Skip to main content
sharethis



ภาคใต้ - "พระราชินี" ทรงรับสั่งปรับแผนคุ้มกันคนงานฟาร์มฯ ม็อบสะบ้าย้อยยอมสลายหลัง "คุณหญิงหมอ" เข้าตรวจปอเนาะ ขณะที่ พตท. เผย 8 กลอุบายป่วนชายแดนใต้


 


 


วันที่ 20 มีนาคม 2550 ที่ห้องประชุมโครงการชลประทานจังหวัดยะลา พล.ร.อ.นคร พิบูลย์สวัสดิ์ หัวหน้าคณะทำงานชุดตรวจเยี่ยมโครงการตามแนวทางพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ชุดที่ 1 จังหวัดยะลา ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการดำเนินงานโครงการฟาร์มตัวอย่างวังพญา - ท่าธง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อติดตามคามคืบหน้าของโครงการ พร้อมปรับแผนการรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ในฟาร์ม


 


พล.ร.อ.นคร พิบูลย์สวัสดิ์ เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายลอบยิงลูกจ้างฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 3 คน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2550 ที่ผ่านมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใย ราษฎรที่ทำงานอยู่ในฟาร์มทั้งหมด จึงได้สั่งการประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อปรับแผนในการรักษาความปลอดภัย โดยได้มอบให้หน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 1 เข้าไปรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัย ทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในฟาร์มตัวอย่างทั้งหมดมีความปลอดภัย


 


ส่วนความคืบหน้าเหตุชุมนุมปิดทางเข้าออกโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสน์วิทยา บ้านควนหรัน ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวในเวลา 13.00 น.วันที่ 20 มีนาคม 2550 หลังจากแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมาธิการติดตามปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมด้วยสื่อมวลชน และทหารอีก 5 นาย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเจรจากับนายดุลเลาะห์ อับดุลเจ๊ะเลาะห์ เจ้าของโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสน์วิทยา ซึ่งเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและกราดยิงจนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในจำนวนนี้เป็นนักเรียน 2 รายบาดเจ็บ 7 ราย


 


คณะของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้เข้าตรวจสอบที่พักนักเรียนปอเนาะ โดยได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวแทนนักเรียนก่อนที่จะระบุว่า อาวุธที่คนร้ายใช้กราดยิงมีอย่างน้อย 4 ชนิด อาทิ ปืนเอ็ม 79, ลูกซอง, เอ็ม 16 นอกจากนี้ ยังพบว่าคนร้ายยังไม่เตรียมระเบิดเพลิงไม่ต่ำกว่า 20 ขวด เพื่อเผาบ้านพักนักเรียน อย่างไรก็ตาม ต้องให้เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง


 


นายดุลเลาะห์ อับดุลเจ๊ะเลาะห์ เจ้าของโรงเรียนปอเนาะบำรุงศาสน์วิทยา ได้เรียกร้องให้สื่อมวลชนแก้ไขข่าวโดยระบุว่านักเรียนคนหนึ่งเสียชีวิตขณะประกอบระเบิด เนื่องจากไม่เป็นความจริง แต่ทั้ง 2 คนเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายกราดยิงบ้านพัก


 


นายดุลเลาะห์ เปิดเผยว่า เหตุที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้าที่เกิดเหตุตั้งแต่เกิดเหตุนั้น เพราะไม่วางใจเจ้าหน้าที่ ประกอบกับไม่มีคนกลางในการประสานระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้าน แต่เมื่อแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และนางอังคณา นีละไพจิตร รับปากจะเป็นพยานระหว่างที่เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุก็รู้สึกสบายใจ จึงยอมให้มีการเข้าพื้นที่ในวันนี้


 


หลังการตรวจสอบและพูดคุยกับชาวบ้าน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้เดินออกมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีและเด็กกว่า 500 คน โดยขอให้ทุกคนไว้วางใจเจ้าหน้าที่ที่จะให้ความเป็นธรรมอย่างดีที่สุด และขอให้ทุกคนกลับบ้าน ซึ่งการเจรจานั้นสร้างความพอใจแก่กลุ่มชาวบ้านและพากันสลายตัวอย่างสงบโดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด


 


