Skip to main content
sharethis

การเมือง


 


 


เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีให้กำลังใจ "นพ.มงคล" เดินหน้าทำซีแอลยาต้านไวรัส


เว็บไซต์คมชัดลึก - ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย นำโดย นายวิรัตน์ ภู่ระหงษ์ ประธานเครือข่ายฯ พร้อมด้วยองค์กรอื่นที่เกี่ยวกับผู้ป่วยเอดส์ นำกระเช้าดอกไม้มามอบเป็นกำลังใจ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรณีประเทศไทยเป็นประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL) โดยอ้างเหตุผลการละเมิดในเรื่องเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ ด้วยการประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (Compulsory Licensing ) หรือการทำซีแอลยา โดยกลุ่มตัวแทนเครือข่ายฯ มากันประมาณ 30 คน เพราะเกรงว่าข่าวดังกล่าวจะทำให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถอดใจไม่เดินหน้าต่อการทำซีแอลยาต้านไวรัส


 



นพ.มงคล กล่าวยืนยันกับผู้ที่มาให้กำลังใจว่า จะไม่ถอดใจไม่ล้มเลิกแน่นอน ต้องเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เนื่องจากการทำซีแอลยาต้านไวรัส เป็นการทำที่ถูกต้องทำเพื่อคนยากจน เข้าถึงยาที่มีราคาแพงได้ และวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ สธ.จะได้ส่งตัวแทนไปลงนามในสัญญาเจรจาซื้อยาร่วมกับประเทศเอเชียอื่น ๆ เพื่อซื้อยาต้านไวรัสในปริมาณมาก กับมูลนิธิคลินตัน ที่สหรัฐ จะได้ราคายาที่ถูก ดังนั้น การดำเนินการนี้ไม่ได้มีประโยชน์ใดเกี่ยวข้อง แต่ทำแบบคิดองค์รวมเพื่อคนยากจน และหวังว่าคนสหรัฐจะเคารพในกติกาและกฎหมาย เพราะคนไทยทำตามกฎหมายไม่น่ามีปัญหาอะไร การไปสหรัฐจะไปเจรจากับองค์กรเอกชน และให้ข้อมูลสร้างความเข้าใจกับวุฒิสมาชิกด้วย เนื่องจากมีข้อมูลผิด ๆ ว่าไทยจะทำซีแอลในยาหลายตัว ความจริงทำเพียงตัวเดียว ยาต้านไวรัสเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำให้ดูผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากจะทำซีแอลกับยาตัวต่อไป โดยที่ประชุม ครม.ส่วนใหญ่เห็นชอบด้วย



 


รายย่อยไอทีวีรุกกดดัน ผจก.ตลาดหุ้น


เว็บไซต์คมชัดลึก - นางรัตนาพร นามมนตรี ประธานกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และผู้เสียหายรายอื่นๆ ราว 50 คน ได้เดินทางมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อเรียกร้องให้ตลาดหลักทรพย์ฯ แสดงความรับผิดชอบกรณีไม่ห้ามซื้อขายหุ้นไอทีวี (เอสพี) ตั้งแต่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายในสัญญาสัมปทานไอทีวี ทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนจำนวนมาก


 



กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยไอทีวีต้องการเรียกร้องให้ นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลงจุดยืนในการทำหน้าที่ในครั้งนี้ รวมทั้งสาเหตุการไม่ขึ้นเครื่องหมายเอสพีหุ้นไอทีวีตั้งแต่ช่วงดังกล่าว


 



อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นักลงทุนกลุ่มดังกล่าวได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทั้งทางวินัยและอาญาแก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เกี่ยวกับกรณีการยึดคืนสัมปทานไอทีวีด้วยเช่นกัน


 


 


รมว.ยธ.หนุนแนวคิดให้ตัดประเด็นตุลาภิวัฒน์ในรธน.


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาไม่รับร่างรัฐธรรมนูญโดยขอให้ตัดทิ้งประเด็นตุลาภิวัฒน์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วย เนื่องจากตุลาการควรทำงานหลัก คือการพิจารณาพิพากษาคดี เรื่องที่กำหนดให้ทำในร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่งานหลักของผู้พิพากษา แต่หากบ้านเมืองเกิดวิกฤตจะให้ผู้พิพากษาเข้ามาช่วยเป็นครั้งคราว ก็สามารถทำได้ และเมื่อเข้าไปช่วยงานเสร็จแล้ว ก็ต้องกลับมาสู่ที่ตั้งเดิมสำหรับข้อบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ที่ระบุให้ศาลฎีกาทำงานบางอย่าง ก็เหมาะสมดีแล้ว ไม่ควรจะเพิ่มเข้ามาอีกเพราะจะทำให้กระทบต่องานหลักของผู้พิพากษา และเชื่อว่าในภาวะปกติองค์กรอื่นก็สามารถทำงานได้


 


นายชาญชัย กล่าวว่า ไม่กังวลว่าผู้พิพากษาจะถูกมองว่าเสียความเป็นกลาง ถ้าเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือตัดสินปัญหาทางการเมือง เพราะผู้พิพากษาได้รับการฝึกฝนมานาน ถึงความเป็นกลาง เวลาที่ผู้พิพากษาพิจารณาคดี จะไม่คิดถึงอย่างอื่น นอกจากรายละเอียดในสำนวนคดี


 


 


รัฐบาลเชิญหัวหน้าพรรคการเมือง หารือร่าง รธน. 8 พ.ค.นี้


ผู้จัดการออนไลน์ - ร.อ. นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังหารือนายกรัฐมนตรีว่า เพื่อแสดงความตั้งใจจริงของรัฐบาล ที่จะให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็น ดังนั้นรัฐบาลจึงจะเชิญหัวหน้าพรรคการเมือง 44 พรรค ร่วมหารือในวันที่ 8 พฤษภาคม เวลา 14.30 น. - 15.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เชื่อมโยงความคิดเห็นต่างๆ ก่อนเสนอให้ ส.ส.ร.พิจารณาต่อไป ส่วนความเห็นของรัฐมนตรีแต่ละคน ให้นำเสนอต่อ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี ในวันศุกร์นี้ และจะรวบรวมส่ง ส.ส.ร.ในวันที่ 9 พฤษภาคม


 


ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้แก้ประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 และ 27 เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้พิจารณา


 


 


