โดย เมธา มาสขาว และ พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ
"นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความผู้ต้องหาในคดีเจไอไม่ได้หายตัวไปไหน เพียงแต่มีปัญหาทะเลาะกับภรรยาจึงหลบมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และตัดขาดการติดต่อจากคนอื่น"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, มีนาคม 2547
12 มีนาคม 2547 เวลา 20.30 น. นายสมชาย นีละไพจิตร ได้ถูกอุ้มหายไปกลางเมืองหลวงของประเทศไทย จวบจนบัดนี้ 3 ปีแล้วยังไม่ทราบชะตากรรม หลายฝ่ายคาดว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าศพของเขาอยู่ที่ไหน นอกจากใครบางคนที่กำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วระลึกถึงเหตุการณ์วันที่ได้กระทำการ "อุ้มฆ่า" ลงไป...
นาย
รามคำแหง ในวันดังกล่าว ก่อนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่น้อยกว่า 4-5 คน ปฏิบัติการอุ้มนาย
ด้วยแรงกดดันจากสาธารณชนในเดือนเมษายน พ.ศ. 2547 ได้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ต.
12 มกราคม พ.ศ. 2549 ศาลตัดสินจำคุก พ. ต. ต. เงิน ทองสุกในข้อหาขืนใจ ทำให้สูญเสียอิสรภาพและระบุว
่าเกิดจากการกระทำของร่วมกันกับบุคคล 3-5 คน ผู้ต้องหาซึ่งเป็นตำรวจอีก 4 นายยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ
แม้ว่าคำตัดสินในวันนั้นจะเป็นคำตัดสินประวัติศาสตร์ครั้งแรกของไทยที่ระบุว่าเจ้าพนักงานตำรวจมีส่วนในการอุ้มประชาชน แต่จนบัดนี้ยังไม่ทราบว่านายสมชายยังมีชีวิตหรือไม่และยังไม่มีผู้ใดได้รับการลงโทษหรือพิจารณาคดีในกรณีที่ทำให้ทนายสมชายหายไป หรือทำให้ทนายสมชายเสียชีวิตแต่อย่างใด
"ทราบว่าเสียชีวิตแล้ว มีพยานแวดล้อมยืนยันได้ว่ามีการตาย ... ต้องยอมรับเลยว่ามันไม่ง่าย คดีที่เกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่รัฐ การหาพยานหลักฐานไม่ง่าย ขอให้ดีเอสไอสรุปสำนวนการสอบสวนก่อน ตอนนี้เราจะสรุปตรงจุดที่ว่า ทนายสมชาย เสียชีวิตแล้ว และจะนำไปสู่การดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตาย แต่ต้องรู้ให้ชัดเจนก่อนว่าเสียชีวิตแล้ว จึงจะดำเนินการได้ ดีเอสไอ จะสรุปการสอบสวนได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ( 2549)"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, มกราคม 2549
"เพื่อให้สังคมได้รับรู้ถึงความสำคัญของการเรียกร้องสิทธิ และความยุติธรรมของคนที่หายไปจากบุคคลที่รัก ครอบครัว เพื่อนฝูง และสังคม โดยเฉพาะยิ่งยากนักถ้าการต่อสู้นี้เกิดขึ้นจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องคุ้มครอง และรักษาความปลอดภัยในชีว
ิตของประชาชน เรื่องนี้เบื้องต้นก็ต้องทำให้เรื่องนี้กระจ่าง หมายถึงไม่ได้เป็นการมุบมิบรู้กันระหว่างเรากับใคร! สักคนสองคน แต่เรื่องนี้สังคมต้องเข้ามารับรู้
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของทนายจนๆ คนหนึ่ง แต่มันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน แล้วมันไม่ได้เป็นเรื่องแค่สังคมไทย แต่ประชาคมโลกทั้งหมดให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ถ้าหากรัฐบาลมีความจริงใจ ต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ถ้าหากว่ารัฐบาลสามารถที่จะหาตัวคุณสมชายมา หรืออะไรก็ตามที่บ่งบอกว่าเป็นคุณสมชาย คิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลดีขึ้นในสายตาของคนทั่วไป แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้ารัฐ หรือประชาชนธรรมดา"
นางอังคณา นีละไพจิตร
20 มิถุนายน 2548 นางอังคณา นีละไพจิตรได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรและได้พูดคุยร้องขอในเรื่องการหาตัวนายสมชาย นีละไพจิตรและร้องขอความยุติธรรมโดยไม่ขอรับความช่วยเหลือใดๆ ที่ทางนายกรัฐมนตรีเสนอให้
23 สิงหาคม 2548 นางอังคณา นีละไพจิตร ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึงประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเรื่องการไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินการติดตามหานายสมชาย นีละไพจิตร ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี 5 เดือนจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับชั้นและทุกหน่วยงาน ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนจึงได้จัดตั้งอนุกรรมการการติดตามการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตรและได้ดำเนินการสืบหาตามแหล่งข้อมูลที่ได้รับตลอดเนื่องมา เนื่องจากข้อมูลถูกปกปิดและมีอยู่! จำกัดทำให้ความพยายามยังไม่ประสบผล
1 ธันวาคม2548นางอังคณา นีละไพจิตรก็ได้ทำหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรองนายกรัฐมนตรีพล.ต.ต.
