ตติกานต์ เดชชพงศ
-1-
บนรถเมล์สายหนึ่งที่แล่นระหว่างรังสิต-สนามหลวง ณ ห้วงเวลามหาสงกรานต์ พนักงานขับรถขี้บ่นต้องทนทำงานร่วมกับกระเป๋ารถเมล์กวนโอ๊ยที่เขม่นกันมานาน (เนื่องจากเคยผิดใจกันด้วยเรื่องผู้หญิง...)
ทั้งสองคนไม่มีใครอยากทำงานในวันหยุดแบบนี้ แต่เงื่อนไขของบริษัทรถโดยสารที่ต้องมีพนักงานสแตนด์บายเอาไว้ ทำให้พวกเขาต้องจำใจมาทำงานอย่างไม่มีทางเลือก (หรือจะเลือก "ตกงาน" แทนก็ได้)
ผู้โดยสารแต่ละคนขึ้นรถคันนี้ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะได้ลง ณ ที่หมายปลายทางที่ต้องการจะไป
แม้ว่าคนขับจะซิ่งราวกับต้องการให้ถึงนรกเร็วๆ ก็ไม่มีกล้าใครว่า หรือจะมีก็แค่แอบด่าในใจ อาจเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าคนขับรถย่อมรู้หน้าที่ของตัวเองดี และที่สำคัญ-ถ้าเขาไม่ขับให้ แล้วใครจะเป็นคนขับ?
สุดท้ายแล้วคนขับก็ซิ่งนรกแตกต่อไป กระเป๋ารถเมล์ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง...
ในที่สุดก็มีผู้โดยสารคนหนึ่งทนไม่ได้ หลังจากที่รถเมล์แล่นเลยป้ายที่เขาต้องการจะลง แถมปฏิกิริยาที่คนขับตอบโต้กลับมาด้วยอารมณ์ก็ไม่น่าปลื้มเอาเสียเลย
ว่าแล้วชายคนนั้นก็ควักปืนขึ้นมาจ่อคนขับ "มึงจะหยุดหรือไม่หยุด - กูมีปืนนะ!"
-2-
ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนบรรยายเรื่องหนังแข่งกับคอลัมน์ Entertainment ที่อยู่ข้างๆ แต่เนื่องจากมีอันให้ต้องไปดูมหรสพในโรงหนังเมื่อไม่กี่วันก่อน...อาการ "เซ็งสาด" และ "ฮาสาด" ที่มาพร้อมกับหนังไทยเรื่อง "เมล์นรก-หมวยยกล้อ" ทำให้ต้องหยิบประเด็นมาคุยกันต่อสักหน่อย
แต่ใครจะรู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ (เกลียด, ชอบ, เฉยๆ หรือว่าเสียดายตังค์) ไม่ใช่ประเด็นที่เกี่ยวพันจนต้องเก็บมาคุย เพราะสิ่งที่ชัดเจนกว่านั้นคือแกนหลักของหนังที่ว่าด้วยการกระทำต่างกรรม-แต่ไม่ต่างวาระ ของผู้คนมากหน้าหลายตาที่อุบัติขึ้นในช่วงเดียวกัน คือ "วันสงกรานต์" ซึ่งสะท้อนภาพบางอย่างของสังคมแบบไทยๆ ได้อย่างตลกร้ายและฮาแตก
ถ้ามองในแง่ของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เราคงต้องรักษาประเพณีอันดีงามนี้เอาไว้ด้วยการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สาวๆ ห้ามใส่สาวเดี่ยวนุ่งสั้นไปเที่ยวให้หนุ่มๆ สาดน้ำ (แต่สาวๆ ชาวต่างชาตินุ่งบิกินีเล่นน้ำที่ถนนข้าวสารได้-ไม่เป็นไร) และลูกหลานที่ดีควรกลับบ้านไปอยู่กับพ่อแม่เพื่อให้ "วันแห่งครอบครัว" สมบูรณ์แบบ ผู้คนต่างถิ่นในเมืองหลวงจึงต้องดิ้นรนยัดทะนานเสี่ยงชีวิตกันไปในรถโดยสารเก่าๆ ที่โชเฟอร์ตีนผีต้องซิ่งทำรอบให้ได้ตามเป้าที่เถ้าแก่ตั้งไว้
ถ้ามองในแง่ของเด็กๆ-เทศกาลแห่งความสนุกได้เริ่มขึ้นแล้ว เพราะครั้งเดียวในรอบปีเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ถือปืนฉีดน้ำยิงใส่ผู้คนริมถนนโดยที่ผู้ใหญ่ไม่ว่า