"สมชัย"โวยร่างรธน.หักกระบองกกต.ให้สิทธิ์อุทธรณ์ใบเหลือง-แดง


เว็บไซต์แนวหน้า - นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับรับฟังความคิดเห็นว่า ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียจากร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีหลายประเด็นที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขให้เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีและเป็นประโยชน์มากที่สุด ในฐานะที่เป็นกกต.ซึ่งต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญนั้นเห็นว่าในส่วนของมาตรา 233 น่าจะมีการพิจารณาทบทวน เนื่องจากมาตราดังกล่าวเป็นการให้อำนาจกกต.ในการพิจารณาให้ใบเหลืองใบแดงแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งการสั่งเลือกตั้งใหม่ (ใบเหลือง) หรือการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง (ใบแดง) นั้น ปรากฏว่าในร่างรัฐธรรมนูญฉบับรับฟังความคิดเห็นมาตรา 233 นี้เปิดช่องให้ผู้สมัครส.ส.ที่ถูกใบเหลืองหรือใบแดงสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ และหากเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นก็ให้ยื่นต่อศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยอีกครั้งนั้น ตนมองว่าการบัญญัติไว้เช่นนี้ เทียบแล้วก็เหมือนกับยักษ์ที่ถูกหักกระบอง


 



"กกต.ก็เหมือนกับยักษ์ แต่ไม่มีใครกลัวเพราะไม่มีอำนาจที่จะไปให้ใบเหลืองใบแดงกับใครได้ ในหลักการที่พูดคุยกันไว้ก่อนหน้าที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น อำนาจในการให้ใบเหลือง ใบแดงก่อนที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งยังเป็นของกกต. แต่หลังจากประกาศผลการเลือกตั้งแล้วจะให้เป็นอำนาจวินิจฉัยของศาลยุติธรรม แต่เมื่อร่างฉบับรับฟังความคิดเห็นออกมาในลักษณะเช่นนี้เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้กกต.ให้ใบเหลือง ใบแดงใครได้เลย และถ้ามีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วโดยส่วนตัวผมก็ไม่อยากให้ไปสอย เพราะถือว่านั่นคือความประสงค์ของเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นๆ ซึ่งถ้าจะสอยกันจริงๆ แล้วนอกจากจะมีพยานหลักฐานการทุจริตมากพอสมควร กกต.ทั้ง 5 คนก็ต้องเห็นพ้องต้องกันด้วย"นายสมชัย กล่าว


 



นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อพิจารณามาตรา 233 ประกอบกับมาตรา 91 ,122 และ 168 แล้วเป็นห่วงว่าอาจจะทำให้มาตรา 233 บังคับใช้ไม่ได้ เพราะ มาตรา 91 กำหนดให้จำนวนส.ส.ที่ได้รับการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วเพียง 95%หรือ 380 คน ก็ให้ถือว่าครบองค์ประกอบของสภาผู้แทนราษฎร สามารถเรียกประชุมสภานัดแรกได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ว่าต้องทำภายใน 30 วันนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง และจากนั้นจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีภายใน 30 วันนับตั้งแต่เปิดประชุมสภานัดแรกตามมาตรา 168


 



ดังนั้น เมื่อพิจารณาทั้ง 4 มาตราประกอบกันแล้ว เท่ากับว่า ในการใช้อำนาจตามมาตรา 233 ของกกต.ในการเลือกตั้งทั่วไปนั้น หากกกต.พบว่ามีผู้สมัครที่ชนะเลือกตั้งรายใดทุจริตเลือกตั้งใด ก็จะมีอุปสรรคในการดำเนินการ และคาดว่าใช้เวลาในการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง จนกระทั่งวินิจฉัย และกระบวนการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาไม่น้อยกว่า 24 วัน เท่ากับว่ากกต.มีเวลาที่จะจัดการเลือกตั้งใหม่และต้องรับรองผลการเลือกตั้งเลยเพียง 6 วันเท่านั้น ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


 



"ขณะนี้พิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญกำหนดกรอบไว้เลยว่า กกต.จะต้องให้ใบเหลืองหรือใบแดงได้ไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ หรือ 20 คน เพราะถ้าเกินกว่านั้นจะกระทบต่อการประชุมสภาที่เป็นงานพระราชพิธี แต่ที่ผมเป็นห่วงคือถ้าผลการเลือกตั้งไม่ได้ทิ้งห่างกันมากระหว่างซีกฝ่ายค้านและรัฐบาล และถ้าโชคร้ายไปกว่านั้นปรากฏว่าผลการเลือกตั้งใหม่  พรรคการเมืองซีกฝ่ายค้านได้รับเลือกเข้ามาทั้งหมด คงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล อาจจะกลายเป็นนายกฯเสียงข้างน้อยในสภา ซึ่งหามีการเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับสำคัญๆแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา หรือนายกฯถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในที่สุดก็ต้องเกิดการยุบสภากลับไปเลือกตั้งใหม่ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศอีกเหมือนเดิม"นายสมชัย  กล่าว


 



ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯให้เหตุผลในการให้ศาลกลั่นกรองอำนาจการให้ใบเหลืองใบแดงของกกต.เพราะเห็นว่ากระทบสิทธิของบุคคล นายสมชัย กล่าวว่า  ช่วงก่อนที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนั้น ควรจะเป็นอำนาจของกกต.เพื่อให้การทำหน้าที่เป็นผู้คุมกติกาการเลือกตั้งให้มีความเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเกรงกลัวกกต.เลย ตั้งแต่การเลือกตั้งท้องถิ่นไปจนถึงการเลือกตั้งระดับชาติ


 


 


 "แม้ว" เอาจริงนั่งนายกกอล์ฟ แผนกลับถิ่นอ้างประชุมสมาคม


ผู้จัดการออนไลน์ - "แม้ว" ตกปากรับคำนั่งเก้าอี้นายกสมาคมกอล์ฟแน่ อ้างเพื่อลดความระแวงทางการเมือง สบช่องอาจต้องเดินทางกลับประเทศ หากมีวาระการประชุมนัดสำคัญ แขวะ "สนธิ" ต้องคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน พ่นกลับคนโยงกีฬากับการเมือง สมควรไปพบจิตแพทย์


 


นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ระบุว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทยนั้น เป็นเรื่องตลก โรคจิตวิปริต ว่า ตนไม่อยากให้ พล.อ.สนธิ มองโลกในแง่ร้าย เพราะการพิจารณามอบตำแหน่งนายกสมาคมนั้น เป็นเรื่องภายในของสมาคมนักกอล์ฟ ที่มีสิทธิจะเลือกใครก็ได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานที่รัฐบาล และ คมช.ไม่ควรวิจารณ์หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะการที่ พล.อ.สนธิ และคนในรัฐบาล ออกมาวิจารณ์พาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ในทำนองว่า เป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติทางจิตและควรไปพบแพทย์นั้น คนที่มองเรื่องของกีฬาแล้ว สามารถนำไปเชื่อมโยงกับเรื่องของความเคลื่อนไหวทางการเมืองได้นั้น ควรจะเป็นผู้ไปพบจิตแพทย์มากกว่า


 


นายนพดล กล่าวต่อว่า ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยืนยันผ่านไปยังคณะทำงานของสมาคมฯว่า ตัดสินใจรับตำแหน่งนายกสมาคมนักกอล์ฟฯ ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากต้องการลดความหวาดระแวงทางการเมือง และหันมาทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในด้านอื่นๆ เช่น ด้านกีฬา หรือสังคม โดยไม่มีนัยทางการเมืองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การทำงานในฐานะนายกสมาคมนักกอล์ฟฯในเบื้องต้น คงเป็นการรับตำแหน่งโดยปริยายไม่ต้องมีพิธีรับมอบตำแหน่งใดๆ ส่วนการทำงานในเรื่องการประสานงาน การกำหนดนโยบายต่างๆ นั้น คงจะใช้วิธีสื่อสารผ่านเครื่องมือสื่อสารแทน แต่ในอนาคตหากจำเป็น ต้องเดินทางมาร่วมการประชุมวาระสำคัญกับสมาคม ก็สามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ทุกเมื่อในฐานะคนไทย แต่จะพิจารณาจากเงื่อนไขของสถาการณ์บ้านเมืองควบคู่กันไปด้วย


 


ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล และ คมช.โดยการใช้บริษัทล็อบบี้ยิสต์ของอเมริกา ลงข่าวโจมตีรัฐบาลไทยนั้น นายนพดล กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ เพราะช่วงที่ถูกยึดอำนาจมีข้อมูลข่าวที่คลาดเคลื่อนจึงจำเป็นต้องใช้บริษัทดังกล่าวจัดการชี้แจงเรื่องข้อมูล แต่ไม่ใช่การจ้างเพื่อเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาลไทย ซึ่งล่าสุด ก็ยังมีสื่อต่างประเทศ ติดต่อขอสัมภาษณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธ เนื่องจากมีความห่วงใยในสถานการณ์ สำหรับกรณีของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น และนิตยสารไทม์ ที่ลงสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้นั้น ก็เป็นการติอต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเองโดยติดต่อผ่านตนทางอีเมล ซึ่งมีหลักฐานยืนยันได้


 


 


สหภาพ กฟน. ยื่นหนังสือถึงประธาน คมช. ให้ปลดนายกฯ


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ขอให้ปลด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมี พันโทหญิงวโรบล เพชรบุตร ผู้แทนจากสำนักงานเลขาธิการ คมช. เป็นผู้รับหนังสือแทน


 



หนังสือดังกล่าวระบุว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ห่วงใยสถานการณ์ปัจจุบัน ตั้งแต่ที่ประธาน คมช. ได้เลือกนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเข้ามาบริหารประเทศ จนถึงขณะนี้เห็นว่า คณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บริหารงานไร้จุดหมายปลายทาง รอเวลาเพียงให้ครบอายุรัฐบาลนี้เท่านั้น จึงมีความอึดอัดและทนต่อไปไม่ได้ ขอให้ประธาน คมช.พิจารณาปลดนายกรัฐมนตรี ตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย โดยเหตุผลที่จะให้ปลดนายกรัฐมนตรี เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมิได้ปฏิบัติตามพันธะสัญญา 4 ข้อ ที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ให้ไว้กับประชาชน



 


หนังสือดังกล่าวยังระบุว่า การบริหารประเทศมีความล่าช้า ขาดประสิทธิภาพอย่างสูง รัฐบาลไม่มีแนวทางในการทำงาน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะไม่กลับมาอีก นอกจากนี้ ยังไม่ให้ความร่วมมือปราบปรามการทุจริตของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไม่ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ เป็นการเปิดช่องทางให้บุคคลที่ไม่ดี ต้องการขายสมบัติชาติ นำมาดำเนินการได้เสมอ รวมทั้งยังไม่ดำเนินการเพื่อคืนความเป็นธรรมให้เอกชน เช่น บริษัท ทีพีไอ ลูกหนี้รายย่อย เกษตรกรที่เป็นหนี้อันเกิดจากนโยบายประชานิยมก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาด้านเศรษฐกิจและสังคมยังไม่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น หน่วยงานของรัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจยังมีการทุจริต และไม่ได้รับการแก้ไขเช่นกัน



 


 


กระทรวงพ.ม.เปิดประเด็น ปรับมิติทำงานชนเผ่าในไทย


กรมประชาสัมพันธ์ - นายแพทย์พลเดช  ปิ่นประทีป  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  กล่าวภายหลังปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ทุนทางสังคมของกลุ่มชาติพันธุ์กับพลังในการพัฒนาสังคม ณ เวทีเสวนากลุ่มชาติพันธุ์ทั่วประเทศที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า  ขณะนี้มีข้อมูลว่ามีกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยกว่า 20 ชนเผ่า มีประชากรประมาณ 1 ล้าน 2 แสนคน ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดนและตามภูเขา  ที่ผ่านมาพบว่า 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ละเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับชนเผ่าเท่าที่ควร  ซึ่งแท้ที่จริงชนเผ่าเหล่านี้มีทุนทางสังคมที่แข้มแข็ง  แต่กลับถูกคนในสังคมมองคนเหล่านี้เหมือนวัตถุที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ทางการค้า  และการท่องเที่ยว ซึ่งไม่สอดคล้องกับความมั่นคงของมนุษย์และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  ดังนั้นจึงต้องปรับทัศนคติคนไทย อีกทั้งปรับวิธีคิด รวมทั้งปรับการทำงานของหน่วยงานราชการเพื่อทำความเข้าใจกับกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ให้ร่วมพัฒนาสังคมไปพร้อม ๆ กัน



รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยัง กล่าวด้วยว่า การทำงานของหน่วยงานรัฐต้องมีการประสานกันเป็นอย่างดี เพราะชนเผ่าถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม ทั้งนี้การทำงานต้องอาศัยมิติความมั่นคงของมนุษย์และ ความมั่นคงของประเทศ และยอมรับว่าที่ผ่านมาอาจจะมีการปลอมปนของแรงงานต่างด้าวที่เข้ามารวมกลุ่มกับชนเผ่าที่อยู่ดั้งเดิมซึ่งต้องหาทางแก้ไข ขณะที่กลุ่มที่อยู่เดิมนั้นควรจะได้รับการรับรองสัญชาติหากพิสูจน์ได้จริง แต่กลุ่มแรงงานเถื่อนต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย




 


 


การเมืองครอบงำฉุดธรรมาภิบาลรัฐวิสาหกิจ


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - "เดือนเด่น"เผยผลวิจัยธรรมาภิบาลรัฐวิสาหกิจ ถูกการเมืองครอบงำ ขาดความโปร่งใส ให้อำนาจรัฐมนตรีตั้งผู้ทรงคุณวุฒิไม่สอดคล้องสายงาน จี้รัฐแก้ไขโดยด่วน พร้อมเปิดให้ประชาชนและสังคมร่วมตรวจสอบข้อมูลได้  ระบุการบริหารของรัฐวิสาหกิจควรอยู่ภายใต้การแข่งขันตลาด



รศ.ดร.ไพโรจน์  วงศ์วิภานนท์  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวถึงผลงานวิจัยเรื่อง "ธรรมาภิบาลในองค์กรของรัฐ : กรณีศึกษารัฐวิสาหกิจไทย" ว่า จากการศึกษาได้สมมติฐานว่า รัฐวิสาหกิจมีปัญหาการกำกับดูแลกิจการ ทำให้คุณภาพของเกณฑ์มาตรฐานการกำกับดูแลกิจการหรือธรรมาภิบาลต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากโครงสร้างสำคัญ ได้แก่ องค์กรมีหลายเป้าหมายหรือขาดเป้าหมายที่ชัดเจน ถูกนักการเมืองหรือผู้มีอำนาจใช้อิทธิพลการเมืองในรัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ เพราะนักการเมืองได้ประโยชน์จากกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ



 


ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจไทยมีปัญหาอยู่หลายด้าน โดยปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนจะต้องแก้ไขคือ การถูกแทรกแซงทางการเมืองในการตั้งกรรมการของรัฐวิสาหกิจ เพราะการตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีจะเป็นผู้ตั้งกรรมการเข้าไป โดยมีกระบวนการที่ไม่โปร่งใส ไม่สามารถตรวจสอบได้ วิธีการแก้ไขจะทำได้ โดยเน้นที่การเปิดเผยข้อมูลการคัดเลือกกรรมการให้แก่ประชาชนเพื่อสามารถที่จะตรวจสอบได้



 


ดร.เดือนเด่น กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลการตั้งกรรมการรัฐวิสาหกิจกล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ ให้สังคมเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะขณะนี้บางรัฐวิสาหกิจมีการตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการตั้งแต่ 1-17 คน ซึ่งบางคนไม่ทราบว่า มีคุณสมบัติเหมาะสมหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ขณะที่ต่างประเทศกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะมีคุณวุฒิที่ตรงกับรัฐวิสาหกิจ เช่น หากเป็นด้านบัญชีก็ต้องมีคุณสมบัติประสบการณ์ทางด้านบัญชี หากรัฐวิสาหกิจมีกรรมการที่ดี มีคุณสมบัติที่เหมาะสม เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดีขึ้น



 


ขณะเดียวกันปัญหาสำคัญของรัฐวิสาหกิจที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนอีกข้อหนึ่งคือ ต้องให้รัฐวิสาหกิจอยู่ภายใต้แรงกดดันของตลาดให้มากขึ้น เพราะเมื่อรัฐวิสาหกิจต้องแข่งขันภายใต้แรงกดดันของตลาด จะมีการพัฒนา มีการปรับตัว มีการลดต้นทุน เพราะจำเป็นจะต้องดำเนินการในด้านต่างๆ เช่น การออกไปโรดโชว์ การระดมทุน แต่ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจบางแห่งไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายบางฉบับ ทำให้ไม่อยู่ในแรงกดดันของตลาดเท่าที่ควร



 


ดร.เดือนเด่น กล่าวอีกว่า หากพิจารณาในเชิงปัจจัยโครงสร้าง ยังพบด้วยว่า รัฐวิสาหกิจมีปัญหานับตั้งแต่วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ซึ่งรัฐวิสาหกิจขาดความชัดเจนในการดำเนินงานและเป้าหมายในการทำงาน แต่ละอย่างทำให้ยากต่อการลงโทษกรรมการและผู้บริหารเมื่อมีการตัดสินใจที่ผิดพลาด รวมถึงยากต่อการประเมินผลรัฐวิสาหกิจเองด้วย



 


ปัญหาการประเมินผลรัฐวิสาหกิจ จะพบว่าบางรัฐวิสาหกิจอย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) มีผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง เพราะต้องวิ่งในเส้นทางที่ถูกกำหนดให้ต้องเดินรถ ซึ่งเป็นการดำเนินงานเพื่อสังคม ทำให้ไม่มีกำไรติดหนี้ค่าน้ำมันบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ทำให้พนักงานไม่ได้รับโบนัส รวมทั้งองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก็เช่นกัน



 


ขณะที่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) จะกำหนดตายตัวว่า แต่ละปีจะได้รับโบนัส 4 เดือน โดยไม่ผูกมัดกับผลการดำเนินงาน ด้านกติกาดูแลรัฐวิสาหกิจ พบว่าการที่รัฐวิสาหกิจได้รับการยกเว้นบางเรื่องในการจัดตั้งบริษัทลูก เช่น เรื่องผลตอบแทนกรรมการการจัดซื้อพัสดุ ทำให้รัฐวิสาหกิจต้องการตั้งบริษัทลูก โดยกรรมการรัฐวิสาหกิจต้องการเป็นกรรมการบริษัทลูกเพื่อจะได้เข้าไปรับเงินเดือนที่แพง จึงเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบและพิจารณาเพิ่ม



 


 


เศรษฐกิจ


 


 


"ฉลองภพ" ปัดถกนายกฯกรณีออกหวยบนดินพันธุ์ใหม่


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรี โดยปฏิเสธว่า ไม่ได้หารือเรื่องการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลประเภท 2 ตัว 3 ตัว แต่เป็นการหารือกับนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรมกรณีการตีความภาษีศุลกากรเหล็กซิลิคอนที่มีปัญหายืดเยื้อมานาน 4 ปี  ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ที่กรมสอบสวนพิเศษ หรือ ดีเอสไอเพื่อให้เร่งรัดให้มีการสรุปแนวทางหรือดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าจะมีการเปรียบเทียบปรับและให้มีความชัดเจนโดยเร็ว


 


ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าตนมีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมการประชุมประจำปีของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียและการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 ครั้งที่ 10 ในวันพรุ่งนี้ซึ่งอาจถูกถามในกรณีดังกล่าวก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามกล่าวว่ายังไม่มีประเด็นหลักในการหารือในเรื่องการขอกู้เงินเพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าแต่อย่างใด


 


 


สนช.จ้องล้ม "พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ" เล็งคุมแปรรูปครบวงจร


ผู้จัดการออนไลน์ - สนช.จ้องล้ม พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ทีดีอาร์ไอ เตรียมวางเกณฑ์ใหม่คุมแปรรูปรัฐวิสาหกิจครบวงจร เริ่มตั้งแต่กำหนดประเภท ตัดสิทธิพิเศษเหนือคู่แข่ง รับฟังความเห็นประชาชนอย่างแท้จริง จนถึงการกระจายหุ้น หวังสกัดการเมืองล้วงลูก