8 ธันวาคม 2548 นางอังคณา นีละไพจิตร ได้ยื่นหนังสือถึงจเรตำรวจแห่งชาติ ร้องทุกข์เรื่องการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นจำเลยในคดีปล้นทรัพย์และขืนใจนายสมชายยังคงรับราชการและปฎิบัติหน้าที่ขณะที่กำลังดำเนินคดีและบางส่วนกำลังจะขอกลับเข้ารับราชการหลังศาลพิจารณาคดีเสร็จสิ้น ซึ่งตามปกติข้าราชการที่ถูกกล่าวหาในคดีอาญาจะต้องถูกให้ออกราชการไว้ก่อน โดยขอให้มีการดำเนินการสอบวินัย แต่ปัจจุบันก็ไม่ได้รับทราบผลการดำเนินการแต่อย่างไร
16 กุมภาพันธ์ 2549 นางอังคณา นีละไพจิตรได้ทำหนังสือถึงอัยการการคดีพิเศษและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและข้อสังเกตในพยานหลักฐานในการดำเนินคดีการหายตัวไปของนายสมชาย เพื่อให้ทางอัยการสูงสุดและกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณาพยานหลักฐานอย่างรอบครอบและขยายผลการสืบสวนอย่างจริงจัง
22 มีนาคม 2549 นางอังคณา นีละไพจิตรได้ยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาขอความเป็นธรรมและขอให้ดำเนินการคดีปกครองแทนผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย กรณีที่นางอังคณา นีละไพจิตร เป็นผู้เสียหายจากการหายไปของนาย
สมชาย นีละไพจิตร และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังที่ศาลตัดสินลงโทษพ.ต.ต เงิน ทองสุกว่าได้ข่มขืนใจนายสมชายในวันที่หายตัวไป
มีนาคม 2549 ได้มีความพยายามของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการค้นหาหลักฐานในแม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยมีการงมค้นหาวัตถุพยานที่เป็นถังน้ำมันที่เชื่อว่ามีการนำมาทิ้งหลังจากการเผาทำลายศพ ซึ่งเป็นการขยายผลการสืบสวนและพบข้อมูลเพียงว่ามีกลุ่มบุคคลได้นำทนายสมชายไปในเขตจังหวัดราชบุรี อย่างไรก็ดีพบว่าข้อมูลที่ได้เป็นเพียงคำบอกเล่าซึ่งไม่ความน่าเชื่อถือ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงคว้าน้ำเหลว แต่พบว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษมิได้สอบสวนขยายผลเพิ่มเติมจากเจ้าพนักงานตำรวจคดีปล้นทรัพย์นายสมชาย
9 พฤษภาคม 2549 นางอังคณาได้ยื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงยุติธรรมเรื่องขอเปลี่ยนตัวหัวหน้าพล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ พนักงานสอบสวนในคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่ามีลักษณะการทำงานที่ปกปิดและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต้องหาและจำเลยคดีปล้นทรัพย์นายสมชาย ทำให้ไม่สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าของหนังสือร้องเรียนและการสืบสวนสอบสวนการหายตัวไปของนายสมชายก็ยังคงล่าช้าและไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเสียหายและทุกข์ทรมานต่อค! รอบครัวนายสมชายเป็นอย่างมาก
รายงานการสังเกตุการณ์ทางคดีของคณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของไทยและองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเคยเขียนรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า การดำเนินคดีการหายไปของทนายความสิทธิมนุษยชนสมชาย นีละไพจิตร มีข้อบกพร่องอย่างมากมาย และตำรวจไม่ควรได้รับความเชื่อถือให้สืบสวนเอาผิดพวกเดียวกัน" ในรายงานของฮิวแมนไรท์เฟริสต์ ระบุว่า "สมชายทำงานเพื่อปกป้องคุ้มครองความยุติธรรมและนิติรัฐของไทยในกรณีปัญหาทางภาคใต้! มาเป็นเวลากว่า 20 ปี และตอนนี้ครอบครัวของสมชายกลับไม่สามารถได้รับความยุติธรรม" อีกทั้งในรายงานของ The Observatory (FIDH/OMCT) ระบุว่ามีการตั้งข้อหาของคดีนี้ไม่สมเหตุผลและไม่ได้สมกับอาชญกรรมที่เกิดขึ้นกับนายสมชายและเสนอด้วยว่าประเทศไทยควรที่จะมีบทบัญญัติทางกฎหมายใหม่ที่สามารถลงโทษทางอาญาในกรณีคนหาย หรือล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 สมาชิกสภาสหภาพยุโรปจากประเทศอังกฤษและประเทศเยอรมัน ได้ตั้งกระทู้ถามใน สหภาพยุโรปและกรรมาธิการยุโรปต่อกรณีการล้มเหลวของคำสัญญาของของรัฐบาลไทยในการตามหาตัวทนายสมชาย
ในขณะนี้คดีการสืบสวนสอบสวนการหายไปของนาย
หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พล.อ.
12 มีนาคม 2550 ครบรอบ 3 ปี แห่งการอุ้มหายกลางเมืองหลวง..
หวังใจว่ารัฐบาลคงจะมีคำตอบ!!
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)