ขณะที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการผสมพลเรือน ตำรวจ ทหาร (พตท.) โดย พ.อ.ธีระ ผดุงสุนทร เสธ.ฉก.2 ได้เผยแพร่ "กลอุบาย และกลยุทธ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ" ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ คือ ในส่วนของ "กลอุบาย" ประกอบด้วย อำพรางแก่นแกน, ซุ่มซ่อนยาวนาน, กำหนดเป้าหมาย, รอคอยโอกาส


 


ในส่วนของ "กลลวง" ประกอบด้วย 1.ลอบยิง ได้แก่ ซุ่มยิงด้วยอาวุธปืน จนท.ที่ ลว.ผ่าน/เดินทางผ่าน หรือประชาชนที่สัญจร, ขับขี่จักรยายนต์ 1-2 คัน ซ้อนท้ายคันละ 2 คน/คัน ตามประกบจากด้านหลัง ใช้อาวุธปืนพกจ่อยิง แล้วขับรถหลบหนี, นอนมาในรถกระบะหลังของรถปิกอัพ โดยกอดปืนกับตัว เมื่อถึงเป้าหมายจึงจะจอดรถ แล้วลุกขึ้นมากราดยิงเป้าหมาย แล้วหลบหนี โดยการแต่งกายนั้นจะใช้ชุดดำไม่สะท้อนแสง มีผ้าสีแดงผืนเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์บอกฝ่าย


 


2.ลอบวางระเบิด ได้แก่ นำวัตถุมาประกอบแสวงเครื่องในภาชนะที่สามารถหาได้ เช่น ท่อพีวีซี หม้อเก่าๆ ต่อวงจรไฟฟ้า และสายไฟ นำไปวางตามเป้าหมายที่จะสังหาร หรือก่อกวน เช่น สถานที่ทางศาสนา ร้านค้า ร้านอาหาร ยานพาหนะ ตามแผนการที่วางไว้ ทำงานด้วยรีโมตคอนโทรล หรือโทรศัพท์มือถือ, ขุดเจาะรูตามไหล่ทางกว้างประมาณ 30-50 ซม.ลึกเข้าไปจนถึงกึ่งกลางถนน 1-2 เมตร นำเอาระเบิดแสวงเครื่องหนัก 15-30 กก.ใส่เข้าไป ลากสายไฟประมาณ 20-50 ม.


 


สำหรับจุดระเบิด เมื่อเป้าหมายผ่านมาในพื้นที่จึงทำการกดระเบิด, วางระเบิดในท่อระบายน้ำลอดใต้ถนน โดยเจาะขึ้นไปใต้ถนน นำระเบิดเข้าไปใส่แล้ววางสายไฟฟ้าออกมาริมถนน เพื่อกดระเบิด, นำระเบิดที่ประกอบเรียบร้อยแล้วประกอบเข้ากับรถจักรยายนต์ รอจุดระเบิด


 


3.ลอบวางเพลิง ได้แก่ เผาทำลายเพื่อสร้างความวุ่นวาย เช่น ยางรถยนต์ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ เสาขยายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ศาลาที่พักโดยสาร, เผาทำลายเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน เช่น ลอบเผาโรงเรียน บ้านเรือนประชาชน วัด โรงงานยางพารา หรือสถานที่ราชการอื่นๆ


 


4.รวมกลุ่มชุมนุมประท้วง ด้วยการนำผู้หญิงและเด็กแต่งชุดดำปิดหน้ารวมกลุ่มเพื่อประท้วง ตะโกนด่าทอ กดดันเจ้าหน้าที่ บางครั้งจะปิดถนนไม่ให้รถสัญจรผ่านไป-มา ยื่นข้อต่อรองให้เจ้าหน้าที่ทำตามความต้องการ


 


5.ใช้ระเบิดขว้างเข้าใส่จุดรักษาการณ์เจ้าหน้าที่ ซึ่งมีเหตุการณ์น้อย เนื่องจากจำกัดด้วยลูกระเบิดขว้าง 6.ตัดต้นไม้เพื่อขัดขวางการเข้าพื้นที่ หรือการเข้าปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 7.โปรยตะปูเรือใบ ขัดขว้างยางพาหนะของเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ หรือเข้าปฏิบัติการใดๆ และ 8.ทำลายพืชสวน เพื่อข่มขู่ กดดันเจ้าของให้เกิดความหวาดกลัว ย้ายหรือทิ้งบ้านเรือนไปอาศัยอยู่ที่อื่นๆ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net