 


นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านเศรษฐกิจยุคสารสนเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยในฐานะประธานคณะกรรมการยกร่าง พ.ร.บ.กำหนดหลักเกณฑ์กิจการและขั้นตอนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือ พ.ร.บ.กำกับดูแลการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยระบุว่า นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเพื่อทำหน้าที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ที่จะดูแลการแปรรูปครบวงจรตั้งแต่การแปลงสภาพจนถึงการขายหุ้น ทดแทน พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542 ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง นักวิชาการจากทีดีอาร์ไอ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยคาดว่าจะจัดทำแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.นี้ เพราะขณะนี้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดยนายโสภณ สุภาพงษ์ ได้เสนอร่างกฎหมายยกเลิก พ.ร.บ.ทุนฯ โดยเห็นว่า พ.ร.บ.ทุนฯ มีปัญหา ทำให้การแปรรูปฯ ที่ผ่านมามีปัญหาด้วย จึงเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายแปรรูปเป็นการเฉพาะสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง


 


ส่วนกระทรวงการคลังมีความเห็นตรงกันว่าพ.ร.บ.ทุนฯ มีปัญหา ควรมีกฎหมายใหม่ขึ้นมาอุดช่องโหว่พ.ร.บ.ทุนฯ ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดของสนช.ที่ยกเลิกพ.ร.บ.ทุนฯ เพียงอย่างเดียว จึงเป็นที่มาในการศึกษายกร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมา


 


นายสมเกียรติ กล่าวว่า หลักการในการร่างกฎหมาย เริ่มจากพ.ร.บ.ทุนฯ มีปัญหาเพราะมีแต่ขั้นตอนการแปลงสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท ไม่ครอบคลุมถึงการขายหุ้น และไม่มีหลักเกณฑ์ว่าการแปรรูปครบวงจรควรจะทำอย่างไร แต่กลับให้อำนาจคณะกรรมการการแปรรูป ซึ่งมีโครงสร้างมาจากนักการเมือง ทำให้การตัดสินใจใช้อำนาจและดุลพินิจมากเกินไป ขาดหลักเกณฑ์ที่ดี นอกจากนี้ กระบวนการแปรรูปในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนจะต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง


 


นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ในส่วนขั้นตอนการกระจายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป ที่ผ่านมามีข้อบกพร่องในการจัดสรรหุ้นให้ทั่วถึงและเป็นธรรม เพราะผู้ที่ได้รับการจัดสรรจะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดนักการเมือง หรือผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย ทำให้การกระจายหุ้นที่ผ่านมาไม่โปร่งใส และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ดังนั้น จึงจะต้องกำหนดวิธีการกระจายหุ้น วิธีการตีราคามูลค่าหุ้น และสัดส่วนการกระจายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ชัดเจนและเป็นธรรม


 


 


"โฆสิต" ขีดเส้นตายรอคำตอบ "เจบิก" กรณีเงินกู้รถไฟฟ้าถึง ส.ค.


เว็บไซต์คมชัดลึก - นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการหารือกับกระทรวงคมนาคม ได้รับคำยืนยันว่า รายละเอียดในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 5 เส้นทางนั้น ในขณะนี้มีความพร้อมแล้ว รอแต่เพียงความชัดเจนเรื่องแหล่งเงินลงทุนเท่านั้น โดยตนได้รับเรื่องมาสอบถามความชัดเจนกับกระทรวงการคลังในประเด็นดังกล่าว



 


ล่าสุดในการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันว่า ที่ผ่านมากระบวนการขอกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า 3 สายแรก คือสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) สายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ ) และสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-ท่าพระ และบางซื่อ-บางแค) ได้มีการเจรจาเพื่อขอเงินกู้กับธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทสญี่ปุ่น หรือ เจบิกไปแล้ว ดังนั้น จะรอคำตอบที่ชัดเจนกับเจบิกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง ได้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในการรอคำตอบ โดยกำหนดเส้นตายว่า ถ้าจนถึงเดือนสิงหาคม เจบิกไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ไทยจะใช้เงินกู้ หรือแหล่งเงินในประเทศ ดำเนินโครงการทั้งหมด โดยไม่รอเจบิกอีกต่อไป



 


"เราได้บอกไปแล้วว่าจะทำโครงการเหล่านี้แน่นอน และกระทรวงการคลังก็เห็นสอดคล้องกันว่า หากถึงเส้นตาย เจบิกไม่มีคำตอบก่อนเดือนสิงหาคมนี้ เราจะใช้เงินในประเทศทำโครงการทันทีไม่รออีกต่อไป" นายโฆสิต กล่าว


 


 


สมาคมหมูสนับสนุนนโยบายการส่งออกของรัฐ


กรมประชาสัมพันธ์ - นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ  เปิดเผยว่า การที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะจัดทำแผนการส่งออกเนื้อสุกร 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ภายใน 3-5 ปี โดยจะนำแผนดังกล่าวเข้าเสนอต่อองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ หรือ OIE ตรวจสอบและรับรองการปลอดโรคในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ เพื่อเพิ่มโอกาสการส่งออกนั้น เป็นเรื่องที่ดีและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง



เนื่องจากปัจจุบัน ผลผลิตเนื้อสุกรของไทยมีมาตรฐานการผลิตอยู่ในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มเลี้ยงสุกร หรือโรงชำแหละมาตรฐานส่งออก แต่ด้วยปัญหาของโรคปากเท้าเปื่อยทำให้ไทยกลับสามารถส่งออกเนื้อสุกรได้ในบางประเทศเท่านั้น เช่น ฮ่องกงและประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น หาก OIE ให้การรับรองมาตรฐานการปลอดโรคดังกล่าวแก่ไทย ก็จะทำให้ไทยมีโอกาสในการเพิ่มตลาดส่งออกไปยังญี่ปุ่นและรัสเซีย ซึ่งมีปริมาณการบริโภคเนื้อสุกรในปี 2549 สูงถึง 2,530,000 ตันและ 2,580,000 ตันตามลำดับ นับเป็นตลาดบริโภคเนื้อสุกรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมถึงตลาดอื่นๆ ในสหภาพยุโรปอีกด้วย



ทั้งนี้ ผลสำคัญที่เกิดขึ้นตามมา ก็คือ จะช่วยให้ราคาของเนื้อสุกรในระยะยาวมีเสถียรภาพ   ขณะที่เกษตรกรผู้เลี้ยงก็ไม่ต้องประสบกับภาวะขาดทุน ด้านผู้บริโภคก็ได้บริโภคเนื้อสุกรในราคาที่สมเหตุสมผล



