"โลกบู๊ลิ้ม" คุณธรรมแบบโกวเล้งกับนิตเช่

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

ยุทธจักรนิยายของปรมาจารย์นิยายยุทธจักรแห่งยุค นาม "โกวเล้ง" มิได้เขียนถึง "คนดี" หรือ "คนมีคุณธรรม" แต่ประการใด แต่เขียนถึง "ลูกผู้ชาย" หรือ "คนผู้ยิ่งใหญ่"

 

ส่วน "คนผู้ยิ่งใหญ่" เป็นประการใดนั้น "โกวเล้ง" วิจารณ์โลกทัศน์ของตัวเองไว้ด้วยตนเองใน "โลกบู๊ลิ้ม"

 

ข้าพเจ้ามีโอกาสพบพานสำนวนที่ "โชติช่วง นาดอน" แปลเรื่องราวอันนี้แล้ว รู้สึกชื่นชมเป็นอันมาก จึงขออนุญาตคัดคำให้ปรากฏสู่ยุทธจักรอีกสักครา แม้ว่าชาวบู๊ลิ้มบางท่านอาจจะเคยผ่านสายตามาแล้วไม่รู้ต่อกี่มากน้อย หรืออาจจดจำได้หมดทุกประการแล้วก็ตาม เช่นว่า

 

"ก๊วยไต้โล่ว" เป็นพนักงานคุ้มกันภัย แต่เขาแจกเงินทองที่เขาคุ้มกัน แบ่งให้กับเหล่าโจรยากจนที่คิดปล้นชิง

 

เขามิได้แจกเงินทองเพราะเทิดคุณธรรม หน่ายทรัพย์สิน อันเป็นธาตุแท้ของชาวบู๊เฮี๊ยบ เขาแจกเงินทองเพียงเพราะว่าเขาคือ ก๊วยไต้โล่ว (วีรบุรุษสำราญ)

 

"ซุนเง็กแป๊ะ" มิเพียงไม่ฆ่า "กอเล่าตั้ว" หากแต่ถึงกับยกโฉนดที่ดินให้นาง

 

เขาทำเช่นนี้มิใช่เพราะเขารักศัตรูคู่แค้น เขาจัดการเช่นนี้เพราะว่าเขาคือ ซุนเง็กแปะ (ดาวตกผีเสื้อกระบี่)

 

มิทราบว่าชาวยุทธ์อย่างท่านยังจดจำพฤติการณ์เช่นนี้กันได้หรือไม่

 

000

 

พฤติการณ์และคำพูดเช่นนี้เองในยุทธจักรนิยายของ "โกวเล้ง" ล้วนมาจากกมลสันดาลธาตุแท้ของตัวละคร หรือตัวตนภายในแต่ละคน ที่ไม่ถูกกรอบกฎเกณฑ์สังคมทั่วไปจำกัด ไม่ยี่หระว่าสังคมจะพิพากษาเป็นอย่างไร เป็นไอ้งั่งหรือจอมปราชญ์ เป็นวีรบุรุษหรือเป็นมารร้าย เป็นมังกรหรือเป็นงูดิน หรือแม้กระทั่งเป็นงูดินหรือไส้เดือนก็ยังเป็นมิได้ก็ตาม

 

ข้าพเจ้ายก "โลกบู๊ลิ้ม" ที่เขียนโดยปรมาจารย์โกวเล้ง มิได้หมายแนะให้ผู้ใดอ่าน "โลกบู๊ลิ้ม" เพียงแต่หมายให้ผู้อ่านได้สัมผัสขอบเขตแห่ง "โลกบู๊ลิ้ม" ต่างหาก เพราะในขอบเขต "โลกบู๊ลิ้ม" ของ "โกวเล้ง" คือวิถีแห่งการนับถือใน "คุณธรรมในตนเอง" ที่ไม่คร่ำครึ คือไม่คร่ำครึในคุณธรรมของผู้อื่นอย่างงมงายเหลวไหล

 

ในสายตา "ผู้ยิ่งใหญ่" ของ "โกวเล้ง" คือวิถีที่ล้วนไม่มีข้อจำกัดห้ามตัวตน ไม่ต้องน้อมตามใคร แต่ปฏิบัติไปตามตัวของตนอย่างแท้จริง

 

เหมือนดังตัว "โกวเล้ง" ที่คร่ำเคร่งดื่มสุราไปมากมายจนอาจนับเป็นเหตุที่ทำให้ต้องลาโลกไปก่อนวัยอันควร แต่วัยอันควรควรเป็นเท่าใด และผู้ใดกำหนดหรือว่าต้องเป็นเท่าใด

 

หรือการตายจากโลกนี้ไปด้วยการชราภาพเป็นการดีที่สุดแล้ว?