ถ้ามองในเง่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องคอยดักจับคนเมาขับรถและตั้งด่าน "ตรวจ" พาหนะยวดยานที่ผ่านไปมา นี่คงเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาต้องทำงานหนักยิ่งกว่าการทำงานทั้งปีเสียอีก
ถ้ามองในแง่ของแรงงานต่างถิ่นที่เข้ามาทำงานในเมืองหลวง วันสงกรานต์เป็นวันแห่งการพักผ่อน วันที่จะได้กลับบ้าน แม้ว่าการเดินทางสมบุกสมบันและเบียดเสียดจะรออยู่ ก็ไม่มีใครหวั่น
ไม่ว่าใครจะมอง "สงกรานต์" ในแง่ไหน ความจริงที่แฝงมากับวันนี้ก็คือว่า "มันเป็นวัน (หรือ "ภาวะ") ที่บีบบังคับไม่ให้คนไทยมีทางเลือกมากมายนัก"
อาจจะไม่เคยมีแรงงานคนไหนตั้งคำถามกับนายจ้างว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงต้องรอให้ถึง "วันสงกรานต์" จึงจะสามารถกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วแรงงานที่ทำงานให้กับที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานาน ควรได้รับสิทธิ์ที่จะลาพักร้อนตามเงื่อนไขของกฏหมาย...แต่ส่วนใหญ่พวกเขาต้องรอให้ถึง 5 วันอันตรายในช่วงสงกรานต์เท่านั้น
สำหรับคนที่อยากออกไปไหนต่อไหนเพื่อทำอะไรอย่างที่อยากทำ (และไม่สามารถทำได้ในวันธรรมดา เนื่องจากว่าต้องทำงาน) ก็ต้องทำใจยอมรับความเปียกปอนที่ต้องเผชิญหน้าเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้าน
ไม่ว่าจะอยากถูกสาดน้ำหรือไม่...เมื่อคุณถูกสาดน้ำเข้าไปสักหนึ่งขัน ธรรมเนียมปฏิบัติของวันนี้ทำให้คุณต้องยิ้มรับ ไม่ถือสากับความเปียกปอนที่ไม่ต้องการ
หรือร้ายกว่านั้น ถ้าคุณไม่อยากเปียก คุณก็ต้องเลือกที่จะจำศีลอยู่กับบ้านแทน...
จริงอยู่ว่าการมีวันหยุดในชีวิตเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งมันคงจะดีกว่านี้ถ้ามันเป็นวันหยุดที่เราทุกคนสามารถเลือกได้ว่าจะใช้จ่ายคืนวันเหล่านั้นอย่างไร
แต่มันคงจะดีที่สุด ถ้าเราทุกคนมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะมีชีวิตอยู่ในสังคมแบบไหนในแต่ละวัน...โดยไม่ต้องมีใครมาคอยบงการหรือตัดสินใจแทน
-3-
รถเมล์นรกยังแล่นไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผู้โดยสารถือปืนเริ่มสั่งให้คนขับทำตามความต้องการของตัวเอง
"กูบอกให้มึงเข้าเลนใน ทำไมมึงไม่เข้า"
"มึงแล่นให้ทันรถข้างหน้าแล้วค่อยจอด"
"เออ มึงไม่ต้องจอดแล้ว มีตำรวจตามมา ขับต่อไปเรื่อยๆ...กูรู้ว่ามึงขับเร็วกว่านี้ได้"
"กูเป็นคนดีนะ แต่เพราะมึงน่ะแหละ ทำให้กูต้องใช้กำลัง"
ฯลฯ คำพูดและคำสั่งมากมายเริ่มไหลพรั่งพรูออกจากปากของชายถือปืน...
ผู้โดยสารเริ่มไม่แน่ใจในชะตากรรมของตัวเอง แต่ละคนก็มีปฏิกิริยาต่างกันออกไปตามความคิดคำนึงของตัวเอง ซึ่งทำให้เหตุการณ์บนรถเมล์ยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่
ไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นอย่างไร...
รถเมล์คันนั้นยังแล่นตะบึงต่อไป
ใครก็ได้...บอกผู้ชายถือปืนคนนั้นที
ช่วยจอดป้ายด้วย ผู้โดยสารจะลง...
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)