Skip to main content
sharethis


 


 


ประชาไท - เวทีสันติวิธี ชี้ศาสนาไม่ใช่ตัวสร้างความเกลียดชัง อคติและความระแวง ย้ำต้องใช้ศาสนาดับไฟใต้ หวังทหารแก้ให้ทั้งหมด เป็นความเข้าใจผิด หนุนผู้นำตามธรรมชาติ เพิ่มบทบาทดับไฟใต้


 


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2550 ที่ห้องประชุม SMEs คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สถาบันเครือข่ายรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ภาคใต้ จัดโครงการศึกษาและส่งเสริมการมีสวนร่วมในการจัดทำยุทธศาสตร์สันติวิธีภาคประชาชนในจังหวัดชายมแดนภาคใต้ มีภาคประชาชน ภาคเอกชน อาจารย์และนักศึกษาในจังหวัดสงขลาเข้าร่วม 100 คน โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มย่อยตามสาขาอาชีพ เพื่อระดมความคิดเห็นในการจัดทำยุทศาสตร์ดังกล่าว


 


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ จิตรภิรมย์ศรี ประธานสถาบันเครือข่ายรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ภาคใต้ กล่าวในกรสรุปประเด็นจากการระดมความคิดเห็นว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เห็นว่า ศาสนาไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง อคติและความหวาดระแวงระหว่างประชาชน แต่ความเกลียด อคติและความหวาดระแวงดังกล่าวเกิดจากการนำศาสนาไปใช้ในทางที่ผิด


 


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ กล่าวต่อ การแก้ปัญหาดังกล่าวต้องให้ประชาชนมีความเข้าใจในศาสนาของตัวเองอย่างแท้จริง จึงจะทำให้ความสมาฉันท์เกิดขึ้นได้ หมายความว่าชาวพุทธก็ต้องมีความเข้าใจศาสนาพุทธ ขณะเดียวกันมุสลิมก็ต้องเข้าใจศาสนาอิสลามอย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นสังคมที่มีหลักศาสนา มีคุณธรรม ซึ่งจะทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยสันติวิธี


 


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอ ว่า รัฐต้องเข้าหลักของการเข้าถึง เข้าใจ และพัฒนาอย่างแท้จริงด้วย เช่น การส่งทหารเข้ามาในจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนั้นอาจเป็นความเข้าใจผิด กลับสร้างความหวาดระแวงระหว่างรัฐกับประชาชนเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นแนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหาส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่การส่งเสริมบทบาทของผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้นำทางธรรมชาติในท้องถิ่น เป็นตัวหลักในการแก้ปัญหา โดยรัฐมีหน้าที่ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งในกับองค์ท้องถิ่น โดยใช้หลักการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น ซึ่งน่าจะช่วยแก้ปัญหาในพื้นที่ได้


 


พระครูธีรสุตคุณ เจ้าอาวาสวัดขุนทอง ในฐานะเจ้าคณะตำบลนาหว้า ตำบลจะโหน่ง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหนึ่งเกิดจากรัฐไม่มีควมเข้าใจเกี่ยววิถีชีวิตของชาวมุสลิมในพื้นที่ รวมทั้งภาษาด้วย เช่น การส่งทหารพรานที่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตของมุสลิม ซึ่งการปฏิบัติบางครั้งได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวมุสลิม จนมีการเรียกร้องให้ถอนทหารออกไป เป็นต้น


 


พระครูธีรสุตคุณ  เสนอด้วยว่า แนวทางแก้ปัญหา จำเป็นต้องเน้นในเรื่องศาสนา เมื่อประชาชนมีศาสนาแล้ว การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีก็จะเกิดขึ้นได้ ดังต้องให้ชาวพุทธอยู่กับศาสนาพุทธให้มาก ส่วนมุสลิมก็อยู่กับศาสนาอิสลาม สังคมจึงจะไม่เป็นสังคมที่เรียกว่า โคนไม่ถึงทราย ปลายไม่ถึงน้ำ


 


"ระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบัน เป็นระบบที่แยกเด็กออกจากอกแม่ เพราะมีเวลาเรียนตั้งแต่เข้าจนเย็น ต่างกับที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งอาตมาเป็นผู้ตรวจข้อสอบให้กับพระสงฆ์ที่อยู่ในมาเลเซีย ทำให้รู้ว่าที่นั่น เขาจะสอนหนังสือในช่วงเช้าเท่านั้น ส่วนช่วงบ่ายก็จะให้เด็กไปเรียนศาสนา รวมทั้งศาสนาพุทธด้วย ต่างกับประเทศไทยที่สอนให้เด็กออกห่างจากศาสนา"พระครูธีรสุตคุณ กล่าว


 


นายมาหะมะ โต๊ะยะลา กำนันตำบลป่าชิง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวว่าการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า "บิสมิลลาฮีเราะมานีเราะหีม"หมายถึง ด้วยพระนามของอัลเลาะห์ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปราณีเสมอ เพราะคำสอนอิสลามเป็นเรื่องที่ดี มุสลิมทุกคนก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมใดๆ ต้องเริ่มด้วยคำนี้ ดังนั้นการมีเมตาตาปราณีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมต้องมี ดังนั้นคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ย่อมไม่ใช่มุสลิม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net