 

000

 

หากไม่เมามายร่ำสุรา "โกวเล้ง" ย่อมไม่ใช่ "โกวเล้ง" ที่ข้าพเจ้ารู้จัก

 

"โกวเล้ง" ที่ไม่ชมชอบร่ำสุรา ตัวละครเอกของ "โกวเล้ง" ที่ไม่ชมชอบร่ำสุรา ถามว่าจะยังประทับตราตรึงในใจชนชาวโลกได้เช่นเดียวกับที่เป็นทุกวันนี้หรือ

 

ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ติดใจในบรรยากาศการร่ำสุราของ "โกวเล้ง" และสหายน้ำเมาของท่าน

 

ข้าพเจ้าถือว่า "สุรา" เป็นแบบเฉพาะและเป็นความสำเร็จหนึ่งของ "โกวเล้ง"

 

แต่สำหรับชนชาวโลก สุราย่อมเป็นสุราที่ใครต่อใครพร่ำบอกว่ามิใช่สิ่งดีงามอยู่ร่ำไป

 

เรื่องราวในโลกมักเป็นเช่นนี้....

 

000

 

การที่ "โกวเล้ง" เลือกประพฤติปฏิบัติไปตามตัวของตน แม้จะเป็นการนำพาตัวเองไปสู่ที่ตาย หรือที่บรรดาตัวเอกในละครของ "โกวเล้ง" ประพฤติไปตามครรลองนั้น "โกวเล้ง" บรรยายไว้ใน "โลกบู๊ลิ้ม" ของเขาว่า ช่างคล้ายกับ "หลักธรรมโดยตัวตน (Master Morality)" ของ "นิตเช่" นักปราชญ์ชาวเยอรมันอย่างยิ่ง

 

"นิตเช่" บอกว่า คุณธรรมของคนมี 2 ประเภท ประเภทหนึ่งเกิดจากความเป็นตัวของตัวเอง แต่อีกประเภทหนึ่งคือคุณธรรมที่มาจากสำนึกเยี่ยงทาส

 

คุณธรรมแบบ "โกวเล้ง" และผู้ยิ่งใหญ่ใน "โลกบู๊ลิ้ม" ย่อมเป็นแบบแรก

 

เป็นแบบที่ "นิตเช่" ยกย่องว่าปฏิบัติตัวไปตาม "หลักคุณธรรมโดยตัวตน" กระทำการทุกอย่างตามความเชื่อของตน ไม่ใช่ฝืนจำใจต้องกระทำไปตามที่หลักธรรมใดๆ กำหนด

 

ผู้ใดจะสามารถตัดสินคุณธรรมในใจผู้อื่นได้จริงหรือ?

 

000

 

ในโลกแห่งประวัติปรัชญาตะวันตก "นิตเช่" เป็นผู้ท้าทายและรุกกระหน่ำต่อปรัชญาตะวันตกแบบเก่าๆ ในทางศาสนาถึงกับประกาศว่า "พระเจ้าตายแล้ว!" และพุ่งปลายหอกเข้าใส่โลกแห่งคริสตศาสนา ส่วนในด้านคุณธรรม เขาเห็นว่าคำนิยมด้านคุณธรรมที่สืบทอดกันมายาวนานนั้น เป็น "คุณธรรมแบบยาฝิ่น" เป็นคุณธรรมที่สร้างเสริมความเป็นทาสและกลมกลืนเข้าหมู่พวก คนได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปหมด

 

"นิตเช่" จึงเชิดชู Master Morality

 

ใน "โลกบู๊ลิ้ม" ของ "โกวเล้ง" จึงบอกว่า งานของ "นิตเช่" มีเสน่ห์อย่างยิ่ง ทว่าปรัชญาตะวันตกก็คือตะวันตก และแม้งานของ "โกวเล้ง" จะมีร่องรอยความประทับใจจาก "นิตเช่" ชัดเจน แต่ก็เป็นภาพการประสมประสานปรัชญาหลายสำนัก

 

"โกวเล้ง" ล้วนซึมซับและหลอมรวมปรัชญาหลายสำนักเหล่านั้นมาสู่เส้นทางโดยตัวตนเอง

 

เป็นตัวเองเองโดยสิ้นเชิงภายใต้ "โกวเล้ง" ที่เป็นคนเขียนนิยาย

 

