง ๆ โดยใช้หัวใจให้มากขึ้น อาจจะได้ค้นพบคุณค่าที่หล่นหายรายทางบ้าง...นอกจากนี้พอฟังคลอไปกับดนตรีแล้ว เพลงนี้จัดว่าเป็นเพลงที่เรียกกำลังใจได้ดีเพลงหนึ่งเลยทีเดียว


มาถึงเพลงเบา ๆ คั่นรายการจริง ๆ เสียที เพลง "Mind" หรือ "จิต" นี้ เคล้าคลอไปด้วยเสียงแบบอะคูสติกส์ ที่ทั้งหมองหม่นและสดใสปะปนกันไป สลับกับเสียงพูดคุยที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์เป็นฉากหลัง ดูเหมือนคนที่ติดอยู่ในห้วงคำนึงของจิตใจตัวเอง จนเสียงพูดคุยรอบข้างเป็นแค่เสียงที่ไร้ความหมาย ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นเพลงที่สวย เรียบง่าย เจืออารมณ์เหงาบาง ๆ


เพลงสุดท้ายปิด EP. นี้คือเพลง "สมใจ" ที่เปิดตัวและเคลื่อนคล้อยไปสู่อารมณ์แบบมาตรฐานของ Shoegaze มีท่อนพักเล็ก ๆ เล่นกับความเวิ้งและอาศัยเสียง Effect ประกอบบ้าง เนื้อเพลงพูดย้ำ ๆ ถึงวังวนของการตอบสนองความต้องการของตนเองซ้ำ ๆ


"มันเป็นไปตามอารมณ์ที่เสพสมใจ
             
มันเป็นแค่...เสพสมดังใจ"


- สมใจ


Instinct เป็น EP. ที่จัดได้ว่ายาว และถึงแม้จะเป็นผลงานแรก แต่ Desktop Error ก็ดูจะตั้งใจทำเพลงกันเต็มที่ในแบบของพวกเขา เนื้อหาที่พาเข้าไปสำรวจจิตใจภายใน การเล่าแบบย้ำ ๆ ไม่ปะติดปะต่อ นอกจากจะเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมกับดนตรีแนวนี้แล้ว ยังเป็นเปิดพื้นที่ให้ผู้ฟังได้ร่วมใช้จินตนาการของแต่ละคนค้นลึกเข้าไปในเพลง ด้วย


จะมีข้อติอยู่บ้างก็ตรงที่การเปลี่ยนระดับเสียงแบบกระทันหันที่บางทียังไม่ถึงขั้นเนี้ยบ อีกทั้งทุกเพลงในอัลบั้มนี้ดูจะมีอยู่จังหวะช้ามากถึงจังหวะปานกลาง ไม่ค่อยมีจังหวะที่เร็วกว่าพอให้เปลี่ยนอารมณ์ได้ บางครั้งจึงได้อารมณ์แบบซ้ำ ๆ ไปหน่อย (หรือนี่อาจเป็นแนวทางเฉพาะตัวของวงนี้ก็ได้ ต้องดูกันต่อไป)


สำหรับผู้ฟังที่เริ่มเบื่อเพลงจากอุตสาหกรรมดนตรีแนวเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลงรักวัยรุ่นซ้ำซาก เพลงเพื่อชีวิตบ้านเราที่ดูจะหยุดเติบโตทางความคิดไปแล้ว ฯลฯ ลองเปิดหู เปิดใจ สนับสนุนดนตรีนอกกระแสที่มีซาวน์ดนตรีและเนื้อหาหลากหลายดู จะชอบไม่ชอบอันใดก็เป็นเรื่องของรสนิยมท่านเอง


Desktop Error ที่ผมยกมาพูดถึงในคราวนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งในหลาย ๆ วงที่น่าสนใจ เหล่าศิลปินผู้มีแนวทางของตัวเองทั้งหลาย จะมีโอกาสเติบโตได้มากน้อยขนาดไหนนั้น นอกจากฝีมือของพวกเขาเองแล้ว ก็อยู่ที่การสนับสนุนของผู้ฟังอย่างเรา ๆ เองด้วยแหละครับ


(หมายเหตุ 2 - เนื้อเพลงเหล่านี้ผมแกะจากเพลงด้วยตนเอง อาจผิดไปจากตัวต้นฉบับบ้าง สามารถทักท้วงได้ตามสะดวกครับ รวมถึงการตีความในแต่ละเพลงก็เป็นความคิดเห็นบวกกับจินตนาการส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการ รับรู้ กลั่นกรอง และตัดสินคุณค่าด้วยตนเอง เพราะวิจารณญาณนั้นเซนเซอร์ไม่ได้และไม่จำเป็นต้องสมานฉันท์ ฮ่า-ฮ่า !)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net