 


 


คาดไทยพร้อมเปิดเสรีการบินทั้งขนส่งสินค้า-ผู้โดยสารภายในปี 2558


ผู้จัดการออนไลน์ - นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการเปิดเสรีการบินและการขนส่งทางอากาศ ว่า ได้หารือร่วมกับตัวแทนสายการบินทุกสาย อาทิ การบินไทย นกแอร์ ไทยแอร์ เอเชีย และโอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์ เป็นต้น ถึงแนวทางที่จะดำเนินการในอนาคตเพื่อรองรับการเปิดเสรีการบินที่จะเกิดขึ้นตามแนวนโยบายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือถึงประเด็นที่จะทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น คือ เรื่องกติกาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และประเทศอื่นที่จะบินลง เพราะหากไม่ศึกษาหรือเรียนรู้อาจทำให้ถูกปรับเงินภายหลังได้ โดยเรื่องนี้กรมการขนส่งทางอากาศต้องไปดูว่าจะมีกฎกติกาใดบ้างที่จะต้องพัฒนาและปรับให้เกิดความสอดคล้องกัน รวมถึงจัดระบบข้อมูลของประเทศต่างๆ ให้ดี และสายการบินจะต้องยอมรับในกฎต่างๆ ด้วยเช่นกัน


 


นายสรรเสริญ กล่าวว่า แนวโน้มในอนาคตทางด้านการบินมีการเปิดเสรีมาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว และในปี 2551 จะเปิดบินระหว่างเมืองหลวงกับเมืองหลวง และคาดว่าจะสามารถเปิดเสรีได้เต็มที่ไปยังจุดใดก็ได้ภายในปี 2558 แต่เฉพาะภายในอาเซียน ทั้งขนส่งสินค้าและขนส่งผู้โดยสาร โดยเครื่องบินของประเทศไทยสามารถขนส่งสินค้าและผู้โดยสารไปยังจุดใด และขนส่งมากเท่าใดก็ได้ตามที่ตกลงกันกับประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงสิทธิที่ 5 ของการบิน คือ การที่สายการอื่นๆ มาลงที่ประเทศไทย และสามารถบินต่อไปยังประเทศอื่นได้ ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วว่าจะเปิดกว้างเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น และต้องดูแผนว่าสายการบินจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันอย่างไรบ้างในการเตรียมตัวเพื่อการแข่งขัน เพราะการที่สายการบินในลักษณะนี้ คือ ส่วนมากจะทำให้เกิดราคาที่ต่ำ ซึ่งก็ต้องดูแลและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสายการบินที่เป็นของไทย อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาด้านการขนส่งสินค้า หรือคาร์โก และการอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารนั้น ในขณะนี้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงให้ดี


 


ส่วนการขนส่งสินค้าที่ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น นายสรรเสริญ เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างการประเมินภาพรวมเรื่องการให้บริการผู้โดยสารและให้ศึกษาเรื่องการใช้เป็นการขนส่งสินค้าควบคู่ไปด้วยในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 4-5 เดือนจากนี้


 


 


 


ต่างประเทศ


 


 


ผู้นำยูเอ็นตั้ง3ทูตพิเศษสู้ปัญหาโลกร้อน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ผู้นำยูเอ็นเอาจริงแก้ปัญหาโลกร้อน ตั้งทูตพิเศษ 3 คน ช่วยประสานงาน ประกอบด้วยอดีตนายกฯนอร์เวย์ อดีตผู้นำชิลี และอดีตรมว.ต่างประเทศเกาหลีใต้



 


นายบัน กี-มูน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเมื่อวันอังคาร (1 พ.ค.) แต่งตั้งทูตพิเศษเพื่อประสานงานด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ได้แก่ นายโกร ฮาร์เลม บรันดต์แลนด์ อดีตนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ นายฮัน เซียง-ซู อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และนายริคาร์โด ลากอส อดีตประธานาธิบดีชิลี บุคคลทั้งสามจะประสานงาน สนับสนุนการหารือปัญหาโลกร้อนของนายบันกับรัฐบาลชาติต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำไปสู่การผลักดันสร้างความคืบหน้าแก้ปัญหาระดับพหุภาคี



 


นายบันมองว่าประเด็นโลกร้อนเป็นหนึ่งในภารกิจต้นๆ ที่ต้องผลักดันนับแต่รับตำแหน่งผู้นำยูเอ็นเมื่อเดือนมกราคม เขาเตือนหลายครั้งว่าปัญหาโลกร้อนไม่เพียงส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ แต่เกี่ยวพันกับประเด็นสันติภาพและความมั่นคงด้วย นอกจากนั้น การตั้งทูตพิเศษโลกร้อนยังมีขึ้นขณะนานาชาติให้ความสำคัญกับปัญหานี้มากขึ้น



 


ทั้งนี้ นายบรันดต์แลนด์ อดีตนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ช่วงทศวรรษ 80-90 มีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการโลกว่าด้วยการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องการพัฒนาแนวทางการเมืองเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน แนวคิดนี้นำไปสู่การประชุมสุดยอดด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อปี 2535



 


ด้านนายฮัน เคยเป็นประธานที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นสมัยประชุมที่ 56 ปัจจุบันเป็นประธานที่ประชุมน้ำเกาหลี ส่วนนายลากอส  อดีตผู้นำชิลีช่วงปี 2543-49 เป็นประธานมูลนิธิประชาธิปไตยและการพัฒนาที่เขาก่อตั้งขึ้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน



 


ขณะเดียวกัน นายโคจิ โอมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น จะประกาศให้เงินอุดหนุน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อก่อตั้งกองทุนพิเศษส่งเสริมพลังงานสะอาดและการก่อสร้างสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างการประชุมประจำปีธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) กองทุนดังกล่าวจะส่งเสริมพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และส่งเสริมการสร้างสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม งนี้ ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 8 ชาติ (จี 8) และกำลังหาทางนำเสนอตัวเองว่าเป็นผู้นำในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน


 


 


เกาหลีใต้ประกาศยึดทรัพย์ผู้สนับสนุนญี่ปุ่นสมัยอาณานิคม


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศแผนการเป็นครั้งแรกที่จะยึดทรัพย์ของบรรดาพวกที่สมรู้ร่วมคิดกับญี่ปุ่น ในสมัยที่เกาหลีใต้ตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น โดยรัฐบาลได้เตรียมจะยึดที่ดินมูลค่า3,600 ล้านวอน หรือราว 136 ล้านบาท จากบรรดาทายาทของบุคคล 9 คน ที่ถูกกล่าวหาว่าทำงานให้ญี่ปุ่น ในช่วงที่ญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลี เมื่อปี 2453 - 2488


 


นายคิม ชาง-กุ๊ก ประธานคณะกรรมาธิการดำเนินการในนามของประธานาธิบดี กล่าวว่า บรรดาเจ้าของที่ดินที่จะถูกยึดทรัพย์ สามารถยื่นคัดค้านต่อการตัดสินใจของรัฐบาลได้ แต่การยึดทรัพย์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของอีกหลายครั้งที่จะตามมา เพื่อให้เกาหลีใต้ได้กอบกู้เกียรติของประชาชนเกาหลี ที่ถูกล่วงละเมิดโดยจักรวรรดิญี่ปุ่น พวกที่สนับสนุนญี่ปุ่น และพวกที่มีพฤติกรรมที่ไม่รักชาติ


 


ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการขายทรัพย์สินที่ถูกยึด จะนำไปช่วยเหลือพวกที่ต่อต้านการยึดครองของญี่ปุ่น ในระหว่างที่ตกเป็นอาณานิคม รวมถึงทายาทของคนเหล่านี้ และโครงการระดับชาติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวแยกตัวเป็นเอกราชอีกด้วย


 


 


ชาเวซขู่ฟ้องต่างชาติทำลายบ่อน้ำมัน


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - "ฮิวโก ชาเวซ" กล่าวหาบริษัทน้ำมันต่างชาติทำลายแหล่งน้ำมันดิบในลุ่มน้ำโอริโนโค หลังยึดโครงการน้ำมันร่วมทุน 4 แห่งเข้าเป็นของรัฐ พร้อมแสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ต้องการเจรจากับโคโนโคอีก


 


รัฐบาลเวเนซุเอลาภายใต้การนำของนายฮิวโก ชาเวซ ประธานาธิบดี เข้าควบคุมการดำเนินงานในโครงการน้ำมันดิบบริเวณลุ่มน้ำโอริโนโค ของกลุ่มบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก โดยส่งกลุ่มคนงานที่มีกองทัพหนุนหลังเข้ายึดโครงการมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นายชาเวซกล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นการยุตินโยบายที่กำกับโดยสหรัฐ ซึ่งเปิดแหล่งสำรองน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกนี้ให้กับการลงทุนของต่างชาติ


 


นายชาเวซกล่าวระหว่างฉลองชัยชนะในการเข้ายึดกิจการน้ำมันทั้งหมดที่ดำเนินการโดยต่างชาติว่า บริษัทน้ำมันต่างชาติสนใจแต่ผลกำไรของตัวเอง ทำให้ทรัพย์สมบัติของชาติได้รับความเสียหายร้ายแรง และบริษัทเหล่านี้อาจถูกฟ้องร้องได้


 


เวเนซุเอลาร้องเรียนมานานหลายปีว่า บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่เข้าไปดำเนินกิจการในลุ่มน้ำโอริโนโคโดยดึงน้ำมันขึ้นมากลั่นเพียง 7-10% ของน้ำมันใต้พื้นผิว ปล่อยให้ส่วนที่เหลือติดอยู่ใต้พื้นดิน



ทั้งนี้ เปโตรเลออส เดอ เวเนซุเอลา บริษัทน้ำมันของรัฐ เข้าควบคุมกิจการโครงการน้ำมัน
4 แห่งบริเวณลุ่มน้ำโอริโนโค ประกอบด้วย เซอร์โร เนโกร เปโตรซูอาตา ซินคอร์ และฮามาคา ซึ่งปัจจุบันผลิตน้ำมันดิบวันละประมาณ 525,000 บาร์เรล แต่มีความสามารถในการผลิตวันละ 600,000 บาร์เรล


 


บริษัทต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับโครงการน้ำมันทั้ง 4 ได้แก่ เอ็กซ์ซอน โมบิล และเชฟรอนของสหรัฐ บีพีของอังกฤษ สแตทออยล์ของนอร์เวย์ และโทเทลของฝรั่งเศส ลงนามในข้อตกลงยินยอมให้เปโตรเลออสเข้าควบคุมกิจการตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่โคโนโคฟิลิปส์ยังไม่ยอมลงนามพร้อมยืนยันว่า บริษัทต้องการเจรจากับคณะบริหารของนายชาเวซ เพื่อรับประกันการดำเนินงานอย่างโปร่งใส เป็นระเบียบ และปลอดภัย


 


 


 


สิ่งแวดล้อม


 


 


กรมธรณีเตือน10จังหวัดเสี่ยง"น้ำป่า-ดินถล่ม"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - กรมอุตุนิยมวิทยาระบุโลกร้อน อากาศแปรปรวน ส่งผลดีเปรสชั่นก่อตัวบริเวณอ่าวไทยผิดฤดูกาล เผยเคยเกิด เมื่อปี 2504 ขณะที่กรมทรัพยากรธรณี ลงพื้นที่ อ.แม่สอด ซักซ้อม 20 หมู่บ้านเสี่ยงภัย เตือน 10 จังหวัดเขตที่ดีเปรสชั่น พัดผ่านระวังภัยดินถล่มน้ำป่าไหลหลาก ส่วนที่จ.ตรัง อาจเกิดจากรอยแยกของภูเขาหินปูน



 


นายศุภฤกษ์  ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า จากสถิติของพายุที่พัดผ่านเข้ามาใน ประเทศไทย ซึ่งกลุ่มภูมิอากาศ สำนักพัฒนาอุตุนิยมวิทยา เก็บสถิติไว้ระหว่างปี 2494-2549  มีพายุดีเปรสชั่นที่พัดเข้ามาประเทศไทยเพียง 1 ลูกในช่วงเดือนเมษายน 2504 หรือเมื่อ 46 ปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่จะพัดเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเดือนพฤษภาคม มาจากเพียง 6 ลูกโดยส่วนใหญ่จะก่อตัวแถวทะเลจีนใต้และพัดผ่านมาในไทย ส่วนดีเปรสชั่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีการก่อตัวในแถบอ่าวไทย ทั้งที่ปกติการเกิดพายุช่วงนี้น่าจะเป็นแถวอันดามัน



 


ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการ เปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  พายุดีเปรสชั่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้ค่อนข้างน่าสนใจหลายเรื่อง ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากสภาพอากาศแปรปรวนของช่วงปีนี้ โดยสันนิษฐานว่าความผิดปกติของกระบวนการเกิดมาจากหย่อมความกดอากาศต่ำในอ่าวไทย ที่รวมตัวกันและขยายเป็นวงขนาดใหญ่เป็นดีเปรสชั่น ซึ่งเป็นความผิดปกติเรื่องแรก



 


เนื่องจากพายุหมุนเขตร้อนจะมาจากทะเลจีนใต้ที่จะพัดเข้าไทยในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม แต่พายุลูกนี้ฟอร์มตัวในอ่าวไทย และยังมาผิดฤดูกาลผิดช่วงเวลา อย่างไรก็ตาม ถ้าพายุเคลื่อนขึ้นบกแล้วจะลดระดับความแรงลงได้ แต่หากลงทะเลและมีปัจจัยดังกล่าวมาแล้วก็น่าเป็นห่วง



 


ด้านนายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่องพายุดีเปรสชั่นแถวอ่าวไทยตอนบน ขณะนี้กรมทรัพยากรธรณีได้ออกประกาศเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ภูเขาสูงหุบเขาและหมู่บ้าน เสี่ยงภัยดินถล่มภาคใต้และภาคตะวันตกบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดราชบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง



โดยเฉพาะในเขต อ.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์  อ.เมือง อ.ท่าแซะ อ.ปะทิว จ.ชุมพร อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี อ.ลานสกา อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ให้เฝ้าระวังภัยจากดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากในช่วง 1-3 วันนี้



 


อย่างไรก็ตาม  เบื้องต้นเครือข่ายเฝ้าระวังดินถล่มในเขตพื้นที่ดังกล่าวได้รายงานว่า ปริมาณฝนที่ตรวจวัดได้ยังอยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็ขอให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติ



อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า การรับมือดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากทั่วประเทศนั้น ขณะนี้ได้เดินทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี มาซักซ้อมและทบทวนเครือข่ายการเฝ้าระวังภัยธรรมชาติที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งมีหมู่บ้านเสี่ยงภัยในเขตที่ลาดเชิงเขาจำนวน 20 หมู่บ้าน หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้กลับไปทบทวนในเขต 9 จังหวัดพื้นที่ภาคเหนือแล้ว โดยเฉพาะที่ อ.ท่าปลา อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และจ.เพชรบูรณ์ เป็นต้น  พบว่าเครือข่ายมีความ ตื่นตัวกับเรื่องนี้มาก ทั้งนี้หากเครือข่ายที่ทำหน้าที่เห็นว่ามีระดับน้ำฝนเกิน 100 มิลลิเมตรต่อวันก็จะแจ้ง ให้อพยพชาวบ้านทันที แต่ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น ความลาดชันของเขา เป็นต้น



 


ส่วนกรณีหินขนาด 2 ตันหล่นจากเขามาทับคนที่รีสอร์ทในเกาะเหลียง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นั้น นายอภิชัย กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าบริเวณพื้นที่จ.ตรัง เป็นเขาหินปูน ซึ่งเดิมลักษณะทางธรณีวิทยาอาจมีรอยแยกอยู่แล้ว จนกระทั่งมีฝนตกหนักมาก จึงอาจเป็นไปได้ว่ารอยแตกดังกล่าวจะเป็นปัจจัยให้หินก้อนดังกล่าวแตกหักลงมาทับบ้านเรือนที่ตั้งตีนเขา ทั้งนี้ขอให้ประชาชนช่วยสังเกตรอยแยกของดินภูเขาว่า ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นไม่ว่าในพื้นที่ไหนขอให้แจ้งมายังกรมทรัพยากรธรณี เพื่อจะได้เข้าไปตรวจสอบ ลดความสูญเสีย


 


 


"โฆสิต" ปลดล็อก เดินหน้าลงทุนนิคมฯ มาบตาพุด 3 แสนลบ.


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. และบริษัทในเครือ ว่าได้ทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนใหม่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ทั้งโครงการปิโตรเคมี และส่วนเกี่ยวข้องที่ทั้ง 2 องค์กร มีแผนจะลงทุนรวม 300,000 ล้านบาท โดยมีความชัดเจนร่วมกันว่าจะลงทุนติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดการปล่อยมลพิษในปัจจุบันก่อน ซึ่งพื้นฐานการปรับลดอัตราการระบายมลพิษคือ โครงการใหม่จะต้องมีอัตราการระบายมลพิษไม่เกินร้อยละ 80 ของปริมาณมลพิษเดิม และร้อยละ 20 ที่ลดลงได้จะคืนกลับสู่บรรยากาศ โดยทั้ง 2 องค์กร จะมีการลงทุนเรื่องการปรับลดมลพิษรวม 7,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ก็จะเริ่มได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งรูปแบบเช่นนี้นับเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชนในพื้นที่จะมีมลพิษน้อยลง ขณะที่การลงทุนขนาดใหญ่ก็จะเดินหน้าต่อไป


 


 "ที่ผ่านมาได้สั่งให้ชะลอการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพราะมีข้อจำกัดเรื่องมลภาวะ แต่ขณะนี้ได้ข้อตกลงที่เป็นที่ยอมรับจากคนในพื้นที่ ที่เป็นแผนลดมลพิษที่ร่วมกัน ทำจากประชาชน ภาคเอกชน และรัฐบาล การลงทุนจึงสามารถเดินหน้าต่อไป โดย ซีอีโอ ของ ปตท.-ปูนใหญ่ ต่างเห็นพร้อมร่วมกัน รวมทั้งการสนับสนุนเรื่องการจัดมูลนิธิ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือชาวบ้านรอบนิคมฯ" นายโฆสิต กล่าว


 


นายโฆสิต กล่าวอีกว่า จากข้อตกลงเรื่องการลดมลพิษดังกล่าว ทำให้เกิดความชัดเจนว่า โครงการลงทุนใหม่ ๆ ด้านปิโตรเคมี หากไม่ก่อมลพิษเพิ่ม ก็สามารถเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้เพิ่มเติมในอนาคต นอกเหนือจากโครงการลงทุน 300,000 ล้านบาทดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้ พื้นที่ที่รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ หรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ด ที่จ.นครศรีธรรมราช ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ยกเว้นจะมีแหล่งทรัพยากรเพิ่มเติม แต่การศึกษาเซาท์เทิร์นซีบอร์ด จะเดินหน้าต่อเนื่อง โดยได้ดึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เข้ามาร่วมศึกษา ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีการสร้างโรงไฟฟ้า และโรงกลั่นน้ำมันในอนาคต


 


สำหรับวงเงินเพื่อช่วยเหลือชุมชนในมาบตาพุดนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า รัฐบาลจะลงทุนเรื่องสาธารณสุข ระบบประปา การบำบัดน้ำเสียประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะที่จะมีการตั้งกองทุนและมูลนิธิดูแลชาวบ้านตามข้อเสนอของท้องถิ่น โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้อนุมัติงบประมาณ 20 ล้านบาท ในการจัดตั้ง และได้เชิญชวนเอกชนร่วมบริจาค ประกอบไปด้วย กองทุนระยองเข้มแข็ง และกองทุนหรือมูลนิธิดูแล 25 ชุมชนรอบนิคมฯ


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net