"โลกบู๊ลิ้ม" ของเขาล้วนเป็นโลกแห่งนิยาย เพียงแต่สะท้อนความเป็นจริงแห่งยุคสมัยของเขาไว้ คือความเป็นจริงที่ว่า มนุษย์จะต้องแสวงหาและพัฒนาภูมิปัญญาไปสู่จุดที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ

 

ข้าพเจ้าอยากรู้จริงว่า ถึงตอนนี้ ความเป็นจริงของมนุษย์ยุคสมัยนี้ กำลังก้าวหน้าหรือถอยหลังกันแน่

 

000

 

"โลกบู๊ลิ้ม" ของโกวเล้ง ยังมี "เอี้ยก้วย" และมี "กิมย้ง"

 

"เอี้ยก้วย" เป็นตัวเอกในยุทธจักรนิยายของ "กิมย้ง"

 

"กิมย้ง" คือปรมาจารย์ยุทธจักรนิยายแห่งยุคอีกผู้หนึ่ง เมื่อคราว "โกวเล้ง" ยังมีชีวิต

 

ยุทธจักรนิยายเวลานั้นคงมีสีสันมากมาย เพียงแต่เสียดายที่ข้าพเจ้าเกิดไม่ทัน แต่ถึงกระนั้น บรรดาผลงานของปรมาจารย์แห่งยุคเหล่านี้ยังคงตกทอดมาถึงปัจจุบัน

 

เป็นปัจจุบันที่ถางทางสู่ตำนานยุทธจักรนิยายหน้าใหม่ที่กำลังเปิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อ "หวงอี้" สะบัดปากกาแล้วเข้าสู่ทำเนียบยุทธจักรนิยายอย่างอาจหาญ

 

ยามนี้แม้ "โกวเล้ง" จะไม่อยู่ในโลกใบนี้แล้ว หรือ "กิมย้ง" ล้างมือในอ่างทอง เลิกจับปากกาเขียนนิยายยุทธจักรอีก ยุทธจักรนิยายก็ไม่ได้เงียบเหงาเกินไปนัก

 

แต่เวลานี้ "หวงอี้"จะยังไม่ถูกยกมาร่วมสนทนา เพราะข้าพเจ้าปรารถนาจะพูดถึง "เอี้ยก้วย" ใน "โลกบู๊ลิ้ม"ของโกวเล้งก่อนเท่านั้น

 

"โกวเล้ง" วิจารณ์ "จอมยุทธ์อินทรีย์เอี้ยก้วย" ผู้นี้ว่าเป็นตัวละครที่น่ารักที่สุดคนหนึ่งในวงการยุทธจักรนิยายเลยทีเดียว

 

"โลกบู๊ลิ้ม" บอกว่า อารมณ์ความรู้สึกระหว่าง เอี้ยก้วย เสียวเล้งนึ้ง หรือก๊วยเซียง นั้นล้วนเป็นเรื่องราวความรักในนิยามบู๊ลิ้มที่สะเทือนใจผู้คนมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ที่สำคัญที่สุดคือ "กิมย้ง" ได้สร้างท่วงทำนองของยุทธจักรนิยายขึ้น อย่างที่น้อยคนจะแหวกว่ายทะลุไปได้

 

"เอี้ยก้วยรักเสียวเล้งนึ้งอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นกำเนิดหรืออายุของเสียวเล้งนึ้ง ไม่เกี่ยงว่าเธอจะเคยถูกคนสร้างราคีคาวไว้หรือไม่ เขารักเธอก็คือเขารักเธอ ไม่เคยถดถอย ไม่เคยหลบหลีก

 

"ข้าพเจ้ารู้สึกว่า นี่ซิ คือชายที่เป็นลูกผู้ชายแท้จริง

 

"หากว่าเสียวเล้งนึ้ง เนื่องเพราะคิดว่าตนแปดเปื้อนราคีคาว ทั้งคิดว่าตนอายุมากกว่าเอี้ยก้วย ไม่เหมาะสมกับเอี้ยก้วย ดังนั้นจึงยกเอี้ยก้วยให้ก๊วยเซียง พร้อมทั้งกล่าวกับพวกเขาว่า พวกเธอต่างหากจึงเป็นคู่ที่เหมาะสมอย่างแท้จริง พวกเธอร่วมชีวิตกันจึงจะได้รับความผาสุกที่แท้จริง

 

"หากว่าเรื่องจบลงเช่นนั้นจริงๆ ข้าพเจ้าจะต้องโกรธจนกระอักโลหิตเป็นแน่"

 

นี่คำชื่นชมต่อ "ความรัก" นอกกรอบ "ศีลธรรม" ในมุมมองของ "โกวเล้ง"

 

000

 

ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ หากแม้น เสียวเล้งนึ้ง หรือ "เล้งยี้" มีตัวตนจริงๆ และมีตัวตนขึ้นมาในประเทศของข้าพเจ้า ณ ปัจจุบันขณะเล่า เรื่องราวจะเปลี่ยนแปลงเป็นประการใด?

 

หรือจะเป็นเสียวเล้งนึ้งที่หน้าด้านไม่รักนวลสงวนตัวยอมเปลื้องผ้าฝึกวิชากับลูกศิษย์หนุ่ม

หรือจะเป็นเสียวเล้งนึ้งที่มีไฟราคะในตนมากมาย โดยยินดีเสียความบริสุทธิ์กับลูกศิษย์หนุ่มที่ตนเองสอน

หรือจะเป็นเสียวเล้งนึ้งที่ไม่รู้สึกผิดอะไรเลยกับคนที่ตนรักเพราะไปมีสัมพันธ์กับชายอื่น

หรือจะเป็น....ฯลฯ

 

โอว....สำหรับประเทศของข้าพเจ้านั้น "เสียวเล้งนึ้ง" เป็นผู้หญิงที่เลวเสียนี่กระไร

 

000

 

ในโลกที่ไม่ใช่บู๊ลิ้ม แต่เป็นประเทศของข้าพเจ้า หรือโลกที่เป็นจริงของข้าพเจ้า ยาฝิ่นคุณธรรมเหมือนจะถูกปล่อยมาให้ข้าพเจ้าเสพเป็นทาสไปทีละนิดเสียแล้ว

 

เวลานี้ข้าพเจ้ามิอาจพิมพ์คำว่า SEX บนอินเตอร์เน็ต เพราะกลัวเป็นผู้หนึ่ง ใน 500,000 คนที่กำลังล่อลวงตนเองเข้าสู่บาป

 

ข้าพเจ้าเกรงกลัวเหลือเกินกับการร่ำสุรา เพราะบรรดากฎหมายข้อห้ามกำลังถูกตราขึ้นทั้งหนาแน่นและมากมายจนแทบไม่มีที่ทางแบบนี้ให้ข้าพเจ้า สหาย ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง อาจารย์ หรือผู้ใดอีก

 

ข้าพเจ้ากลัวเหลือเกินกับการพูดถึงเรือนร่างของสตรี เพราะเกรงจะเป็นการปลุกเร้าอารมณ์ตนเองขึ้นมาให้ฟุ้งซ่าน

 

ส่วนสตรีนั้นเล่า เรือนร่างกำลังจะถูกพูดถึงหรือเปิดเผยไม่ได้อีกต่อไป คุณธรรมที่ลุกลามเวลานี้ อาจทำให้ต่อไปบรรดาพวกเธอคงต้องสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าเพื่อจะได้ไม่ต้องทอดหางตายั่วยวนบุรุษให้หลงใหล อาจต้องสวมใส่กระโปรงยาวถึงข้อเท้า หรือต้องใส่เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ เพราะการเผยเนื้อหนังอาจไปกระตุ้นบรุษให้เป็นบาปแก่พวกเธอได้

 

หรือจะต้อง...ฯลฯ

 

คุณธรรมแบบนี้กำลังบังเกิดในประเทศของข้าพเจ้าแล้วโดยบรรดาผู้ตั้งตนเป็น "วีรบุรุษ"

 

วีรบุรุษที่บอกตนเองว่าเป็น "วีรบุรุษ"

 

วีรบุรุษแท้จริงควรเป็นประการใด ข้าพเจ้าขอถามไว้ด้วยเนื้อความนี้

 

"คนต่ำทรามในสายตาของชาวโลก

ไม่แน่ว่าล้วนต่ำทรามทั้งสิ้นก็จริง

แต่วิญญูชนในสายตาชาวโลก

จะมีสักกี่คนที่เป็นวิญญูชนที่แท้จริง"

 

ฤทธิ์มีดสั้น แปลโดย ว. ณ เมืองลุง

 

หากในอนาคต "โลกบู๊ลิ้ม" ของท่านปรมาจารย์ "โกวเล้ง" หรือ "กิมย้ง" มิกลายเป็นโลกต้องห้ามไปเสียก่อนด้วยความ "ไร้คุณธรรม" แบบที่ผู้คนบางคนมิพึงใจ

 

ข้าพเจ้าอยากจะขอสนทนาแบบนี้อีกสักหลายครั้ง

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท